บริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ “ปอร์เช่” อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าโดยเปิดตัวรุ่น "เคย์แมน" ขนาดเครื่องยนต์ 2.7 ลิตรพิกัดกำลัง 245 แรงม้า เสริมตลาด และ รุ่น "บ็อกสเตอร์ ใหม่" เครื่องเดิมแต่เพิ่มความแรงพร้อมเทคโนโลยีทันสมัย “ระบบวาล์วแปรผัน VarioCam Plus”

สำหรับระบบ “ระบบวาล์วแปรผัน VarioCam Plus” จะทำหน้าควบคุมจังหวะการเปิดปิดของวาล์วไอดี ซึ่งจะช่วยให้เครื่องยนต์มีพละกำลังแรงขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังส่งผลทำให้การทำงานของเครื่องยนต์ในทุกจังหวะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถเพิ่มองศาการเปิดปิดเพลาลูกเบี้ยวของไอดีให้สามารถเปิดได้สูงถึง 40 องศา พร้อมทั้งควบคุมการเปิดปิดวาล์วได้ถึง 2 จังหวะเพื่อควบคุมปริมาณของอากาศและการจำหน่ายน้ำมันได้แม่นยำมากขึ้น
นอกจากนี้ "บ็อกสเตอร์" ยังออกแบบกระโปรงท้ายด้านหลังขึ้นมาใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บสัมภาระและสะดวกต่อการใช้สอย ส่วนของล้อได้มีการเพิ่มขนาดเป็นล้อแม็กอัลลอยด์ 19 นิ้ว ที่พัฒนามาจากรถยนต์ปอร์เช่ 911 Turbo ขนาด 85x19 (หน้า) 9 ครึ่งx19 (หลัง) ซึ่งจะถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมครั้งแรกในบ็อกสเตอร์รุ่นนี้

ที่สำคัญลูกค้าสามารถติดตั้งระบบเกียร์ Tiptronic S ในรุ่นบ็อกสเตอร์ใหม่นี้ได้ และเมื่อเชื่อมเข้ากับอุปกรณ์เสริม Sport Chrono Package จะทำให้ระบบเกียร์รถยนต์ปอร์เช่ บ็อกสเตอร์มีการขับเคลื่อนแบบสปอร์ตที่ดุดันมากขึ้น โดยการทำงานของระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S จะเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นในรอบเครื่องยนต์ที่สูงกว่า 3,000 รอบต่อนาที และเวลาลดเกียร์ลงเพื่อใช้เครื่องยนต์ในการช่วยเบรก
ระบบเกียร์จะตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกทั้งยังสามารถลดเกียร์ในรอบเครื่องยนต์ที่สูงกว่าเดิมอีกด้วย ส่วนการขับขี่แบบ Manual-shift mode ในระบบเกียร์ Tiptronic S นั้นเกียร์จะไม่เปลี่ยนเป็นเกียร์สูงขึ้นเองโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในรอบเครื่องยนต์ที่สูง โดยผู้ขับขี่จะต้องเป็นคนเปลี่ยนเกียร์เองเท่านั้น
สำหรับ บ็อกสเตอร์ มีขนาดเครื่องยนต์ 2.7 ลิตร 245 แรงม้า เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 5 แรงม้า ในขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 9.3 ลิตรต่อ 100 กม. ประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นเดิมถึง 0.3 ลิตร ต่อ100 กม. และสามารถทำอัตราการเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 258 กม./ช.ม.และ 260 กม./ช.ม. สำหรับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด

ขณะที่เคย์แมนค่ายเอเอเอส เพิงเปิดตัวรุ่นพี่ เคย์แมน เอส ไปเมื่อปลายปี2548 กับขนาดเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร 295 แรงม้า วันนี้เอเอเอส นำเครื่องยนต์ขนาดเล็ก 2.7 ลิตร มาเสริมให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเศรษฐีกระเป๋าหนัก
