ปิดฉากปีหมาไปเรียบร้อย แม้ตัวเลขตลาดรถยนต์ในไทยปีที่แล้ว จะยังไม่สรุปอย่างเป็นทางการ แต่บรรดาเหล่าเกจิต่างฟันธง! เหมือนกันหมดทุกสำนัก หากเทียบกับปีก่อนหน้าติดลบแน่นอน เพียงแต่จะมากหรือน้อยเท่านั้น สำหรับปีหมูไฟ!! หรือปี 2550 นี้ ตลาดรถยนต์ไทยจะเติบโตได้หรือไม่? นอกจากปัจจัยเกี่ยวเนื่อง ทั้งทางตรงและอ้อม ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเมือง และภัยธรรมชาติ ที่เป็นตัวตัดสินแล้ว รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวสู่ตลาดในปีนี้ ถือเป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญมาก ส่วนจะมีรถยี่ห้อไหน? รุ่นใดบ้าง? “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้รวบรวมไว้ให้ท่านผู้อ่าน เป็นข้อมูลประกอบในการเตรียมตัดสินใจซื้อรถใหม่ หรือติดตามข่าวสารได้ทันสถานการณ์.......

ปิกอัพยังไม่คลายความร้อนแรง
ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีของปิกอัพรุ่นใหม่ เพราะมีการเปิดตัวต่อเนื่องตลอดทั้งปี เริ่มตั้งแต่สองพันธมิตร “มาสด้า-ฟอร์ด” ที่ส่งปิกอัพโมเดลใหม่ “มาสด้า บีที-50” และ “ฟอร์ด เรนเจอร์” โฉมใหม่ สู่ตลาดในเวลาไล่เลี่ยกัน จากนั้นมาช่วงไตรมาสสาม ยักษ์ใหญ่ “อีซูซุ” ได้เขย่าวงการเปิดตัว “ดีแมคซ์” ใหม่ ซึ่งทางตรีเพชร อีซูซุเซลส์ยืนยันว่าเป็นโฉมใหม่ ไม่ใช่เป็นการไมเนอร์เชนจ์อย่างที่เข้าใจกัน
นั่นเป็นปิกอัพรุ่นใหม่ ไม่รวมปิกอัพยี่ห้ออื่นๆ ที่ได้มีการทยอยปรับเพิ่มรุ่น มาเป็นทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า วีโก้ 2.5 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์, มาสด้า บีที-50 และฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เกียร์อัตโนมัติ รวมถึงมิตซูบิชิ ไทรทัน พลัส หรือปิกอัพยกสูง เช่นเดียวกับ เชฟโรเลต โคโรลาโด ที่นอกจากทำรุ่นยกสูงออกมาแล้ว ยังมีการเพิ่มรุ่นตัวแรง เหมือนกับพันธมิตร อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ด้วย
ค่ายปิกอัพที่ยังไม่ขยับตัวในปีที่แล้ว จึงเหลือเพียง “นิสสัน” เท่านั้น แต่สำหรับปีหมูไฟนี้แล้ว นิสสันเดินหน้าลุยเต็มสูบเป็นค่ายแรกทันที ด้วยการเปิดตัวปิกอัพโมเดลใหม่ “นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา” ที่ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของนิสสัน ชนิดที่เป็นตัวตัดสินอนาคตของนิสสันในไทยกันเลยว่า จะรุ่งหรือร่วงกันแน่!!
นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา (NISSAN FRONTIER NAVARA) กำหนดเปิดตัวรอบสื่อมวลชน 18 มกราคม 2550 ศกนี้ และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการ 26 มกราคมเป็นต้นไป โดยนาวาราเป็นปิกอัพโมเดลใหม่ มาทำแทนปิกอัพฟรอนเทียร์รุ่นปัจจุบัน ด้วยจุดเด่นของรูปร่างหน้าตาที่ใหม่หมดจดแล้ว ยังมีขนาดตัวถังที่ใหญ่ที่สุดในตลาดปิกอัพไทยปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเพิ่มความใหม่ให้กับสินค้า ด้วยแค็บที่สามารถเปิดได้ เช่นเดียวกับมาสด้า บีที-50 และฟอร์ด เรนเจอร์

เครื่องยนต์ใหม่มีทำตลาดเพียงบล็อกเดียว YD25DDTi แต่แยกเป็น 2 รุ่น 2500 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ แบบแปรผัน 174 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 403 นิวตัน-เมตร ที่ 2,00 รอบต่อนาที มีเฉพาะในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้งแบบคิงแค็บและดับเบิลแค็บ และรุ่น 2500 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ แปรผัน 144 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 356 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ติดตั้งในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ทั้งคิงแค็บและดับเบิลแค็บ โดยทุกรุ่นมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ซึ่งถือเป็นยี่ห้อแรกในไทย และเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ส่วนรุ่นมาตรฐานยังคงรูปโฉมและเครื่องยนต์เดิม ในการทำตลาดต่อไป
ปิกอัพใหม่ที่น่าจับตามองอีกรุ่น น่าจะเป็นค่ายน้องใหม่ “ตาต้า” (TATA) จากแดนภารตะ ประเทศอินเดีย ซึ่งเพิ่งประกาศร่วมทุนกับกลุ่มธนบุรีประกอบรถยนต์ เพื่อตั้งบริษัทขายปิกอัพยี่ห้อตาต้าในไทย โดยใช้โรงงานประกอบรถยนต์ของธนบุรีฯ ที่ปัจจุบันนอกจากรับจ้างผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว ยังมีไลน์ผลิตว่างเพียงพอในการประกอบรถยนต์ให้กับตาต้าได้สบาย ฉะนั้นหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ หลังจากประกาศเปิดตัวบริษัทร่วมทุนแล้ว (กลางเดือนธันวาคม) นับถอยหลังอีกไม่เกิน 12 เดือน จะสามารถเปิดตัวรถใหม่ลุยตลาดปิกอัพไทยได้ทันที
