ข่าวในประเทศ - “เบนซ์-เชฟโรเลต” ไม่สนราคาน้ำมันปรับหัวลง เดินหน้าลุยรถพลังงานทดแทน พร้อมใจกันส่งรถยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีสู่ตลาด และถือเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งเอ็นจีวีโดยตรงจากโรงงานในไทย เริ่มจากเดมเลอร์ไครสเลอร์ที่เปิดขายอย่างเป็นทางการแล้ว กับ “เมอร์เซเดส อี200 เอ็นจีที” เวอร์ชั่นปรับโฉมใหม่ เคาะราคาเพียง 3.7 ล้านบาท ต่ำกว่าโฉมเดิมรุ่นนำเข้าถึงกว่า 4 แสนบาท จากอัตราภาษีสรรพสามิตรถพลังทดแทน ที่ลดเหลือเพียง 20% ขณะที่ค่ายจีเอ็มแม้จะเลื่อนแผนทำตลาดปิกอัพ “เชฟโรเลต โคโลราโด” เครื่องยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีออกไปไม่มีกำหนด เหตุต้นทุนสูงทำให้ราคาไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ได้พลิกแผนเตรียมเปิดตัว “เชฟโรเลต ออพตร้า” เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และเอสเตท 5 ประตู บุกตลาดแทน ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2007 ปลายเดือนมีนาคมนี้ สนนราคาเคาะต่ำกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซินแน่นอน โดยงานนี้ควงคู่มากับเอสยูวีโมเดลใหม่ “แคปติวา” ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และเบนซิน เป็นทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า

หลังจากราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลง ทำให้กระแสการใช้พลังงานทดแทน พลอยได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถน้อยลง และยิ่งการรณรงค์ผลักดันจากภาครัฐลดดีกรีด้วยแล้ว ทำให้บรรดาพลังงานทดแทนไม่ว่าจะเป็น น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และก๊าซเอ็นจีวี (NGV : Natural Gas vehicle) ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีการกระตุ้นผลักดันกันสุดฤทธิ์สุดเดช จนถึงกับมีนโยบายอนาคตประชาชนชาวไทย ต้องถูกบังคับใช้พลังงานทดแทนเหล่านี้กันเลยทีเดียว แต่ทันทีที่รัฐบาลขิงแก่เข้ามาบริหาร นโยบายทุกอย่างก็ถูกยกเลิก หันกลับมาใช้แบบสมัครใจแทน
ผลที่สุดจากการสำรวจล่าสุด ของกระทรวงพลังงาน โดยสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ปรากฏว่าผู้ใช้รถถึง 66% ยังไม่ยอมใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ เพราะยังไม่มีความมั่นใจในคุณภาพ ขณะที่เอ็นจีวีไม่ต้องสำรวจก็ทราบทั่วไป ที่ผ่านมาแม้ปตท. หรือภาครัฐจะลงมาสนับสนุน ทั้งให้ส่วนลด และสินเชื่อในการติดตั้ง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรจากประชาชน ที่สำคัญการกระจายสถานีรองรับผู้ใช้ก๊าซเอ็นจีวีของปตท. ก็แทบจะไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางบริษัทรถยนต์ที่ยังมีความเชื่อมั่นว่า พลังงานทดแทนโดยเฉพาะก๊าซเอ็นจีวี น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ดีให้กับลูกค้า นั่นก็คือเดมเลอร์ไครสเลอร์ ประเทศไทย ผู้ผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และจีเอ็ม ประเทศไทย ผู้ผลิตรถยนต์เชฟโรเลต ซึ่งได้สนองนโยบายรัฐบาลเต็มที่ ด้วยการผลิตรถยนต์ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นพลังงานมาจากโรงงานโดยตรง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในเมืองไทยก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีรถยนต์ติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี แต่ก็เป็นในลักษณะนำรถยนต์ใช้น้ำมันเบนซินปกติทั่วไป มาติดตั้งเอ็นจีวีนอกโรงงานในภายหลังแทน