ขุมพลังเป็นเครื่องบอกเซอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ขนาด 6 สูบนอน ความจุ 2.7 ลิตร 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 273 นิวตันเมตรที่ 4600-6000 รอบต่อนาที พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Vario cam Plus เหมือนกับรุ่นบ็อกสเตอร์ ระบบเกียร์ของเคย์แมน มีทั้งธรรมดา 5 สปีด , 6 สปีด และเกียร์ Tiptronic S พร้อมสวิทซ์ ควบคุมการทำงานของระบบที่จะช่วยตอบสนองการขับขี่ในทุกสภาวะการใช้งาน
จากตัวเลขความแรงของขุมพลังที่เร้าใจเป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจโดยเคย์แมนให้อัตราเร่งแซงที่ดุดันปราดเปรียวจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.1 วินาที และให้พละกำลังสูงสุดถึง 258 กม./ชม. ที่สำคัญเคย์แมนนอกจากให้ความแรงเร้าใจในการขับขี่ดังที่กล่าวมาแล้วยังให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่น่าประทับใจ คือใช้น้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยเพียงในเมือง และนอกเมือง 9.3 ลิตร/100 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานยุโรป)

ทั้งนี้ เคย์แมน เป็นรถสปอร์ตคูเป้หลังคาแข็งที่ถูกวางระดับตลาด ราคา และความแรงให้แทรกกลางระหว่างรุ่นบ็อกสเตอร์(เปิดประทุน) และสายพันธุ์ 911 โดยรายละเอียดส่วนใหญ่ใช้พื้นฐานร่วมกับรุ่นบ็อกสเตอร์ เอส ซึ่งปอร์เช่เปิดเผยว่า 40 % ของชิ้นส่วนที่ใช้อยู่ในเคย์แมน เช่น ประตู ไฟหน้า และไฟท้าย สามารถใช้ร่วมกับบ็อกสเตอร์ได้ ส่วนระบบช่วงล่างแม้ว่าจะใช้แบบแม็กเฟอร์สันสตรัตด้านหน้า และมัลติลังค์ด้านหลัง แต่ก็ได้รับการปรับปรุงพอสมควร เพื่อให้เหมาะสมกับสมรรถนะ และรูปแบบของตัวถัง
สำหรับราคาค่าตัวของบ็อกสเตอร์ 7.6 ล้านบาท ส่วนเคย์แมน 8.5 ล้านบาท
สำหรับระบบ “ระบบวาล์วแปรผัน VarioCam Plus” จะทำหน้าควบคุมจังหวะการเปิดปิดของวาล์วไอดี ซึ่งจะช่วยให้เครื่องยนต์มีพละกำลังแรงขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังส่งผลทำให้การทำงานของเครื่องยนต์ในทุกจังหวะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถเพิ่มองศาการเปิดปิดเพลาลูกเบี้ยวของไอดีให้สามารถเปิดได้สูงถึง 40 องศา พร้อมทั้งควบคุมการเปิดปิดวาล์วได้ถึง 2 จังหวะเพื่อควบคุมปริมาณของอากาศและการจำหน่ายน้ำมันได้แม่นยำมากขึ้น
นอกจากนี้ "บ็อกสเตอร์" ยังออกแบบกระโปรงท้ายด้านหลังขึ้นมาใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บสัมภาระและสะดวกต่อการใช้สอย ส่วนของล้อได้มีการเพิ่มขนาดเป็นล้อแม็กอัลลอยด์ 19 นิ้ว ที่พัฒนามาจากรถยนต์ปอร์เช่ 911 Turbo ขนาด 85x19 (หน้า) 9 ครึ่งx19 (หลัง) ซึ่งจะถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมครั้งแรกในบ็อกสเตอร์รุ่นนี้
ที่สำคัญลูกค้าสามารถติดตั้งระบบเกียร์ Tiptronic S ในรุ่นบ็อกสเตอร์ใหม่นี้ได้ และเมื่อเชื่อมเข้ากับอุปกรณ์เสริม Sport Chrono Package จะทำให้ระบบเกียร์รถยนต์ปอร์เช่ บ็อกสเตอร์มีการขับเคลื่อนแบบสปอร์ตที่ดุดันมากขึ้น โดยการทำงานของระบบเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S จะเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นในรอบเครื่องยนต์ที่สูงกว่า 3,000 รอบต่อนาที และเวลาลดเกียร์ลงเพื่อใช้เครื่องยนต์ในการช่วยเบรก