ตาต้า สปรินต์ (TATA SPRINT ) เป็นปิกอัพที่ทางตาต้าจะประกอบและทำตลาดในไทย ซึ่งถือเป็นปิกอัพโมเดลใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดโลกในยุโรปเมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยรูปโฉมการออกแบบไม่แพ้ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ชั้นนำของโลกทีเดียว เครื่องยนต์จะเป็นบล็อก 3.0 ลิตร คอมมอนเรล (CRDi) ซึ่งว่ากันว่าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาจาก เครื่องยนต์คอมมอนเรลของเมอร์เซเดส-เบนซ์ (รายละเอียดปิกอัพตาต้าติดตามอ่านฉบับต่อไป ในผู้จัดการมอเตอริ่ง)

นี่เป็นปิกอัพโมเดลใหม่ที่จะทำตลาดในไทยปีนี้ ส่วนค่ายอื่นๆ แม้จะเผยโฉม หรือส่งทีเด็ดไปแล้ว แน่นอนว่าจะต้องงัดกลยุทธ์ออกมาสกัดคู่แข่ง และผลักดันยอดขายของตัวเองอย่างดุเดือด และที่น่าจับตามองเห็นจะเป็นยักษ์ “โตโยต้า” ที่ตอนนี้กำลังคั่วตำแหน่งแชมป์ตลาดปิกอัพเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีจากอีซูซุ เพราะตามข่าวจะมีการไมเนอร์เชนจ์ “ไฮลักซ์ วีโก้” ครั้งใหญ่ในปีนี้แน่นอน เช่นเดียวกับ “เชฟโรเลต โคโรลาโด” แน่นอนการขยับตัวของยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า ย่อมทำให้ตลาดปิกอัพไทยร้อนแรงแทบปรอทแตกแน่ โดยเฉพาะอีซูซุที่จะต้องเร่งทวงบัลลังก์แชมป์คืนให้ได้โดยเร็ว หากยอดขายปีจอพลาดท่าพ่ายให้กับโตโยต้าจริงๆ

เก๋งเล็กเดือด-จับตาคอมแพ็กต์ปลายปี
ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีทอง ในเรื่องยอดขายของตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋งก็ว่าได้ เพราะขณะที่ตลาดปิกอัพที่ถือเป็นตลาดใหญ่สุดของไทยยอดขายติดลบ แต่ในส่วนของกลุ่มเก๋งกลับทำตัวเลขกระโดดอยู่ในแดนบวก โดยเฉพาะกลุ่มเก๋งขนาดเล็ก หรือซับคอมแพ็กต์ ที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากประสบสภาวะราคาน้ำมันพุ่งกระฉูดเช่นนี้
แม้ตลาดเก๋งขนาดเล็กจะมีการแนะนำรถโมเดลใหม่ สู่ตลาดหลายรุ่นในปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า ยาริส เก๋งซับคอมแพ็กต์ 5 ประตู หรือแฮ็ทช์แบ็ก รวมถึงรถอเนกประสงค์เล็ก โตโยต้า อะแวนซ่า เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และเชฟโรเลต อาวีโอ แต่ใช่ว่าปีนี้เซกเมนท์เก๋งเล็กจะเงียบเหงา เพราะยังมีรถโมเดลใหม่เปิดตัวสู่ตลาดเช่นปีที่แล้ว ที่สำคัญเป็นการขยับตัวของยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ผู้นำตลาดนี้เสียด้วย
โตโยต้า วีออส โฉมใหม่ (ยาริส 4 ประตู) ตามข่าวจะเปิดตัวช่วงเดือนมีนาคมต้นปีนี้ หน้าตาเหมือนกับรุ่นโตโยต้า เบลต้า (BELTA : ญี่ปุ่น) หรือยาริส 4 ประตู (สหรัฐอเมริกา) หรือหากจะแตกต่างก็น่าจะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ที่แน่ๆ โครงสร้างพื้นฐานของรถจะใช้ร่วมกับยาริส ที่ทำตลาดในไทยปัจจุบันแน่นอน
แม้รูปลักษณ์ของวีออสโฉมใหม่ จะเหมือนกับเบลต้าที่ทำตลาดในญี่ปุ่น แต่เครื่องยนต์แตกต่างกันแน่นอน เพราะวีออสใหม่จะวางเครื่องยนต์บล็อกเดียว กับรุ่นที่ทำตลาดในปัจจุบัน รวมถึงแฮทช์แบ็ก 5 ประตู “ยาริส” นั่นคือบล็อก 1NZ-FE 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i 109 แรงม้า ขณะที่เบลต้าในญี่ปุ่นวางเครื่องยนต์ 1.0 และ 1.3 ลิตร

เชฟโรเลต อาวีโอ เวอร์ชั่นแฮ็ทช์แบ็ก หรือรุ่น 5 ประตู เป็นไม้เด็ดที่จะมาเขย่าตลาดเก๋งเล็กอีกรุ่นในปีนี้ โดยมีคู่แข่งเป็น ฮอนด้า แจ๊ส และโตโยต้า ยาริส แน่นอนว่าด้วยกลยุทธ์ในการพัฒนา และออกแบบ จนถึงเรื่องของเครื่องยนต์ แนวคิดในการผลิตจึงไม่แตกต่างกัน นั่นคือใช้โครงสร้างพื้นฐานตัวถัง และเครื่องยนต์ร่วมกันกับอาวีโอรุ่น 4 ประตู ที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่แล้ว เพียงแต่ปรับตัวถังเป็นแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตู
นอกจากเก๋งเล็กแล้ว ตลาดคอมแพ็กต์คาร์เป็นอีกเซกเม้นต์ที่จะต้องจับตามอง แม้ข่าวคราวจะยังไม่ชัดเจน แต่มีรายงานว่าไม่แน่ปลายปีนี้ อาจจะได้สัมผัสโฉมใหม่ของรุ่นหลักในตลาด จากสองค่ายยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” และ “มิตซูบิชิ” ก็ได้ นั่นคือ.......
โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส โฉมใหม่ ที่ใกล้ถึงเวลาทวงความยิ่งใหญ่จาก ฮอนด้ ซีวิค ใหม่คืนซะที โดยคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเร็วประมาณปลายปี 2550 หรือหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ยังไงก็ไม่เกินต้นปี 2551 ด้วยรูปลักษณ์จะมีแนวโน้มเป็นแบบเดียวกับ โตโยต้า โคโรลล่า โฉมใหม่ ที่เปิดตัวครั้งแรกในจีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และล่าสุดเพิ่งเผยโฉมเวอร์ชั่นยุโรปอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งมีรูปลักษณ์คล้ายกับที่เปิดตัวในจีน ทำให้ค่อนข้างชัดเจนว่า จะเป็นโฉมนี้จะเป็นเวอร์ชั่นเพื่อทำตลาดทั่วโลก และนั่นน่าจะรวมถึงตลาดไทยด้วย
ส่วนเครื่องยนต์เท่าที่มีการเปิดเผย โคโรลล่าเวอร์ชั่นในจีนจะใช้รหัส 2ZR-FE แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1.8 ลิตร Dual-VVT-i เหมือนกับโคโรลล่า แอกซิโอ (โคโรลลาเวอร์ชั่นญี่ปุ่น) ซึ่งมีกำลังสูงสุด 136 แรงม้า แต่ในญี่ปุ่นจะมีรุ่นเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว VVT-i 1.5 ลิตร 110 แรงม้า เพิ่มเป็นทางเลือกอีกด้วย ขณะที่ในไทยยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นบล็อกไหน แต่ไม่น่าจะใช่ที่ทำตลาดในจีนและญี่ปุ่นแน่นอน เพราะเทียบคู่แข่ง ฮอนด้า ซีวิค สู้ไม่ได้แน่นอน

มิตซูบิชิ แลนเซอร์ โฉมใหม่ มีรายงานจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย แนวโน้มน่าจะเปิดตัวในไทยปลายปี 2550 นี้ ส่วนรูปร่างหน้าตาคงไม่แตกต่างไปจากแลนเซอร์ โฉมใหม่ ที่กำลังจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก ที่งานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2007 สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นทำตลาดทั่วโลก และเป็นครั้งแรกที่มิตซูบิชิเปิดตัวแลนเซอร์ใหม่ครั้งแรก ในตลาดสหรัฐอเมริกา (ต่างประเทศ)
ในส่วนของเครื่องยนต์ที่เปิดเผยเบื้องต้น ฝั่งอเมริกามีทีเด็ดอยู่ที่เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตรใหม่ อะลูมิเนียมทั้งบล็อก พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC 152 แรงม้า และจะลดกำลังลงเหลือ 143 แรงม้า เมื่อเป็นเวอร์ชันมลพิษต่ำในระดับ PZEV พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ส่วนเมืองไทยยังต้องติดตามกันต่อไป
นอกจากนี้ในตลาดเก๋งคอมแพ็กต์ ยังไม่มีอะไรใหม่มากนัก นอกจากเวอร์ชั่นพิเศษที่จะต่างทยอยส่งออกมาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นฮอนด้า ซีวิค รวมถึงการขัดตาทัพของโตโยต้า อัลติส และมิตซูบิชิ แลนเซอร์ โฉมปัจจุบัน ก่อนที่จะเปิดตัวโมเดลใหม่ปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า เก๋งคอมแพ็กต์ที่จะมีการไมเนอร์เชนจ์แน่นอน เห็นจะเป็น “มาสด้า 3” ซึ่งได้มีการเปิดตัวในต่างประเทศไปนานพอสมควรแล้ว แต่รูปลักษณ์ไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก มีการแต่งหน้าทาปากนิดหน่อยๆ และเพิ่มอุปกรณ์มากขึ้นเท่านั้น
สำหรับค่ายรถหรูจากยุโรป ยังคงเดินหน้าลุยปั้นยอดขายกันต่อไป แม้สภาวะตลาดจะสาหัสมากก็ตาม ปีนี้นำทัพโดยค่าย “เดมเลอร์ไครสเลอร์” ที่จะเปิดตัว “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส” โฉมใหม่ ปลุกตลาดรถหรูให้กลับคึกคักอีกครั้ง พร้อมกับเพิ่มทางเลือกให้กับรุ่นเอ-คลาส ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล (CDi) ขณะที่ค่าย 4 ห่วง “ออดี้” หลังจากเปิดตัวรถใหม่ถึง 5 รุ่นในปีที่แล้ว ปีนี้เตรียมสัมผัสกับสปอร์ต “ทีที โรดสเตอร์” หลังจากเมื่อปลายปีได้นำรุ่นคูเป้มาฟันยอดขายไปแล้ว และตามมาด้วยสปอร์ตหรูจากอังกฤษ “แอสตัน มาร์ติน วี8” ราคา 16.5 ล้านบาท และอีกรุ่นเป็นซูเปอร์คาร์จากกลุ่มศรีนครินทร์เหมือนกัน นั่นคือ “ลัมโบกินี มูร์ซิลาโก แอลพี 640” ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 337 กม./ชม.

ตลาดเอสยูวีไม่เยอะแต่ร้อนแรง!
