xs
xsm
sm
md
lg

มิทซึฮิโระ โซโนดะ: โตโยต้าคือแชมป์ปิกอัพตัวจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังก้าวรับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (ทีเอ็มที) แทน เรียวอิจิ ซาซากิ สดๆร้อนๆ เมื่อ 1 มกราคม ที่ผ่านมา สำหรับ มิตซึฮิโระ โซโนดะ ถัดมาเพียง 1 อาทิตย์ งานแรกในฐานะบิ๊กบอสส์คนใหม่ก็เริ่มขึ้น กับการแถลงผลประกอบการของปี 2549

แต่เรื่องเด่นประเด็นร้อนเห็นจะเป็นยอดขายปิกอัพ 1 ตัน ในปีที่ผ่านมา ซึ่งคู่แข่งอย่างอีซูซุประกาศชัดเจนว่า ยังครองแชมป์ในตลาดนี้อยู่ ด้วยการเฉือนเพียง 379 คันเท่านั้น ตรงนี้ โซโนดะ มองอย่างไร รวมถึงเป้าหมาย และสถานการณ์ของ“ทีเอ็มที”ในปีหมูทองนี้
มิทซึฮิโระ โซโนดะ
ช่วยสรุปภาพรวมของ“ทีเอ็มที”ในปีที่แล้ว

ปี 2549 ถือเป็นปีที่โตโยต้าประสบความสำเร็จมาก โดยมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในทุกตลาด ด้วยยอดขายรวม 2.89 แสนคัน เพิ่มขึ้น 4% นับเป็นการสร้างสถิติการขายเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันในฐานะผู้นำตลาด ขณะที่ตลาดรวมรถยนต์ไทยปีที่ผ่านมา ทำได้ 6.82 แสนคัน ลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

“สิ่งที่น่าภูมิใจของโตโยต้าคือยอดขายในตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (ปิกอัพและรถบรรทุก) ได้ทำสถิติสูงสุด 1.96 แสนคัน เพิ่มขึ้น 5% ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ทั้งโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ และฟอร์จูนเนอร์ มียอดขายสูงสุดในเซกเม้นท์นี้ จำนวน 1.85 แสนคัน เติบโต 5% โดยเฉพาะเซกเม้นท์ปิกอัพอย่างเดียว ไม่รวมปิกอัพดัดแปลง (ฟอร์จูนเนอร์) ซึ่ง ไฮลักซ์ วีโก้ สามารถทำได้ 166,358 คัน ส่งผลให้โตโยต้ามียอดขายอันดับ 1 และถือเป็นแชมป์ครั้งแรกในรอบ 9 ปี อีกด้วย”

แล้วการส่งออกเป็นอย่างไรบ้าง

ยอดส่งออกของทีเอ็มที มีการส่งออกรถยนต์โตโยต้าสำเร็จรูป (CBU) เป็นจำนวน 1.96 แสนคัน เติบโต 30% เมื่อเทียบกับปี 2548 และมีการส่งออกชิ้นส่วนอะไหล่ และ OEM คิดเป็นมูลค่า 3.36 หมื่นล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมยอดส่งออกจากทีเอ็มที คิดเป็นมูลค่าทั้งหมดมากกว่า 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปี่ก่อนหน้า

คาดการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้

ตลาดรถยนต์ในปี 2550 นี้ คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเล็กน้อยประมาณ 3% ด้วยปริมาณการขาย 7 แสนคัน โดยแบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่ง 1.9 แสนคัน และตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ 5.1 แสนคัน

“หากมองภาพรวมสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน มีสัญญาณที่ดีพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับลดของราคาน้ำมัน และหากรัฐบาลสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการเมืองได้ตลอดปี เชื่อว่าจะส่งผลต่อตลาดรถยนต์ในทางที่ดีขึ้นแน่นอน”

เป้าหมายของ “ทีเอ็มที”ในปีนี้

เป้าหมายการขายของรถยนต์โตโยต้าปีนี้ ทีเอ็มทีได้ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 2.95 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 9.1 แสนคัน และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 2.04 แสนคัน ขณะที่เป้าหมายส่งออกรถยนต์โตโยต้า มีจำนวน 1.93 แสนคัน คิดเป็นมูลค่า 7.7 หมื่นล้านบาท และชิ้นส่วนอะไหล่มูลค่า 3.9 หมื่นล้านบาท รวมมูลค่าส่งออกของทีเอ็มที 1.16 แสนล้านบาท ลดลง 3%

“สาเหตุที่ตลาดส่งออกลดลง เนื่องจากตลาดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางลดลง และค่าเงินบาทที่แข็งตัวมากขึ้น ตรงนี้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกพอสมควร แต่ทีเอ็มทีเชื่อว่าจะเป็นสถานการณ์ระยะสั้นเท่านั้น เพราะขณะนี้เราได้เริ่มเปิดไลน์ผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อตอบสนองการส่งออก โดยระยะแรกมีกำลังการผลิตประมาณ 100,000 คัน”

ความคืบหน้าในโครงการ อีโคคาร์ ของโตโยต้า

โตโยต้าเห็นด้วยในหลักการของอีโคคาร์ ที่มีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มศักยภาพการส่งออกรถยนต์จากประเทศไทย และพัฒนารถยนต์ที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม ล่าสุดโตโยต้าจึงยื่นข้อเสนอเพื่อขอร่วมโครงการไปยังคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ(BOI) (ปลายเดือนธันวาคม 2549)

ส่วนสิ่งที่โตโยต้าอยากจะเสนอเกี่ยวกับโครงการนี้ คือ ต้องการให้หลักเกณฑ์ต่างเปิดให้แข่งขันกันอย่างเสรี ไม่ใช่สร้างเงื่อนไขให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และไม่ต้องการให้ใช้มาตรการทางภาษีมาเป็นตัวกระตุ้น เพราะจะทำให้ตลาดบิดเบือน

มาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงิน โดยการหักสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีผลกับ “ทีเอ็มที” และอุตสาหกรรมยานยนต์หรือไม่

มาตรการดังกล่าว ถึงแม้จะไม่ทำให้แผนการลงทุนในไทยของทีเอ็มทีเปลี่ยนแปลง แต่จะส่งผลกระทบต่อทีเอ็มที และอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมอย่างมาก เพราะทำให้ต้นทุนและต้องจัดหาเงินทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการห้ามกู้ยืมเงินบริษัทแม่ นับว่าส่งผลกระทบโดยตรง เพราะที่ผ่านมาเงินลงทุนของทีเอ็มที ถึงจะมีการกู้ยืมเงินในประเทศ แต่บางส่วนก็กู้ยืมจากบริษัทแม่โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น

และเชื่อว่าไม่เพียงจะกระทบต่อโตโยต้าเท่านั้น มาตรการดังกล่าวย่อมส่งผลต่อภาพรวมทั้งอุตสาหกรรมด้วย เหตุนี้เราจึงเรียกร้องผ่านหอการค้าญี่ปุ่น เรียกร้องให้ธปท.ทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง

“ตลอดเวลาที่ผ่านมาบริษัทรถยนต์ต่างพยายามหาวิธีลดต้นทุน แต่มาตรการทางด้านการเงินของธปท. กลับทำให้ต้นทุนเพิ่ม ที่สุดภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยก็ได้รับผลกระทบ และที่สำคัญทำให้ไทยสูญเสียศักยภาพการแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย จีน หรือเวียดนาม”
กำลังโหลดความคิดเห็น