ทั้งนี้เดมเลอร์ไครสเลอร์ ประเทศไทย ได้มีความมุ่งมั่นมาตั้งแต่แรก ที่จะทำตลาดรถยนต์เอ็นจีวีในไทย ทันทีที่ภาครัฐมีนโยบายผลักดันให้ใช้ก๊าซเอ็นจีวี เดมเลอร์ไครสเลอร์ก็เด้งรับนำเข้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี200 เอ็นจีที (NGT : Natural Gas Technology) ซึ่งเป็นรถใช้ก๊าซธรรมชาติของเดมเลอร์ไครสเลอร์ (ในไทยเรียก NGV) จากนั้นก็ประกาศชัดเจนว่า จะขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์รุ่นนี้ในไทยด้วย แม้จะยังไม่มีความมั่นใจเรื่องการขยายสถานีบริการของปตท.ก็ตาม
ในการทำตลาดครั้งแรกเมื่อกลางปีที่แล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี200 เอ็นจีที มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4.14 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาของรถยนต์นำเข้าสำเร็จรูป แต่ล่าสุดทันทีที่เดมเลอร์ไครสเลอร์ประเทศไทย ได้เปิดตัวอี-คลาสเวอร์ชั่นปรับโฉมใหม่สู่ตลาด เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นเพียงไม่ถึงเดือนเดมเลอร์ไครสเลอร์ก็ได้เปิดตัว อี200 เอ็นจีที เวอร์ชั่นปรับโฉม และเป็นรุ่นประกอบในไทย(CKD) สู่ตลาดตามออกมาทันทีเช่นกัน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี200 เอ็นจีที ใหม่ นอกจากหน้าตาและอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ได้ปรับไปตามเวอร์ชั่นใหม่ของอี-คลาสรุ่นทั่วไปแล้ว เครื่องยนต์ยังคงเหมือนเช่นเดิม เป็นบล็อก 1.8 ลิตร 163 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. แค่ 10.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม. สามารถใช้พลังงานได้ทั้งเอ็นจีวี และน้ำมันเบนซิน โดยผู้ใช้สามารถเลือกปรับเปลี่ยนใช้ได้อย่างสะดวก เพราะมีปุ่มปรับเปลี่ยนระบบการทำงานที่พวงมาลัย อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง สำหรับก๊าซธรรมชาติแค่ 6.0 กก. ต่อระยะทาง 100 กม. หรือหากเป็นน้ำมันอยู่ที่ 9.0-9.3 ลิตรต่อระยะทาง 100 กม.
ส่วนสนนราคาของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี200 เอ็นจีที ใหม่ เคาะออกมาที่ 3.7 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ารุ่นนำเข้าถึงกว่า 4 แสนบาท นับว่าคุ้มค่าทีเดียว ซึ่งราคาที่แตกต่างกันเช่นนี้เป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ด้วยการลดภาษีให้กับรถยนต์ที่ใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติ จากเดิมที่ต้องเสียไม่ต่ำกว่า 30% ลดลงเหลือเพียง 20% เท่านั้น โดยขณะนี้เดมเลอร์ไครสเลอร์ได้เปิดขายแล้วอย่างเป็นทางการ

ในส่วนของค่ายจีเอ็มได้มีการหยั่งเชิงลองตลาด โดยเปิดให้ดีลเลอร์ติดตั้งเอ็นจีวี ให้กับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์นั่ง หรือเก๋งเชฟโรเลต ออพตร้าแล้ว ยังได้มีการศึกษาแผนที่จะทำตลาดปิกอัพเชฟโรเลต โคโลราโด เครื่องยนต์ใช้เอ็นจีวี ซึ่งเป็นการติดตั้งจากโรงงานโดยตรงด้วย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้รับคำยืนยันจากจีเอ็มว่า โครงการดังกล่าวคงต้องเลื่อนออกไปสักระยะ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่น่าจะมีความเหมาะสม เนื่องจากต้นทุนในการผลิตและติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีในปิกอัพโคโลราโดสูงมาก ขณะที่สถานีบริการรองรับส่วนใหญ่ ยังอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลเท่านั้น หากผลิตออกมาทำตลาดช่วงนี้ จึงไม่น่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้า แต่จีเอ็มยังเห็นว่าก๊าซเอ็นจีวีเป็นอีกพลังงานทางเลือกที่ดีให้กับลูกค้า จึงทำการผลิตเก๋งรุ่นออพตร้า ที่สามารถใช้ก๊าซเอ็นจีวีจากโรงงานของจีเอ็มโดยตรงสู่ตลาดแทน