การเปิดตัวโฉมใหม่ของซีอาร์-วี ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2006 ถึงแม้ยอดขายจะไม่พุ่งกระฉูดเหมือนกับในอดีต แต่ก็ยังได้รับการตอบรับที่น่าพอใจทีเดียว เมื่อเทียบกับสภาวะตลาดเอสยูวีปัจจุบันที่ไม่ร้อนแรง เหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่าเป็นตลาดที่ยังมีฐานลูกค้าพอสมควร ไม่อย่างนั้นคงไม่มีรถใหม่เปิดตัวสู่ตลาดต่อเนื่องเช่นนี้
ทั้งนี้ที่เปิดเผยชัดเจนเห็นจะเป็นจากค่าย “เชฟโรเลต” ที่ประกาศแล้วว่า ประมาณไตรมาสสองของปี 2550 จะแนะนำคอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นใหม่บุกตลาดไทย ในชื่อ “เชฟโรเลต แคปติวา” โดยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร
เชฟโรเลต แคปติวา (CHEVROLET CAPTIVA) รูปลักษณ์ได้รับการถ่ายทอดมาจากรถต้นแบบรุ่นเอส3เอ็กซ์ (S3X) ซึ่งเปิดตัวไปในงานปารีส มอเตอร์โชว์ 2004 ที่ผ่านมา ส่วนคู่แข่งในไทยโดยตรง ได้แก่ ฮอนด้า ซีอาร์-วี และฟอร์ด เอสเคป แต่เชฟโรเลตก็ได้วางหมากให้แคปติวา ไปชนกับ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ด้วยเช่นกัน เพราะได้มีการนำเครื่องยนต์ดีเซลมาทำตลาดด้วย
โดยเครื่องยนต์มีให้เลือก 2 แบบ คือ เบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2.4 ลิตร 142 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 12.1 กิโลเมตร/ลิตร ขณะที่รุ่นเทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 31.5 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 15.8 กิโลเมตร/ลิตร

ส่วนอีกค่ายแม้จะยังไม่มีความชัดเจน เกี่ยวกับแผนการทำตลาดในไทย แต่ก็ต้องจับตามองเช่นกัน สำหรับ “ฟอร์ด เอสเคป” ที่ได้มีการเผยโฉมเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ในงานแอลเอ มอเตอร์โชว์ 2006 เพื่อทำตลาดในสหรัฐอเมริกาเดือนมีนาคมปีหน้า ส่วนเครื่องยนต์เอสเคปใหม่ ต้องเรียกว่ายกมาจากเอสเคปรุ่นเดิมทั้งหมด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใหม่ ขณะที่ตลาดไทยเอสเคปถือเป็นคอมแพ็กต์เอสยูวีอีกรุ่น ที่ทำตลาดมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าโฉมใหม่ยังไงก็ต้องทำตลาดในไทย เพียงแต่จะเป็นเมื่อไหร่เท่านั้น เพราะขณะนี้ฟอร์ด ประเทศไทย ยังไม่ได้สรุปช่วงเวลาทำตลาดเอสเคปรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ
ขณะที่ค่ายพันธมิตร “มาสด้า” หลังจากตัดสินใจยุติการทำตลาด คอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่น “ทริบิวต์” ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้พื้นฐานร่วมกับเอสเคปในไทยแล้ว แต่ล่าสุดมีข่าวว่ามาสด้าประเทศไทย สนใจจะหวนกลับมาลุยตลาดเอสยูวีอีกครั้ง แต่คราวนี้จะจับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม โดยนำเข้าเอสยูวีโมเดลใหม่ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-7” ซึ่งเป็นรถเอสยูวีที่ถูกเรียกว่าครอสโอเวอร์ เช่นเดียวกับ ฟอร์ด เทอร์ริเทอรี่ หรือนิสสัน มูราโน มาทำตลาดแทน
มาสด้า ซีเอ็กซ์-7 (Mazda CX-7) เปิดตัวครั้งแรกในงานแอลเอ มอเตอร์โชว์ 2006 (ครั้งสุดท้ายที่จัดต้นเดือนมกราคม ก่อนที่ล่าสุดจะเลื่อนมาจัดต้นเดือนธันวาคมเป็นครั้งแรก เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา) โดยรายละเอียดรูปลักษณ์ภายนอก ได้รับการปรับปรุงจากคันต้นแบบที่ชื่อ เอ็มเอ็กซ์ ครอสสปอร์ต (MX Crossport) ซึ่งเปิดตัวในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2005 อยู่พอสมควร โดยระดับตลาดของซีเอ็กซ์-7 จะถูกวางอยู่สูงกว่าทริบิวต์ และมีขายในตลาดทั่วโลก ไม่จำกัดเฉพาะในสหรัฐอเมริกา

นอกจากจะเน้นความสปอร์ตของรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว เครื่องยนต์ยังให้สมรรถนะการขับเคลื่อนที่ไม่ธรรมดา กับขุมพลังเทอร์โบที่ยกชุดมาจากมาสด้า 6เอ็มพีเอส เป็นแบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว เบนซินไดเร็กต์อินเจกชัน 2300 ซีซี พ่วงด้วยเทอร์โบ เพิ่มมัดกล้ามด้วยกำลังขับเคลื่อน 244 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ที่ 2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
อีกค่ายที่จะลุยตลาดเอสยูวี แต่ฉีกไปชูเครื่องยนต์พลังงานทดแทน นั่นคือค่าย “เล็กซัส” โดยเล็งนำเข้ารุ่นอาร์เอ็กซ์330 เครื่องยนต์ไฮบริดมาทำตลาดในไทย หลังจากขอบริษัทแม่มานาน ที่สุดแว่วว่าปีนี้ได้รับไฟเขียวให้ทำตลาดได้ค่อนข้างแน่นอนแล้ว ซึ่งตลาดต่างประเทศเรียกรถรุ่นนี้ว่า “อาร์เอ็กซ์ 400เอช” (RX400h) ทั้งนี้โดยพื้นฐานเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับอาร์เอ็กซ์330 แต่เมื่อรวมกำลังทั้งจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มเป็น 268 แรงม้า
ทั้งหมดเป็นโพยรถใหม่ ที่บางรุ่นก็ชัดเจนทำตลาดในไทยปีนี้แน่นอน ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบเตรียมควักกระเป๋าถอยกันได้เลย ส่วนบางรุ่นที่กำหนดแผนเวลา หรือคาดการณ์แนวโน้มไว้คร่าวๆ จะทำตลาดได้ทันตามที่วางโปรแกรมไว้หรือไม่? คงต้องติดตามกันต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม อย่างช้าไม่เกินต้นปี 2008 แน่นอน!!
