หลังจากไปประกวดเวทีใหญ่ระดับโลกคือมิสยูนิเวิร์สกลับมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับตำแหน่งอะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลย แต่ “น้องชาม” หรือชื่อจริงๆ ที่ไม่ค่อยมีใครเรียกก็คือ อรวรินธ์ ชารี โอสถานนท์ ก็ยังชนะใจคนไทยทั้งประเทศ ด้วยความอ่อนหวานแบบไทยๆ และความสามารถที่มีล้นเหลือ
ปัจจุบันน้องชาม กำลังทำหน้าที่ในตำแหน่ง มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2006 พร้อมควบอีก 2 รางวัลใหญ่ไปครอง คือ “ขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน” และ “รักษ์ความเป็นไทย” ส่วนการศึกษานั้นเธอก็เก่งไม่แพ้ความสามารถด้านอื่นๆ เพราะตอนนี้เป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ ภาคอินเตอร์ น้องชามบอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นตัวแทนของสาวไทยไปประกวดเวทีระดับโลก และผู้หญิงที่ได้รับตำแหน่งนี้ไม่จำเป็นต้องสวยอย่างเดียว ต้องมีความสามารถรอบด้านด้วย แต่เรื่องที่เราจะมาคุยกับน้องชามในวันนี้ก็คือเรื่องที่ไกลตัวเธออกไปสักหน่อยนั่นก็คือเรื่องของรถยนต์นั่นเอง
น้องชามบอกกับ “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ว่า ความรู้สึกแรกในการนั่งหลังพวงมาลัย เริ่มตอนอายุได้ไม่กี่ขวบ แต่เป็นการนั่งไปพร้อมกับคุณพ่อ โดยการจับพวงมาลัยเฉยๆ แต่ที่มาเริ่มขับอย่างจริงจังก็เมื่ออายุครบ 18 ปี จนมีคนคันแรกเป็นของตัวเอง “ตอนนี้ชามใช้รถอยู่ 2 คัน ซึ่งเป็นรถของที่บ้าน สำหรับคันแรกคือเมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่วนอีกคันก็คือวอลโว่ แต่คันที่ใช้บ่อยกว่าก็คือเบนซ์ เพราะชอบที่ดีไซน์และสมรรถนะ อย่างเวลาที่ชามจะเลือกซื้อรถนั้นไม่ได้เน้นที่ยี่ห้อหรือว่าราคา จะเน้นที่ความถูกใจและการใช้งานมากกว่าแล้วดูที่ความเหมาะสมด้วย เรื่องของสีรถก็ให้ความสำคัญรองลงมา ขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่อยากให้มองข้ามก็คือเรื่องของความปลอดภัยต้องมาก่อนค่ะ”
นอกจากนี้ น้องชามยังฝากถึงคนที่ไทยที่ใช้รถใช้ถนนทุกๆคนว่า อยากให้มีน้ำใจกันมากๆ โดยเฉพาะกับผู้หญิงเพราะบางครั้งผู้หญิงอาจจะขับรถได้ไม่ชำนาญเท่าผู้ชาย และอยากให้ในอนาคตมีรถไฟฟ้าจากชานเมืองเข้ามาในกรุงเทพฯ และมีเส้นทางเดินรถมากขึ้น เพื่อคนใช้รถใช้ถนนจะได้ไม่ต้องเร่งรีบ
"ชามรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้คนไทยขับรถกันแบบเร่งรีบ ส่วนหนึ่งอาจจะมากจากระบบการขนส่งมวลชนของเราที่ยังบริการไม่เพียงพอต่อปริมาณคนที่ใช้ และเส้นทางเดินรถที่ทับกันอาจจะทำให้รถติด แล้วทุกคนก็จะใจร้อนทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้ค่ะ”
สำหรับรถในฝัน...น้องชามบอกว่า ถูกใจรถสปอร์ตมาก ด้วยความเป็นรถที่ออกแบบมาเฉพาะ และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ซึ่งเธอไม่เกี่ยงว่าเป็นยี่ห้ออะไร ขอแค่อยากลองขับสักครั้งในชีวิตเท่านั้น!!!
ปัจจุบันน้องชาม กำลังทำหน้าที่ในตำแหน่ง มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2006 พร้อมควบอีก 2 รางวัลใหญ่ไปครอง คือ “ขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน” และ “รักษ์ความเป็นไทย” ส่วนการศึกษานั้นเธอก็เก่งไม่แพ้ความสามารถด้านอื่นๆ เพราะตอนนี้เป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ ภาคอินเตอร์ น้องชามบอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นตัวแทนของสาวไทยไปประกวดเวทีระดับโลก และผู้หญิงที่ได้รับตำแหน่งนี้ไม่จำเป็นต้องสวยอย่างเดียว ต้องมีความสามารถรอบด้านด้วย แต่เรื่องที่เราจะมาคุยกับน้องชามในวันนี้ก็คือเรื่องที่ไกลตัวเธออกไปสักหน่อยนั่นก็คือเรื่องของรถยนต์นั่นเอง
น้องชามบอกกับ “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ว่า ความรู้สึกแรกในการนั่งหลังพวงมาลัย เริ่มตอนอายุได้ไม่กี่ขวบ แต่เป็นการนั่งไปพร้อมกับคุณพ่อ โดยการจับพวงมาลัยเฉยๆ แต่ที่มาเริ่มขับอย่างจริงจังก็เมื่ออายุครบ 18 ปี จนมีคนคันแรกเป็นของตัวเอง “ตอนนี้ชามใช้รถอยู่ 2 คัน ซึ่งเป็นรถของที่บ้าน สำหรับคันแรกคือเมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่วนอีกคันก็คือวอลโว่ แต่คันที่ใช้บ่อยกว่าก็คือเบนซ์ เพราะชอบที่ดีไซน์และสมรรถนะ อย่างเวลาที่ชามจะเลือกซื้อรถนั้นไม่ได้เน้นที่ยี่ห้อหรือว่าราคา จะเน้นที่ความถูกใจและการใช้งานมากกว่าแล้วดูที่ความเหมาะสมด้วย เรื่องของสีรถก็ให้ความสำคัญรองลงมา ขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่อยากให้มองข้ามก็คือเรื่องของความปลอดภัยต้องมาก่อนค่ะ”
นอกจากนี้ น้องชามยังฝากถึงคนที่ไทยที่ใช้รถใช้ถนนทุกๆคนว่า อยากให้มีน้ำใจกันมากๆ โดยเฉพาะกับผู้หญิงเพราะบางครั้งผู้หญิงอาจจะขับรถได้ไม่ชำนาญเท่าผู้ชาย และอยากให้ในอนาคตมีรถไฟฟ้าจากชานเมืองเข้ามาในกรุงเทพฯ และมีเส้นทางเดินรถมากขึ้น เพื่อคนใช้รถใช้ถนนจะได้ไม่ต้องเร่งรีบ
"ชามรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้คนไทยขับรถกันแบบเร่งรีบ ส่วนหนึ่งอาจจะมากจากระบบการขนส่งมวลชนของเราที่ยังบริการไม่เพียงพอต่อปริมาณคนที่ใช้ และเส้นทางเดินรถที่ทับกันอาจจะทำให้รถติด แล้วทุกคนก็จะใจร้อนทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้ค่ะ”
สำหรับรถในฝัน...น้องชามบอกว่า ถูกใจรถสปอร์ตมาก ด้วยความเป็นรถที่ออกแบบมาเฉพาะ และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ซึ่งเธอไม่เกี่ยงว่าเป็นยี่ห้ออะไร ขอแค่อยากลองขับสักครั้งในชีวิตเท่านั้น!!!