เชฟโรเลต ออพตร้า ใช้ก๊าซเอ็นจีวี มีให้เลือกเฉพาะเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรเท่านั้น แต่ลูกค้าสามารถซื้อได้ทั้งแบบตัวถังเอสเตท 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู ส่วนรูปลักษณ์และอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ยังคงเหมือนรุ่นเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป แต่จุดดีของออพตร้าเครื่องยนต์ใช้เอ็นจีวี จะอยู่ที่การติดตั้งมีความสมบูรณ์ และลงตัวมากกว่าติดตั้งจากข้างนอก ที่สำคัญได้รับการรับประกันเช่นเดียวกับรุ่นปกติทั่วไป ฉะนั้นจึงมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ และความปลอดภัย

สำหรับราคาจำหน่ายยังไม่เคาะออกมา แต่จะต่ำกว่ารุ่นเครื่องยนต์ใช้เฉพาะน้ำมันเบนซินแน่นอน เพราะได้รับการสนับสนุนลดภาษีสรรพสามิตให้เหลือเพียง 20% จากเดิมจะต้องจ่ายในอัตรา 30% โดยกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2007 ที่จะมีขึ้นปลายเดือนมีนาคมนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา
นอกจากเก๋งออพตร้าเครื่องยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีแล้ว ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ จีเอ็มยังมีรถยนต์โมเดลใหม่ที่เป็นทีเด็ดในงานดังกล่าว นั่นก็คือเชฟโรเลต แคปติวา (Chevrolet Captiva) รถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ หรือเอสยูวีรุ่นใหม่ ที่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซลทำตลาด ซึ่งมีรายงานว่าจีเอ็มจะเปิดราคาให้ลูกค้าจองทันที ก่อนจะเปิดอย่างเป็นทางการและส่งมอบในเดือนพฤษภาคม หรือไม่เกินกลางปีนี้อีกที
นี่จึงเป็นอีกทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวไทย ถึงแม้ปัจจุบันความกดดันเรื่องราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะผ่อนคลายลงมาก แต่ด้วยจุดเด่นของรถยนต์ใช้พลังงานเอ็นจีวี ที่ถูกผลิตจากโรงงานโดยตรง ได้รับการรับประกันเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป และที่สำคัญราคาต่ำกว่า ทั้งตังรถและค่าใช้จ่ายของเชื้อเพลิง นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว!!
หลังจากราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลง ทำให้กระแสการใช้พลังงานทดแทน พลอยได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถน้อยลง และยิ่งการรณรงค์ผลักดันจากภาครัฐลดดีกรีด้วยแล้ว ทำให้บรรดาพลังงานทดแทนไม่ว่าจะเป็น น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และก๊าซเอ็นจีวี (NGV : Natural Gas vehicle) ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีการกระตุ้นผลักดันกันสุดฤทธิ์สุดเดช จนถึงกับมีนโยบายอนาคตประชาชนชาวไทย ต้องถูกบังคับใช้พลังงานทดแทนเหล่านี้กันเลยทีเดียว แต่ทันทีที่รัฐบาลขิงแก่เข้ามาบริหาร นโยบายทุกอย่างก็ถูกยกเลิก หันกลับมาใช้แบบสมัครใจแทน