ปิกอัพยังไม่คลายความร้อนแรง
ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีของปิกอัพรุ่นใหม่ เพราะมีการเปิดตัวต่อเนื่องตลอดทั้งปี เริ่มตั้งแต่สองพันธมิตร “มาสด้า-ฟอร์ด” ที่ส่งปิกอัพโมเดลใหม่ “มาสด้า บีที-50” และ “ฟอร์ด เรนเจอร์” โฉมใหม่ สู่ตลาดในเวลาไล่เลี่ยกัน จากนั้นมาช่วงไตรมาสสาม ยักษ์ใหญ่ “อีซูซุ” ได้เขย่าวงการเปิดตัว “ดีแมคซ์” ใหม่ ซึ่งทางตรีเพชร อีซูซุเซลส์ยืนยันว่าเป็นโฉมใหม่ ไม่ใช่เป็นการไมเนอร์เชนจ์อย่างที่เข้าใจกัน
นั่นเป็นปิกอัพรุ่นใหม่ ไม่รวมปิกอัพยี่ห้ออื่นๆ ที่ได้มีการทยอยปรับเพิ่มรุ่น มาเป็นทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า วีโก้ 2.5 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์, มาสด้า บีที-50 และฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เกียร์อัตโนมัติ รวมถึงมิตซูบิชิ ไทรทัน พลัส หรือปิกอัพยกสูง เช่นเดียวกับ เชฟโรเลต โคโรลาโด ที่นอกจากทำรุ่นยกสูงออกมาแล้ว ยังมีการเพิ่มรุ่นตัวแรง เหมือนกับพันธมิตร อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ด้วย
ค่ายปิกอัพที่ยังไม่ขยับตัวในปีที่แล้ว จึงเหลือเพียง “นิสสัน” เท่านั้น แต่สำหรับปีหมูไฟนี้แล้ว นิสสันเดินหน้าลุยเต็มสูบเป็นค่ายแรกทันที ด้วยการเปิดตัวปิกอัพโมเดลใหม่ “นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา” ที่ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของนิสสัน ชนิดที่เป็นตัวตัดสินอนาคตของนิสสันในไทยกันเลยว่า จะรุ่งหรือร่วงกันแน่!!
นิสสัน ฟรอนเทียร์ นาวารา (NISSAN FRONTIER NAVARA) กำหนดเปิดตัวรอบสื่อมวลชน 18 มกราคม 2550 ศกนี้ และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการ 26 มกราคมเป็นต้นไป โดยนาวาราเป็นปิกอัพโมเดลใหม่ มาทำแทนปิกอัพฟรอนเทียร์รุ่นปัจจุบัน ด้วยจุดเด่นของรูปร่างหน้าตาที่ใหม่หมดจดแล้ว ยังมีขนาดตัวถังที่ใหญ่ที่สุดในตลาดปิกอัพไทยปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเพิ่มความใหม่ให้กับสินค้า ด้วยแค็บที่สามารถเปิดได้ เช่นเดียวกับมาสด้า บีที-50 และฟอร์ด เรนเจอร์
เครื่องยนต์ใหม่มีทำตลาดเพียงบล็อกเดียว YD25DDTi แต่แยกเป็น 2 รุ่น 2500 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ แบบแปรผัน 174 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 403 นิวตัน-เมตร ที่ 2,00 รอบต่อนาที มีเฉพาะในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้งแบบคิงแค็บและดับเบิลแค็บ และรุ่น 2500 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ แปรผัน 144 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 356 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ติดตั้งในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ทั้งคิงแค็บและดับเบิลแค็บ โดยทุกรุ่นมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ซึ่งถือเป็นยี่ห้อแรกในไทย และเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ส่วนรุ่นมาตรฐานยังคงรูปโฉมและเครื่องยนต์เดิม ในการทำตลาดต่อไป
ปิกอัพใหม่ที่น่าจับตามองอีกรุ่น น่าจะเป็นค่ายน้องใหม่ “ตาต้า” (TATA) จากแดนภารตะ ประเทศอินเดีย ซึ่งเพิ่งประกาศร่วมทุนกับกลุ่มธนบุรีประกอบรถยนต์ เพื่อตั้งบริษัทขายปิกอัพยี่ห้อตาต้าในไทย โดยใช้โรงงานประกอบรถยนต์ของธนบุรีฯ ที่ปัจจุบันนอกจากรับจ้างผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว ยังมีไลน์ผลิตว่างเพียงพอในการประกอบรถยนต์ให้กับตาต้าได้สบาย ฉะนั้นหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ หลังจากประกาศเปิดตัวบริษัทร่วมทุนแล้ว (กลางเดือนธันวาคม) นับถอยหลังอีกไม่เกิน 12 เดือน จะสามารถเปิดตัวรถใหม่ลุยตลาดปิกอัพไทยได้ทันที
