ทิ้งระยะจากการเปิดตัวเวอร์ชันต้นแบบได้ประมาณ 1 เดือน ถึงตอนนี้บีเอ็มดับเบิลยูจัดการเผยโฉมรุ่นจำหน่ายจริงของ เอ็ม3 คูเป้ ใหม่ออกมาแล้ว พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหลายจุดจากรุ่นต้นแบบที่เปิดตัวในเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2007 ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เอ็ม3 ถือเป็นความแรงไซส์กะทัดรัดที่อยู่คู่กับบีเอ็มดับเบิลยูมานาน และเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 21 ปีที่แล้วกับการพัฒนาบนตัวถังคูเป้ของซีรีส์ 3 รุ่นที่ 2 หรือที่รู้จักกันในรหัสตัวถัง E30 และนับจากนั้นก็ถือเป็นส่วนหนึ่งในสายพันธุ์ซีรีส์ 3 ที่จะต้องมีทำตลาดควบคู่กัน และในรุ่นหลังๆ ก็จะมีให้เลือกทั้งตัวถังซีดาน และเปิดประทุนควบคู่กันด้วยโดยขึ้นอยู่กับแต่ละตลาดในแต่ละภูมิภาค
ความเปลี่ยนแปลงในรุ่นใหม่ คือ การยกเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ทวินแคม 24 วาล์ว 3,200 ซีซีซึ่งอยู่ในรุ่นที่แล้วออกไป และแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ที่ทั้งใหญ่และแรงกว่า เพื่อให้เอ็ม3 กรุ่นกลิ่นอายความแรงจากสนามแข่งฟอร์มูลา วันที่ค่ายใบพัดสีฟ้าเข้าร่วมการแข่งขันภายใต้ชื่อทีม บีเอ็มดับเบิลยู ซอเบอร์ เอฟวัน
เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นบล็อกวี8 ทวินแคม 32 วาล์ว 4,000 ซีซี (3,999 ซีซี) มีกำลังสูงสุด 420 แรงม้า ที่ 8,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม. ที่ 3,900 รอบ/นาที โดยที่ 85% ของแรงบิดสูงสุดจะถูกผลิตออกมาที่รอบปานกลาง 6,500 รอบ/นาที เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกรอบเครื่องยนต์ ส่วนระบบเกียร์มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา 6 จังหวะ หรือว่ารุ่นเอสเอ็มจีที่มีพื้นฐานเป็นเกียร์ธรรมดา แต่มีระบบไฟฟ้าควบคุมการทำงานของคลัตช์ และมีการเปลี่ยนเกียร์ในแบบขึ้น-ลงสไตล์ซีเควนเชียล
ในด้านสมรรถนะการขับเคลื่อนสามารถตอบสนองได้อย่างเร้าใจ ซึ่งเป็นผลมาจากเครื่องยนต์บล็อกใหญ่ขึ้น มีแรงม้าเพิ่มขึ้นซึ่งจากเดิมในบล็อก 6 สูบมีอัตราส่วนของแรงม้าต่อความจุ 1 ลิตรอยู่ที่ 100 แรงม้า/ลิตร แต่สำหรับรุ่นใหม่ขยับขึ้นมาเป็น 105 แรงม้า/ลิตร ส่วนอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใช้เวลา 4.8 วินาที และความเร็วสูงสุดถูกล็อกเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง และความประหยัดที่แม้จะไม่มีใครนึกถึง แต่เอ็ม3 ใหม่ก็มีค่าความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีในระดับหนึ่ง อยู่ที่ 9.24 กิโลเมตร/ลิตร
นอกจากนั้นในเรื่องความทันสมัย บีเอ็มดับเบิลยูได้คิดค้นโปรแกรมการพัฒนาที่เรียกว่า EfficientDynamics ขึ้นมาเพื่อให้รถมีความประหยัดพลังงานขึ้นด้วยการใช้ Intelligent Alternator Control และแบตเตอรี่แบบ Absorbent Glass Mat ในการเปลี่ยนพลังงานที่สูญเปล่าในระหว่างการขับ เช่น ระหว่างการเบรกหรือถอนคันเร่งมาใช้ปั่นระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่สำหรับใช้ในระบบของตัวรถ
อีกจุดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมนี้ คือ การลดน้ำหนักของตัวรถนี่ก็เลยเป็นที่มาของการใช้หลังคาที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับที่ใช้อยู่ในเอ็ม3 ซีเอสแอลรุ่นที่แล้ว รวมถึงระบบช่วงล่างหลังที่ผลิตจากอะลูมิเนียม ขณะที่เครื่องยนต์ก็ผลิตจากวัสดุที่เบาทำให้มีน้ำหนักเพียง 202 กิโลกรัมเท่านั้น เบากว่าเครื่องยนต์ 6 สูบรุ่นเดิมถึง 15 กิโลกรัมทั้งที่เครื่องยนต์มีขนาดใหญ่กว่า และได้รับการพัฒนาบนเทคโนโลยีชั้นสูงจากแวดวงเอฟวัน รวมถึงยังผลิตบนสายการผลิตเดียวกันที่โรงงานลุนชัดต์ ประเทศเยอรมนีอีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยูเผยว่าเอ็ม3 คูเป้จะเริ่มขายในยุโรปช่วงเดือนกันยายนนี้ ส่วนราคาอดใจรออีกนิด เพราะจะเปิดเผยตัวเลขที่เป็นทางการออกมาในช่วงเวลาใกล้ถึงการขายจริง