ผลที่สุดจากการสำรวจล่าสุด ของกระทรวงพลังงาน โดยสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ปรากฏว่าผู้ใช้รถถึง 66% ยังไม่ยอมใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ เพราะยังไม่มีความมั่นใจในคุณภาพ ขณะที่เอ็นจีวีไม่ต้องสำรวจก็ทราบทั่วไป ที่ผ่านมาแม้ปตท. หรือภาครัฐจะลงมาสนับสนุน ทั้งให้ส่วนลด และสินเชื่อในการติดตั้ง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรจากประชาชน ที่สำคัญการกระจายสถานีรองรับผู้ใช้ก๊าซเอ็นจีวีของปตท. ก็แทบจะไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางบริษัทรถยนต์ที่ยังมีความเชื่อมั่นว่า พลังงานทดแทนโดยเฉพาะก๊าซเอ็นจีวี น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ดีให้กับลูกค้า นั่นก็คือเดมเลอร์ไครสเลอร์ ประเทศไทย ผู้ผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และจีเอ็ม ประเทศไทย ผู้ผลิตรถยนต์เชฟโรเลต ซึ่งได้สนองนโยบายรัฐบาลเต็มที่ ด้วยการผลิตรถยนต์ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นพลังงานมาจากโรงงานโดยตรง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในเมืองไทยก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีรถยนต์ติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี แต่ก็เป็นในลักษณะนำรถยนต์ใช้น้ำมันเบนซินปกติทั่วไป มาติดตั้งเอ็นจีวีนอกโรงงานในภายหลังแทน
ทั้งนี้เดมเลอร์ไครสเลอร์ ประเทศไทย ได้มีความมุ่งมั่นมาตั้งแต่แรก ที่จะทำตลาดรถยนต์เอ็นจีวีในไทย ทันทีที่ภาครัฐมีนโยบายผลักดันให้ใช้ก๊าซเอ็นจีวี เดมเลอร์ไครสเลอร์ก็เด้งรับนำเข้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี200 เอ็นจีที (NGT : Natural Gas Technology) ซึ่งเป็นรถใช้ก๊าซธรรมชาติของเดมเลอร์ไครสเลอร์ (ในไทยเรียก NGV) จากนั้นก็ประกาศชัดเจนว่า จะขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์รุ่นนี้ในไทยด้วย แม้จะยังไม่มีความมั่นใจเรื่องการขยายสถานีบริการของปตท.ก็ตาม
ในการทำตลาดครั้งแรกเมื่อกลางปีที่แล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี200 เอ็นจีที มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4.14 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาของรถยนต์นำเข้าสำเร็จรูป แต่ล่าสุดทันทีที่เดมเลอร์ไครสเลอร์ประเทศไทย ได้เปิดตัวอี-คลาสเวอร์ชั่นปรับโฉมใหม่สู่ตลาด เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นเพียงไม่ถึงเดือนเดมเลอร์ไครสเลอร์ก็ได้เปิดตัว อี200 เอ็นจีที เวอร์ชั่นปรับโฉม และเป็นรุ่นประกอบในไทย(CKD) สู่ตลาดตามออกมาทันทีเช่นกัน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี200 เอ็นจีที ใหม่ นอกจากหน้าตาและอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ได้ปรับไปตามเวอร์ชั่นใหม่ของอี-คลาสรุ่นทั่วไปแล้ว เครื่องยนต์ยังคงเหมือนเช่นเดิม เป็นบล็อก 1.8 ลิตร 163 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. แค่ 10.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 227 กม./ชม. สามารถใช้พลังงานได้ทั้งเอ็นจีวี และน้ำมันเบนซิน โดยผู้ใช้สามารถเลือกปรับเปลี่ยนใช้ได้อย่างสะดวก เพราะมีปุ่มปรับเปลี่ยนระบบการทำงานที่พวงมาลัย อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง สำหรับก๊าซธรรมชาติแค่ 6.0 กก. ต่อระยะทาง 100 กม. หรือหากเป็นน้ำมันอยู่ที่ 9.0-9.3 ลิตรต่อระยะทาง 100 กม.
