“โลโก้ตัว H บนพื้นแดง ล้อแมกซ์ และตัวถังสีขาว พร้อมกับเครื่องยนต์แรงม้าสูงรอบจัด และเบาะ Recaro แดง”
นี่คือนิยามสั้นๆ ของเวอร์ชัน ไทป์อาร์ จากค่ายฮอนด้าซึ่งย่อมาจาก Type Racing ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการความแรงที่เหนือระดับจากรุ่นปกติ ซึ่งจุดกำเนิดของความแรงที่พัฒนาจากสนามแข่งเพื่อเอาใจนักซิ่งเท้าหนักเริ่มขึ้นในญี่ปุ่นช่วงต้นทศวรรษที่ 1990

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกคงเรียกว่าเป็น ไทป์อาร์ อย่างเป็นทางการได้ไม่เต็มปากนัก แต่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยผลักดันให้โครงการไทป์ อาร์เกิดขึ้นในเวลาต่อมา โดยในช่วงนั้นฮอนด้าเปิดตัวรุ่นตัวแรงของซีวิค SiR รหัส EF9 ในปี 1991 และ EG6/9 SiR II ในปี 1992 ซึ่งถือว่าเป็นซีวิครุ่นแรกที่มากับเครื่องยนต์ตัวแรง B16A พร้อมกับการตกแต่งภายในแบบสปอร์ต และช่วงล่างที่เซ็ตมาเพื่อรองรับกับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น

จากนั้นในปี 1992 ไทป์ อาร์รุ่นแรกก็ออกจากสายการผลิตโดยเป็นเวอร์ชันพิเศษของเอ็นเอสเอ็กซ์ ผลิตออกมาจำกัด และมีการปรับเซ็ตตัวรถให้มีน้ำหนักเบาลงมาอยู่ที่ 1,230 กิโลกรัม จากเดิม 1,350 กิโลกรัม
แต่ชื่อของไทป์อาร์กลับเป็นที่รู้จักกันกว้างขวางขึ้นกับการเป็นรุ่นตัวแรงสำหรับรถจ่ายกับข้าวอย่างซีวิค รหัส EK และสปอร์ตที่ใช้พื้นฐานเดียวกับซีวิคอย่างอินเทกรา ในช่วงปี 1996-1997 ซึ่งเหตุผลเป็นเพราะมีราคาไม่แพงอยู่ในระดับ 1,998,000-2,500,000 เยน หรือ 670,000-825,000 บาทเท่านั้น ขณะที่เอ็นเอสเอ็กซ์ไต่ขึ้นไปในระดับ 10 ล้านเยน หรือ 3 ล้านกว่าบาท จึงกลายเป็นความแรงที่ชนชั้นกลางสามารถเอื้อมถึงได้

ไทป์ อาร์ของซีวิคในรหัส EK9 มากับเครื่องยนต์ B16B ที่ได้รับการรีดแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 185 แรงม้ากับความจุเครื่องยนต์เพียง 1,600 ซีซีเท่านั้น และได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องยนต์แบบไร้ระบบอัดอากาศ หรือ NA ที่มีแรงม้าต่อความจุ 1 ลิตรดีที่สุดในโลกบล็อกหนึ่งเลยทีเดียว ขณะที่อินเทกรามากับรหัส DC2 พร้อมเครื่องยนต์ B18C-R ความจุ 1,800 ซีซี 200 แรงม้า พร้อมเกียร์ธรรมดาอัตราทดชิดแบบ 5 จังหวะ

อีก 5 ปีต่อมารหัสนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในหมู่ของแฟนฮอนด้ากับรุ่นซีวิค และอินเทกราเหมือนเดิม โดยรุ่นใหม่ของซีวิคมากับรหัส EP3 และอินเทกรามาในรหัส DC5 พร้อมความเปลี่ยนแปลงที่หันไปคบกับเครื่องยนต์ใหม่ รหัส K 4 สูบ 2,000 ซีซี i-VTEC ซึ่งมีกำลังขับเคลื่อนในระดับ 200-220 แรงม้า
ส่วนเอ็นเอสเอ็กซ์ ไทป์อาร์ ถูกลดบทบาทลงโดยเปิดตัวรุ่น ไทป์เอส ซีโร่ ออกมาแทนที่ในปี 1997 ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งในชื่อเอ็นเอสเอ็กซ์-อาร์ในปี 2002
สำหรับสาเหตุที่ว่าทำไมไทป์อาร์จะต้องมากับโลโก้ตัว H บนพื้นแดง และสีขาว นั่นเป็นเพราะ รถแข่ง F1 คันแรกของฮอนด้าที่คว้าแชมป์กรังด์ปรีซ์ในยุคทศวรรษที่ 1960 มากับตัวถังสีขาวแบบ Championship White และใช้โลโก้สีตัว H บนพื้นแดง นี่ก็เลยเป็นที่มาของการสานต่อเจตนารมย์ แห่งความแรงจากสนามแข่ง และในปัจจุบันรถยนต์ของฮอนด้า (ไม่นับพวกแต่งเอง) มีแค่เวอร์ชันไทป์ อาร์ และรถแข่งทุกประเภทรวมถึง F1 เท่านั้นที่ใช้โลโก้นี้
ติดตามตอนหน้า Honda Civic Type R แตกไลน์เพื่อตลาดแต่ละกลุ่ม