ตาต้า สปรินต์ (TATA SPRINT ) เป็นปิกอัพที่ทางตาต้าจะประกอบและทำตลาดในไทย ซึ่งถือเป็นปิกอัพโมเดลใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดโลกในยุโรปเมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยรูปโฉมการออกแบบไม่แพ้ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ชั้นนำของโลกทีเดียว เครื่องยนต์จะเป็นบล็อก 3.0 ลิตร คอมมอนเรล (CRDi) ซึ่งว่ากันว่าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาจาก เครื่องยนต์คอมมอนเรลของเมอร์เซเดส-เบนซ์ (รายละเอียดปิกอัพตาต้าติดตามอ่านฉบับต่อไป ในผู้จัดการมอเตอริ่ง)
นี่เป็นปิกอัพโมเดลใหม่ที่จะทำตลาดในไทยปีนี้ ส่วนค่ายอื่นๆ แม้จะเผยโฉม หรือส่งทีเด็ดไปแล้ว แน่นอนว่าจะต้องงัดกลยุทธ์ออกมาสกัดคู่แข่ง และผลักดันยอดขายของตัวเองอย่างดุเดือด และที่น่าจับตามองเห็นจะเป็นยักษ์ “โตโยต้า” ที่ตอนนี้กำลังคั่วตำแหน่งแชมป์ตลาดปิกอัพเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีจากอีซูซุ เพราะตามข่าวจะมีการไมเนอร์เชนจ์ “ไฮลักซ์ วีโก้” ครั้งใหญ่ในปีนี้แน่นอน เช่นเดียวกับ “เชฟโรเลต โคโรลาโด” แน่นอนการขยับตัวของยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้า ย่อมทำให้ตลาดปิกอัพไทยร้อนแรงแทบปรอทแตกแน่ โดยเฉพาะอีซูซุที่จะต้องเร่งทวงบัลลังก์แชมป์คืนให้ได้โดยเร็ว หากยอดขายปีจอพลาดท่าพ่ายให้กับโตโยต้าจริงๆ
เก๋งเล็กเดือด-จับตาคอมแพ็กต์ปลายปี
ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีทอง ในเรื่องยอดขายของตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋งก็ว่าได้ เพราะขณะที่ตลาดปิกอัพที่ถือเป็นตลาดใหญ่สุดของไทยยอดขายติดลบ แต่ในส่วนของกลุ่มเก๋งกลับทำตัวเลขกระโดดอยู่ในแดนบวก โดยเฉพาะกลุ่มเก๋งขนาดเล็ก หรือซับคอมแพ็กต์ ที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากประสบสภาวะราคาน้ำมันพุ่งกระฉูดเช่นนี้
แม้ตลาดเก๋งขนาดเล็กจะมีการแนะนำรถโมเดลใหม่ สู่ตลาดหลายรุ่นในปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น โตโยต้า ยาริส เก๋งซับคอมแพ็กต์ 5 ประตู หรือแฮ็ทช์แบ็ก รวมถึงรถอเนกประสงค์เล็ก โตโยต้า อะแวนซ่า เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และเชฟโรเลต อาวีโอ แต่ใช่ว่าปีนี้เซกเมนท์เก๋งเล็กจะเงียบเหงา เพราะยังมีรถโมเดลใหม่เปิดตัวสู่ตลาดเช่นปีที่แล้ว ที่สำคัญเป็นการขยับตัวของยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ผู้นำตลาดนี้เสียด้วย
โตโยต้า วีออส โฉมใหม่ (ยาริส 4 ประตู) ตามข่าวจะเปิดตัวช่วงเดือนมีนาคมต้นปีนี้ หน้าตาเหมือนกับรุ่นโตโยต้า เบลต้า (BELTA : ญี่ปุ่น) หรือยาริส 4 ประตู (สหรัฐอเมริกา) หรือหากจะแตกต่างก็น่าจะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ที่แน่ๆ โครงสร้างพื้นฐานของรถจะใช้ร่วมกับยาริส ที่ทำตลาดในไทยปัจจุบันแน่นอน
แม้รูปลักษณ์ของวีออสโฉมใหม่ จะเหมือนกับเบลต้าที่ทำตลาดในญี่ปุ่น แต่เครื่องยนต์แตกต่างกันแน่นอน เพราะวีออสใหม่จะวางเครื่องยนต์บล็อกเดียว กับรุ่นที่ทำตลาดในปัจจุบัน รวมถึงแฮทช์แบ็ก 5 ประตู “ยาริส” นั่นคือบล็อก 1NZ-FE 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i 109 แรงม้า ขณะที่เบลต้าในญี่ปุ่นวางเครื่องยนต์ 1.0 และ 1.3 ลิตร
เชฟโรเลต อาวีโอ เวอร์ชั่นแฮ็ทช์แบ็ก หรือรุ่น 5 ประตู เป็นไม้เด็ดที่จะมาเขย่าตลาดเก๋งเล็กอีกรุ่นในปีนี้ โดยมีคู่แข่งเป็น ฮอนด้า แจ๊ส และโตโยต้า ยาริส แน่นอนว่าด้วยกลยุทธ์ในการพัฒนา และออกแบบ จนถึงเรื่องของเครื่องยนต์ แนวคิดในการผลิตจึงไม่แตกต่างกัน นั่นคือใช้โครงสร้างพื้นฐานตัวถัง และเครื่องยนต์ร่วมกันกับอาวีโอรุ่น 4 ประตู ที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่แล้ว เพียงแต่ปรับตัวถังเป็นแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตู
นอกจากเก๋งเล็กแล้ว ตลาดคอมแพ็กต์คาร์เป็นอีกเซกเม้นต์ที่จะต้องจับตามอง แม้ข่าวคราวจะยังไม่ชัดเจน แต่มีรายงานว่าไม่แน่ปลายปีนี้ อาจจะได้สัมผัสโฉมใหม่ของรุ่นหลักในตลาด จากสองค่ายยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” และ “มิตซูบิชิ” ก็ได้ นั่นคือ.......
โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส โฉมใหม่ ที่ใกล้ถึงเวลาทวงความยิ่งใหญ่จาก ฮอนด้ ซีวิค ใหม่คืนซะที โดยคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเร็วประมาณปลายปี 2550 หรือหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ยังไงก็ไม่เกินต้นปี 2551 ด้วยรูปลักษณ์จะมีแนวโน้มเป็นแบบเดียวกับ โตโยต้า โคโรลล่า โฉมใหม่ ที่เปิดตัวครั้งแรกในจีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และล่าสุดเพิ่งเผยโฉมเวอร์ชั่นยุโรปอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งมีรูปลักษณ์คล้ายกับที่เปิดตัวในจีน ทำให้ค่อนข้างชัดเจนว่า จะเป็นโฉมนี้จะเป็นเวอร์ชั่นเพื่อทำตลาดทั่วโลก และนั่นน่าจะรวมถึงตลาดไทยด้วย
ส่วนเครื่องยนต์เท่าที่มีการเปิดเผย โคโรลล่าเวอร์ชั่นในจีนจะใช้รหัส 2ZR-FE แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1.8 ลิตร Dual-VVT-i เหมือนกับโคโรลล่า แอกซิโอ (โคโรลลาเวอร์ชั่นญี่ปุ่น) ซึ่งมีกำลังสูงสุด 136 แรงม้า แต่ในญี่ปุ่นจะมีรุ่นเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว VVT-i 1.5 ลิตร 110 แรงม้า เพิ่มเป็นทางเลือกอีกด้วย ขณะที่ในไทยยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นบล็อกไหน แต่ไม่น่าจะใช่ที่ทำตลาดในจีนและญี่ปุ่นแน่นอน เพราะเทียบคู่แข่ง ฮอนด้า ซีวิค สู้ไม่ได้แน่นอน
มิตซูบิชิ แลนเซอร์ โฉมใหม่ มีรายงานจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย แนวโน้มน่าจะเปิดตัวในไทยปลายปี 2550 นี้ ส่วนรูปร่างหน้าตาคงไม่แตกต่างไปจากแลนเซอร์ โฉมใหม่ ที่กำลังจะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก ที่งานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2007 สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นทำตลาดทั่วโลก และเป็นครั้งแรกที่มิตซูบิชิเปิดตัวแลนเซอร์ใหม่ครั้งแรก ในตลาดสหรัฐอเมริกา (ต่างประเทศ)
ในส่วนของเครื่องยนต์ที่เปิดเผยเบื้องต้น ฝั่งอเมริกามีทีเด็ดอยู่ที่เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตรใหม่ อะลูมิเนียมทั้งบล็อก พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC 152 แรงม้า และจะลดกำลังลงเหลือ 143 แรงม้า เมื่อเป็นเวอร์ชันมลพิษต่ำในระดับ PZEV พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ส่วนเมืองไทยยังต้องติดตามกันต่อไป
นอกจากนี้ในตลาดเก๋งคอมแพ็กต์ ยังไม่มีอะไรใหม่มากนัก นอกจากเวอร์ชั่นพิเศษที่จะต่างทยอยส่งออกมาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นฮอนด้า ซีวิค รวมถึงการขัดตาทัพของโตโยต้า อัลติส และมิตซูบิชิ แลนเซอร์ โฉมปัจจุบัน ก่อนที่จะเปิดตัวโมเดลใหม่ปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า เก๋งคอมแพ็กต์ที่จะมีการไมเนอร์เชนจ์แน่นอน เห็นจะเป็น “มาสด้า 3” ซึ่งได้มีการเปิดตัวในต่างประเทศไปนานพอสมควรแล้ว แต่รูปลักษณ์ไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก มีการแต่งหน้าทาปากนิดหน่อยๆ และเพิ่มอุปกรณ์มากขึ้นเท่านั้น
สำหรับค่ายรถหรูจากยุโรป ยังคงเดินหน้าลุยปั้นยอดขายกันต่อไป แม้สภาวะตลาดจะสาหัสมากก็ตาม ปีนี้นำทัพโดยค่าย “เดมเลอร์ไครสเลอร์” ที่จะเปิดตัว “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส” โฉมใหม่ ปลุกตลาดรถหรูให้กลับคึกคักอีกครั้ง พร้อมกับเพิ่มทางเลือกให้กับรุ่นเอ-คลาส ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล (CDi) ขณะที่ค่าย 4 ห่วง “ออดี้” หลังจากเปิดตัวรถใหม่ถึง 5 รุ่นในปีที่แล้ว ปีนี้เตรียมสัมผัสกับสปอร์ต “ทีที โรดสเตอร์” หลังจากเมื่อปลายปีได้นำรุ่นคูเป้มาฟันยอดขายไปแล้ว และตามมาด้วยสปอร์ตหรูจากอังกฤษ “แอสตัน มาร์ติน วี8” ราคา 16.5 ล้านบาท และอีกรุ่นเป็นซูเปอร์คาร์จากกลุ่มศรีนครินทร์เหมือนกัน นั่นคือ “ลัมโบกินี มูร์ซิลาโก แอลพี 640” ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 337 กม./ชม.
ตลาดเอสยูวีไม่เยอะแต่ร้อนแรง!