ส่วนสนนราคาของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี200 เอ็นจีที ใหม่ เคาะออกมาที่ 3.7 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ารุ่นนำเข้าถึงกว่า 4 แสนบาท นับว่าคุ้มค่าทีเดียว ซึ่งราคาที่แตกต่างกันเช่นนี้เป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ด้วยการลดภาษีให้กับรถยนต์ที่ใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติ จากเดิมที่ต้องเสียไม่ต่ำกว่า 30% ลดลงเหลือเพียง 20% เท่านั้น โดยขณะนี้เดมเลอร์ไครสเลอร์ได้เปิดขายแล้วอย่างเป็นทางการ
ในส่วนของค่ายจีเอ็มได้มีการหยั่งเชิงลองตลาด โดยเปิดให้ดีลเลอร์ติดตั้งเอ็นจีวี ให้กับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์นั่ง หรือเก๋งเชฟโรเลต ออพตร้าแล้ว ยังได้มีการศึกษาแผนที่จะทำตลาดปิกอัพเชฟโรเลต โคโลราโด เครื่องยนต์ใช้เอ็นจีวี ซึ่งเป็นการติดตั้งจากโรงงานโดยตรงด้วย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้รับคำยืนยันจากจีเอ็มว่า โครงการดังกล่าวคงต้องเลื่อนออกไปสักระยะ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่น่าจะมีความเหมาะสม เนื่องจากต้นทุนในการผลิตและติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีในปิกอัพโคโลราโดสูงมาก ขณะที่สถานีบริการรองรับส่วนใหญ่ ยังอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลเท่านั้น หากผลิตออกมาทำตลาดช่วงนี้ จึงไม่น่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้า แต่จีเอ็มยังเห็นว่าก๊าซเอ็นจีวีเป็นอีกพลังงานทางเลือกที่ดีให้กับลูกค้า จึงทำการผลิตเก๋งรุ่นออพตร้า ที่สามารถใช้ก๊าซเอ็นจีวีจากโรงงานของจีเอ็มโดยตรงสู่ตลาดแทน
เชฟโรเลต ออพตร้า ใช้ก๊าซเอ็นจีวี มีให้เลือกเฉพาะเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรเท่านั้น แต่ลูกค้าสามารถซื้อได้ทั้งแบบตัวถังเอสเตท 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู ส่วนรูปลักษณ์และอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ยังคงเหมือนรุ่นเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป แต่จุดดีของออพตร้าเครื่องยนต์ใช้เอ็นจีวี จะอยู่ที่การติดตั้งมีความสมบูรณ์ และลงตัวมากกว่าติดตั้งจากข้างนอก ที่สำคัญได้รับการรับประกันเช่นเดียวกับรุ่นปกติทั่วไป ฉะนั้นจึงมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ และความปลอดภัย
สำหรับราคาจำหน่ายยังไม่เคาะออกมา แต่จะต่ำกว่ารุ่นเครื่องยนต์ใช้เฉพาะน้ำมันเบนซินแน่นอน เพราะได้รับการสนับสนุนลดภาษีสรรพสามิตให้เหลือเพียง 20% จากเดิมจะต้องจ่ายในอัตรา 30% โดยกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2007 ที่จะมีขึ้นปลายเดือนมีนาคมนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา
นอกจากเก๋งออพตร้าเครื่องยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีแล้ว ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ จีเอ็มยังมีรถยนต์โมเดลใหม่ที่เป็นทีเด็ดในงานดังกล่าว นั่นก็คือเชฟโรเลต แคปติวา (Chevrolet Captiva) รถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ หรือเอสยูวีรุ่นใหม่ ที่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซลทำตลาด ซึ่งมีรายงานว่าจีเอ็มจะเปิดราคาให้ลูกค้าจองทันที ก่อนจะเปิดอย่างเป็นทางการและส่งมอบในเดือนพฤษภาคม หรือไม่เกินกลางปีนี้อีกที
นี่จึงเป็นอีกทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวไทย ถึงแม้ปัจจุบันความกดดันเรื่องราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะผ่อนคลายลงมาก แต่ด้วยจุดเด่นของรถยนต์ใช้พลังงานเอ็นจีวี ที่ถูกผลิตจากโรงงานโดยตรง ได้รับการรับประกันเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป และที่สำคัญราคาต่ำกว่า ทั้งตังรถและค่าใช้จ่ายของเชื้อเพลิง นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว!!