ระบบเกียร์จะตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกทั้งยังสามารถลดเกียร์ในรอบเครื่องยนต์ที่สูงกว่าเดิมอีกด้วย ส่วนการขับขี่แบบ Manual-shift mode ในระบบเกียร์ Tiptronic S นั้นเกียร์จะไม่เปลี่ยนเป็นเกียร์สูงขึ้นเองโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในรอบเครื่องยนต์ที่สูง โดยผู้ขับขี่จะต้องเป็นคนเปลี่ยนเกียร์เองเท่านั้น
สำหรับ บ็อกสเตอร์ มีขนาดเครื่องยนต์ 2.7 ลิตร 245 แรงม้า เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 5 แรงม้า ในขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 9.3 ลิตรต่อ 100 กม. ประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นเดิมถึง 0.3 ลิตร ต่อ100 กม. และสามารถทำอัตราการเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 258 กม./ช.ม.และ 260 กม./ช.ม. สำหรับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด
ขณะที่เคย์แมนค่ายเอเอเอส เพิงเปิดตัวรุ่นพี่ เคย์แมน เอส ไปเมื่อปลายปี2548 กับขนาดเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร 295 แรงม้า วันนี้เอเอเอส นำเครื่องยนต์ขนาดเล็ก 2.7 ลิตร มาเสริมให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเศรษฐีกระเป๋าหนัก
ขุมพลังเป็นเครื่องบอกเซอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ขนาด 6 สูบนอน ความจุ 2.7 ลิตร 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 273 นิวตันเมตรที่ 4600-6000 รอบต่อนาที พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Vario cam Plus เหมือนกับรุ่นบ็อกสเตอร์ ระบบเกียร์ของเคย์แมน มีทั้งธรรมดา 5 สปีด , 6 สปีด และเกียร์ Tiptronic S พร้อมสวิทซ์ ควบคุมการทำงานของระบบที่จะช่วยตอบสนองการขับขี่ในทุกสภาวะการใช้งาน
จากตัวเลขความแรงของขุมพลังที่เร้าใจเป็นอีกสิ่งที่น่าสนใจโดยเคย์แมนให้อัตราเร่งแซงที่ดุดันปราดเปรียวจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.1 วินาที และให้พละกำลังสูงสุดถึง 258 กม./ชม. ที่สำคัญเคย์แมนนอกจากให้ความแรงเร้าใจในการขับขี่ดังที่กล่าวมาแล้วยังให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่น่าประทับใจ คือใช้น้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยเพียงในเมือง และนอกเมือง 9.3 ลิตร/100 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานยุโรป)
ทั้งนี้ เคย์แมน เป็นรถสปอร์ตคูเป้หลังคาแข็งที่ถูกวางระดับตลาด ราคา และความแรงให้แทรกกลางระหว่างรุ่นบ็อกสเตอร์(เปิดประทุน) และสายพันธุ์ 911 โดยรายละเอียดส่วนใหญ่ใช้พื้นฐานร่วมกับรุ่นบ็อกสเตอร์ เอส ซึ่งปอร์เช่เปิดเผยว่า 40 % ของชิ้นส่วนที่ใช้อยู่ในเคย์แมน เช่น ประตู ไฟหน้า และไฟท้าย สามารถใช้ร่วมกับบ็อกสเตอร์ได้ ส่วนระบบช่วงล่างแม้ว่าจะใช้แบบแม็กเฟอร์สันสตรัตด้านหน้า และมัลติลังค์ด้านหลัง แต่ก็ได้รับการปรับปรุงพอสมควร เพื่อให้เหมาะสมกับสมรรถนะ และรูปแบบของตัวถัง
สำหรับราคาค่าตัวของบ็อกสเตอร์ 7.6 ล้านบาท ส่วนเคย์แมน 8.5 ล้านบาท