การเปิดตัวโฉมใหม่ของซีอาร์-วี ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2006 ถึงแม้ยอดขายจะไม่พุ่งกระฉูดเหมือนกับในอดีต แต่ก็ยังได้รับการตอบรับที่น่าพอใจทีเดียว เมื่อเทียบกับสภาวะตลาดเอสยูวีปัจจุบันที่ไม่ร้อนแรง เหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่าเป็นตลาดที่ยังมีฐานลูกค้าพอสมควร ไม่อย่างนั้นคงไม่มีรถใหม่เปิดตัวสู่ตลาดต่อเนื่องเช่นนี้
ทั้งนี้ที่เปิดเผยชัดเจนเห็นจะเป็นจากค่าย “เชฟโรเลต” ที่ประกาศแล้วว่า ประมาณไตรมาสสองของปี 2550 จะแนะนำคอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่นใหม่บุกตลาดไทย ในชื่อ “เชฟโรเลต แคปติวา” โดยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร
เชฟโรเลต แคปติวา (CHEVROLET CAPTIVA) รูปลักษณ์ได้รับการถ่ายทอดมาจากรถต้นแบบรุ่นเอส3เอ็กซ์ (S3X) ซึ่งเปิดตัวไปในงานปารีส มอเตอร์โชว์ 2004 ที่ผ่านมา ส่วนคู่แข่งในไทยโดยตรง ได้แก่ ฮอนด้า ซีอาร์-วี และฟอร์ด เอสเคป แต่เชฟโรเลตก็ได้วางหมากให้แคปติวา ไปชนกับ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ด้วยเช่นกัน เพราะได้มีการนำเครื่องยนต์ดีเซลมาทำตลาดด้วย
โดยเครื่องยนต์มีให้เลือก 2 แบบ คือ เบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2.4 ลิตร 142 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 12.1 กิโลเมตร/ลิตร ขณะที่รุ่นเทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 31.5 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 15.8 กิโลเมตร/ลิตร
ส่วนอีกค่ายแม้จะยังไม่มีความชัดเจน เกี่ยวกับแผนการทำตลาดในไทย แต่ก็ต้องจับตามองเช่นกัน สำหรับ “ฟอร์ด เอสเคป” ที่ได้มีการเผยโฉมเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ในงานแอลเอ มอเตอร์โชว์ 2006 เพื่อทำตลาดในสหรัฐอเมริกาเดือนมีนาคมปีหน้า ส่วนเครื่องยนต์เอสเคปใหม่ ต้องเรียกว่ายกมาจากเอสเคปรุ่นเดิมทั้งหมด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใหม่ ขณะที่ตลาดไทยเอสเคปถือเป็นคอมแพ็กต์เอสยูวีอีกรุ่น ที่ทำตลาดมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าโฉมใหม่ยังไงก็ต้องทำตลาดในไทย เพียงแต่จะเป็นเมื่อไหร่เท่านั้น เพราะขณะนี้ฟอร์ด ประเทศไทย ยังไม่ได้สรุปช่วงเวลาทำตลาดเอสเคปรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ
ขณะที่ค่ายพันธมิตร “มาสด้า” หลังจากตัดสินใจยุติการทำตลาด คอมแพ็กต์เอสยูวีรุ่น “ทริบิวต์” ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้พื้นฐานร่วมกับเอสเคปในไทยแล้ว แต่ล่าสุดมีข่าวว่ามาสด้าประเทศไทย สนใจจะหวนกลับมาลุยตลาดเอสยูวีอีกครั้ง แต่คราวนี้จะจับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม โดยนำเข้าเอสยูวีโมเดลใหม่ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-7” ซึ่งเป็นรถเอสยูวีที่ถูกเรียกว่าครอสโอเวอร์ เช่นเดียวกับ ฟอร์ด เทอร์ริเทอรี่ หรือนิสสัน มูราโน มาทำตลาดแทน
มาสด้า ซีเอ็กซ์-7 (Mazda CX-7) เปิดตัวครั้งแรกในงานแอลเอ มอเตอร์โชว์ 2006 (ครั้งสุดท้ายที่จัดต้นเดือนมกราคม ก่อนที่ล่าสุดจะเลื่อนมาจัดต้นเดือนธันวาคมเป็นครั้งแรก เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา) โดยรายละเอียดรูปลักษณ์ภายนอก ได้รับการปรับปรุงจากคันต้นแบบที่ชื่อ เอ็มเอ็กซ์ ครอสสปอร์ต (MX Crossport) ซึ่งเปิดตัวในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2005 อยู่พอสมควร โดยระดับตลาดของซีเอ็กซ์-7 จะถูกวางอยู่สูงกว่าทริบิวต์ และมีขายในตลาดทั่วโลก ไม่จำกัดเฉพาะในสหรัฐอเมริกา
นอกจากจะเน้นความสปอร์ตของรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว เครื่องยนต์ยังให้สมรรถนะการขับเคลื่อนที่ไม่ธรรมดา กับขุมพลังเทอร์โบที่ยกชุดมาจากมาสด้า 6เอ็มพีเอส เป็นแบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว เบนซินไดเร็กต์อินเจกชัน 2300 ซีซี พ่วงด้วยเทอร์โบ เพิ่มมัดกล้ามด้วยกำลังขับเคลื่อน 244 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ที่ 2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
อีกค่ายที่จะลุยตลาดเอสยูวี แต่ฉีกไปชูเครื่องยนต์พลังงานทดแทน นั่นคือค่าย “เล็กซัส” โดยเล็งนำเข้ารุ่นอาร์เอ็กซ์330 เครื่องยนต์ไฮบริดมาทำตลาดในไทย หลังจากขอบริษัทแม่มานาน ที่สุดแว่วว่าปีนี้ได้รับไฟเขียวให้ทำตลาดได้ค่อนข้างแน่นอนแล้ว ซึ่งตลาดต่างประเทศเรียกรถรุ่นนี้ว่า “อาร์เอ็กซ์ 400เอช” (RX400h) ทั้งนี้โดยพื้นฐานเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับอาร์เอ็กซ์330 แต่เมื่อรวมกำลังทั้งจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มเป็น 268 แรงม้า
ทั้งหมดเป็นโพยรถใหม่ ที่บางรุ่นก็ชัดเจนทำตลาดในไทยปีนี้แน่นอน ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบเตรียมควักกระเป๋าถอยกันได้เลย ส่วนบางรุ่นที่กำหนดแผนเวลา หรือคาดการณ์แนวโน้มไว้คร่าวๆ จะทำตลาดได้ทันตามที่วางโปรแกรมไว้หรือไม่? คงต้องติดตามกันต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม อย่างช้าไม่เกินต้นปี 2008 แน่นอน!!