นับจากปลายปี 2006 เป็นต้นมา วอลโว่ปูพรมลุยตลาดรถยนต์ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยนับจากการเปิดตัวรุ่นซี30 ก็มาถึงเอส80 และล่าสุดคือ วี70 และเอ็กซ์ซี70 แต่ทีเด็ดจากแบรนด์ดังแห่งสวีเดนยังไม่หมดเท่านี้ เพราะในช่วงกลางปีนี้จะเริ่มทำตลาดรถยนต์ระดับหรูขนาดคอมแพ็กต์ด้วยรุ่นปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์ของรถยนต์ 2 รุ่น คือ เอส40 และวี50 เพื่อกระตุ้นตลาดอีกครั้งหลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2003
ทั้ง 2 รุ่นเป็นรถยนต์สายพันธุ์เดียวกันที่ใช้พื้นฐานร่วมกัน แต่เหตุผลที่แยกรุ่นให้แตกต่างก็เพราะว่าวอลโว่ต้องการใช้เกิดความชัดเจนในเรื่องของประเภทตัวถังที่นอกจากจะใช้ภาษาอังกฤษด้านหน้าบ่งบอกแล้ว (S-Sedan, V-Versatility, C-Coupe และ XC-Cross-Country) ยังใช้ตัวเลข 2 หลักด้านหลังในการย้ำชัดด้วย คือ ตัวเลขแรกเป็นเลขคู่จะหมายถึงรถยนต์ซีดาน 4 ประตู เช่น เอส40, เอส60 และเอส80 แต่ถ้าเป็นเลขคี่จะเป็นรถยนต์ประเภทอื่นๆ เช่น ซี70, ซี30 หรือเอ็กซ์ซี90
สำหรับการปรับโฉมครั้งนี้สามารถสัมผัสได้จากความเปลี่ยนแปลงของกระจังหน้าลายใหม่ พร้อมกับขยายโลโก้ Volvo ที่คาดอยู่ตรงกลางให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ไฟหน้ายังเป็นทรงเดิมแต่เปลี่ยนรายละเอียดและตำแหน่งในการจัดวางไฟใหม่ เช่นเดียวกับกันชนหน้าซึ่งออกแบบช่องรับอากาศใหม่จากเดิมเป็นแบบ 3 ช่องมาเป็นแบบแถบยาวเพิ่มความดุดันพร้อมกับประโยชน์ใช้สอย
ส่วนด้านท้ายมากับไฟท้ายใหม่ใช้หลอดไฟแบบ LED-light emitting diode สำหรับไฟเบรก ซึ่งมีขนาดเล็กลง เช่นเดียวกับด้านหน้า กันชนท้ายออกแบบใหม่เพิ่มความสวยสะดุดตาในทุกมุมมอง ภายในห้องโดยสารยังคงรูปแบบของชุดแผงมาตรวัดและแผงหน้าปัดเหมือนกับรุ่นเดิม แต่เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งใหม่ รวมถึงออกแบบรายละเอียดกระจุกกระจิกใหม่ เช่น ที่วางแก้วน้ำ ทรงใหม่ หรือการขยายขนาดของช่องเก็บของระหว่างเบาะนั่งคู่หน้าให้มีความจุเพิ่มขึ้น
แน่นอนว่าเครื่องยนต์ยังมีทางเลือกเหมือนเดิมทั้งเบนซิน1.6 4 สูบ 1,600 ซีซี 99 แรงม้า, 1.8 1,800 ซีซี 123 แรงม้า, 2.0 2,000 ซีซี 136 แรงม้า, 2.4 2,400 ซีซี 170 แรงม้า และเทอร์โบดีเซล 1.6Ds 1,600 ซีซี 108 แรงม้า, 2.0Ds 2,000 ซีซี 134 แรงม้า แต่ที่มีความเปลี่ยนแปลงในรุ่นปรับโฉม คือ รุ่น T5 เทอร์โบ 5 สูบ 2,500 ซีซี ที่มีกำลังขยับขึ้นมาอีก 10 แรงม้าเป็น 230 แรงม้า ส่วนรุ่นเทอร์โบดีเซล D5 178 แรงม้าจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะรุ่นใหม่ มีแรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. แต่ถ้าเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติจะมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 35.6 กก.-ม.
ในยุโรปจะเริ่มทำตลาดกลางปีนี้ โดยที่คาดว่าราคาจะเปลี่ยนแปลงจากเดิมไม่มากนัก โดยอยู่ระหว่าง 16,000-25,000 ปอนด์ หรือ 1.1-1.75 ล้านบาท ในอังกฤษ จากนั้นวอลโว่จะทยอยส่งทำตลาดตามภูมิภาคอื่นๆ