นี่คือนิยามสั้นๆ ของเวอร์ชัน ไทป์อาร์ จากค่ายฮอนด้าซึ่งย่อมาจาก Type Racing ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการความแรงที่เหนือระดับจากรุ่นปกติ ซึ่งจุดกำเนิดของความแรงที่พัฒนาจากสนามแข่งเพื่อเอาใจนักซิ่งเท้าหนักเริ่มขึ้นในญี่ปุ่นช่วงต้นทศวรรษที่ 1990
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกคงเรียกว่าเป็น ไทป์อาร์ อย่างเป็นทางการได้ไม่เต็มปากนัก แต่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยผลักดันให้โครงการไทป์ อาร์เกิดขึ้นในเวลาต่อมา โดยในช่วงนั้นฮอนด้าเปิดตัวรุ่นตัวแรงของซีวิค SiR รหัส EF9 ในปี 1991 และ EG6/9 SiR II ในปี 1992 ซึ่งถือว่าเป็นซีวิครุ่นแรกที่มากับเครื่องยนต์ตัวแรง B16A พร้อมกับการตกแต่งภายในแบบสปอร์ต และช่วงล่างที่เซ็ตมาเพื่อรองรับกับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น
จากนั้นในปี 1992 ไทป์ อาร์รุ่นแรกก็ออกจากสายการผลิตโดยเป็นเวอร์ชันพิเศษของเอ็นเอสเอ็กซ์ ผลิตออกมาจำกัด และมีการปรับเซ็ตตัวรถให้มีน้ำหนักเบาลงมาอยู่ที่ 1,230 กิโลกรัม จากเดิม 1,350 กิโลกรัม
แต่ชื่อของไทป์อาร์กลับเป็นที่รู้จักกันกว้างขวางขึ้นกับการเป็นรุ่นตัวแรงสำหรับรถจ่ายกับข้าวอย่างซีวิค รหัส EK และสปอร์ตที่ใช้พื้นฐานเดียวกับซีวิคอย่างอินเทกรา ในช่วงปี 1996-1997 ซึ่งเหตุผลเป็นเพราะมีราคาไม่แพงอยู่ในระดับ 1,998,000-2,500,000 เยน หรือ 670,000-825,000 บาทเท่านั้น ขณะที่เอ็นเอสเอ็กซ์ไต่ขึ้นไปในระดับ 10 ล้านเยน หรือ 3 ล้านกว่าบาท จึงกลายเป็นความแรงที่ชนชั้นกลางสามารถเอื้อมถึงได้
ไทป์ อาร์ของซีวิคในรหัส EK9 มากับเครื่องยนต์ B16B ที่ได้รับการรีดแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 185 แรงม้ากับความจุเครื่องยนต์เพียง 1,600 ซีซีเท่านั้น และได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องยนต์แบบไร้ระบบอัดอากาศ หรือ NA ที่มีแรงม้าต่อความจุ 1 ลิตรดีที่สุดในโลกบล็อกหนึ่งเลยทีเดียว ขณะที่อินเทกรามากับรหัส DC2 พร้อมเครื่องยนต์ B18C-R ความจุ 1,800 ซีซี 200 แรงม้า พร้อมเกียร์ธรรมดาอัตราทดชิดแบบ 5 จังหวะ
อีก 5 ปีต่อมารหัสนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในหมู่ของแฟนฮอนด้ากับรุ่นซีวิค และอินเทกราเหมือนเดิม โดยรุ่นใหม่ของซีวิคมากับรหัส EP3 และอินเทกรามาในรหัส DC5 พร้อมความเปลี่ยนแปลงที่หันไปคบกับเครื่องยนต์ใหม่ รหัส K 4 สูบ 2,000 ซีซี i-VTEC ซึ่งมีกำลังขับเคลื่อนในระดับ 200-220 แรงม้า
ส่วนเอ็นเอสเอ็กซ์ ไทป์อาร์ ถูกลดบทบาทลงโดยเปิดตัวรุ่น ไทป์เอส ซีโร่ ออกมาแทนที่ในปี 1997 ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งในชื่อเอ็นเอสเอ็กซ์-อาร์ในปี 2002
สำหรับสาเหตุที่ว่าทำไมไทป์อาร์จะต้องมากับโลโก้ตัว H บนพื้นแดง และสีขาว นั่นเป็นเพราะ รถแข่ง F1 คันแรกของฮอนด้าที่คว้าแชมป์กรังด์ปรีซ์ในยุคทศวรรษที่ 1960 มากับตัวถังสีขาวแบบ Championship White และใช้โลโก้สีตัว H บนพื้นแดง นี่ก็เลยเป็นที่มาของการสานต่อเจตนารมย์ แห่งความแรงจากสนามแข่ง และในปัจจุบันรถยนต์ของฮอนด้า (ไม่นับพวกแต่งเอง) มีแค่เวอร์ชันไทป์ อาร์ และรถแข่งทุกประเภทรวมถึง F1 เท่านั้นที่ใช้โลโก้นี้
ติดตามตอนหน้า Honda Civic Type R แตกไลน์เพื่อตลาดแต่ละกลุ่ม