สงครามเครื่องยนต์ดีเซลเดือด!...เมื่อบรรดาค่ายรถหรูเปิดแนวรุกครั้งใหม่ เสริมรุ่นที่วางหัวใจดีเซล หลังเมินทำตลาดมานานด้วยเหตุผลหลายประการทั้ง คุณภาพน้ำมันดีเซลในบ้านเรา รวมถึงความเชื่อในเรื่องสมรรถนะที่เป็นรองเครื่องยนต์เบนซิน
จากอดีตที่ผู้บริโภคมีภาพเครื่องยนต์ดีเซลในหัวว่า อืด ควันดำ เครื่องสั่น แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลพัฒนาขึ้นไปมาก ทั้งการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้โดยตรง หรือไดเรคอินเจคชั่น ไปจนถึงระบบคอมมอนเรล ที่เห็นกันในปิกอัพรุ่นใหม่ๆ ทำให้ภาพดังกล่าวเริ่มถูกลบออกไป ประกอบกับราคาน้ำมันพุ่งกระชากใจ ส่งผลให้ค่ายรถหรูต่างปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
ไม่ว่าจะเป็นสิงห์ผยองอย่าง เปอโยต์ 407 คูเป้ ดีเซล,วอลโว่ วี70 – เอส80 ดี5 และเจ้าตลาด “เบนซ์” ที่นำร่องไปก่อนกับ ซี220 ซีดีไอ และ อี220 ซีดีไอ รวมถึง เอ180 ซีดีไอ และเอส 320 ซีดีไอ จะมาเสริมทัพปลายปีนี้
ขณะเดียวกันคู่แข่งร่วมชาติอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู เริ่มขยับตัวกับ 520d ที่วางหัวใจดีเซลเป็นรุ่นแรกในตลาดเมืองไทย รวมถึงออดี้ ไม่ยอมน้อยหน้าส่งเครื่องยนต์ดีเซล ทีดีไอ 3 รุ่นรวด ใน เอ4 เอ6 และคิว7
สำหรับสองรุ่นหลังเตรียมเปิดตัวในเดือนตุลาคม แต่ เอ4 2.0 ทีดีไอ (A4 2.0 TDI) เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมเคาะราคา 2.89 ล้านบาท ซึ่ง“ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง” มีโอกาสลองขับมาแล้ว ตามคำเชิญของ บริษัท ไทยยานยนตร์ ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ออดี้ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
หลังจากได้รับกุญแจรถ และเพ่งพิศรูปลักษณ์ภายนอก ที่แทบไม่มีอะไรต่างจากตัวเบนซิน เอ4 2.0 ทีเอฟเอสไอ (A4 2.0 TFSI) นอกจากโลโก้ด้านท้าย “TDI” และล้ออลูมิเนียม 16 นิ้ว ประกบยางขนาด 205/55R16 ขณะที่ ทีเอฟเอสไอเป็นล้อ 17 นิ้ว
ภายในของทีดีไอตกแต่งบริเวณคอนโซลต่างๆ ด้วยอลูมิเนียม ขณะที่ทีเอฟเอสไอแต่งด้วยลายไม้ พวงมาลัยมีแพดเดิลชิพ ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ แต่จะไม่มีปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน ทั้งยังตัดออปชันบางอย่าง อาทิ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ระบบเซ็นเซอร์ปัดน้ำฝน ม่านบังแดดหลัง รวมถึงระบบความปลอดภัยอย่าง ครูส คอนโทรล ระบบกันขโมยแบบตรวจจับการเคลื่อนไหวภายในรถและยกรถ ซึ่งทั้งหมดมีให้เห็นในรุ่น 2.0 ทีเอฟเอสไอ
อย่างไรแล้วอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ยังขนมาให้ครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัยด้านหน้า- ด้านข้างสำหรับคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า พร้อมถุงลมนิรภัย SIDE GUARD เพื่อป้องกันศีรษะสำหรับผู้โดยสารทั้ง 4 ตำแหน่ง
ขณะที่ระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัว ESP,ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี EDL,ระบบป้องกันการลื่นไถล ASR,ระบบกระจายแรงเบรค EDB ล้วนเป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ใส่มาให้มิได้ขาด
ส่วนขุมพลัง ทีดีไอ (TDI – Turbo Diesel injection) ที่วางใน เอ4 นี้จะไม่ใช้ระบบคอมมอนเรลที่เรารู้จักกัน และต่างจากระบบ CDI ของเบนซ์ กล่าวคือไม่มีรางร่วมเป็นตัวพักน้ำมัน (ที่ได้จากปั๊มแรงดันสูง) ก่อนส่งไปยังหัวฉีดต่างๆ เพื่อฉีดน้ำมันลงไปในห้องเผาไหม้ ซึ่งมีอีซียูควบคุม
โดยทีดีไอบล็อกนี้จะมีปั๊มส่งน้ำมันไปยังหัวฉีดอัจฉริยะ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นปั๊มไฟฟ้าแรงดันสูงในตัว ซึ่งออดี้ เรียกว่า ระบบปั๊มอินเจคเตอร์ ที่จะให้แรงดันน้ำมันได้สูงสุดถึง 2,050 บาร์ มากกว่าระบบคอมมอนเรล ทั้งยังได้น้ำมันที่เป็นฝอยละเอียดมากขึ้น ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์ได้กำลังอย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษ
ออดี้ มองว่ารถเครื่องยนต์ 4 สูบ น่าจะเพียงพอแล้วกับระบบนี้ แต่ถ้าเครื่องใหญ่กว่านั้น ถึงจะต้องเป็นระบบคอมมอนเรล อย่าง เอ6 3.0 ทีดีไอ วี 6 สูบ ซึ่งกำลังนำเข้ามา และที่เพิ่งสร้างชื่อในการแข่งเลอมังส์ 24 ชั่วโมง อย่างอาร์10 ทีดีไอ (R10 TDI) วี 12 สูบ เพราะถึงอย่างไรระบบคอมมอนเรลจะได้เปรียบในเรื่องการทำงานที่เงียบ และสั่นน้อยกว่า
สำหรับปริมาตรกระบอกสูบอย่างเป็นทางการ 1968 ซีซี พร้อม เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1750-2500 รอบต่อนาที และในสเปคระบุว่า อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 9.8 วินาที ช้ากว่า 2.0 ทีเอฟเอสไอ ที่ทำได้ 7.3 วินาที
ถึงแม้ตัวเลขมันบอกอยู่แล้วว่าเบนซินจะปรู้ดปร้าดกว่า แต่จากการขับจริงๆผมว่า เจ้าตัวทีดีไอก็ใช่ย่อยครับ และเป็นความรู้สึกแบบนิ่มนวลสบายๆ การออกตัวไม่กระโชกกระชากแบบหลังติดเบาะ ส่วนการขับในเมืองคล่องแคล่วดีทีเดียว ยิ่งช่วงรอบต่ำประมาณ 2,000- 3,000 รอบ กำลังขับสนุก เพราะเมื่อไหร่ที่ต้องการเรียกพละกำลังออกมาสนับสนุนความต้องการของเท้าขวา ก็ทำได้ทันอกทันใจไม่น้อย
ผสานการส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมเล่นเป็นเกียร์ธรรมดาง่ายๆกับ แพดเดิลชิพหลังพวงมาลัย ที่ไหลลื่นนุ่มนวล ขณะที่คู่แข่ง ซี220 ซีดีไอ จะส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดเท่านั้น ทั้งนี้ลองขับนอกเมืองที่ความเร็ว 120 กม./ชม. รอบเครื่องยังชี้เพียง 2,000 รอบ ซึ่งการวัดอัตราบริโภคน้ำมันคร่าวๆที่ความเร็ว 100 - 120 กม./ชม. จะกินอยู่ประมาณ 21 กม./ลิตรเท่านั้น
การนั่งอยู่หลังพวงมาลัยอาจจะรู้สึกคับแคบไปบ้างสำหรับชายหุ่นมาตรฐาน เพราะขาซ้ายจะถูกบีบโดยคอนโซลกลาง ส่วนเรื่องเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้ดีมากโดยเฉพาะเสียงเครื่องยนต์ เพระถ้าคุณยืนอยู่นอกรถแล้วติดเครื่องไว้ ซุ่มเสียงที่อยู่ใต้ฝากระโปรงก็ไม่ต่างจากรถปิกอัพเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเข้ามาในห้องโดยสารแล้วเสียงที่ว่านั้นเล็ดลอดเข้ามาน้อยมาก
อย่างไรก็ตามเมื่อขับไปได้สักพัก และต้องจอดขณะรถติดๆ จะมีอาการสั่นของเครื่องยนต์สะท้อนมายังห้องโดยสารนิดหน่อย โดยเฉพาะตำแหน่งผู้ขับจะรู้สึกได้ชัดเจนที่สุด แต่ไม่ถึงกับรุนแรงแบบปิกอัพรุ่นเก่าๆ คือมันจะเป็นจังหวะนุ่มๆ สั่นแบบผู้ดีหน่อย
ตรงนี้ ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่เทคนิคออดี้ว่าเป็นเรื่องของระบบแอร์ ที่การทำงานจะตัดเป็นบางจังหวะขณะจอดรถแล้วติดเครื่องไว้ ซึ่งมีผลต่อระบบไฟฟ้าที่ควบคุมแท่นรองเครื่องยนต์ จึงเกิดแรงสั่นมายังห้องโดยสารบ้างเป็นเวลาสั้นๆ แต่เมื่อรถออกตัวไปแล้ว หรือขับปกติอาการนี้จะไม่เกิดขึ้น
การควบคุมผ่านพวงมาลัยแบบแร็กแอนพิเนียนทำงานได้อย่างตรงไปตรงมา ด้านระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ 4-link พร้อมเหล็กกันโคลง หลังแบบ trapezoidal-link พร้อมเหล็กกันโคลง ที่พัฒนามาจากรุ่น A6 และ A8 และมีการปรับแต่งให้โช้คอัพหน้า-หลังให้ทำงานร่วมกับสปริงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนตัวแล้วผมว่าการเซ็ทช่วงล่างของ เอ4 ทีดีไอคันนี้ออกจะนุ่มๆไปนิด ยิ่งความเร็วสูงๆ หรือขึ้น-ลงสะพานจะออกโหวงๆไปบ้าง ส่วนการเค้าโค้งหนักๆมีอาการยวบยาบนิดหน่อย ซึ่งซี220 ซีดีไอให้ความรู้สึกหนึบแน่นกว่า
รวบรัดตัดความ...การที่ เอ4 2.0 ทีดีไอ เป็นรถนำเข้าทั้งคัน ทำให้ออปชันบางอย่างถูกทอนลงไปบ้าง เพื่อทำราคาให้สู้กับคู่แข่งอย่าง ซี220 ซีดีไอ (ประกอบในประเทศ) ซึ่งราคา 2.95 ล้านบาทได้
ส่วนช่วงล่างของ เอ4 2.0 ทีดีไอ ออกย้วยๆไปนิด รวมถึงแฮนด์ลิ่ง ที่คู่แข่งดูจะเฉียบคมกว่า แต่รถจากค่ายสี่ห่วงกลับทำคะแนนได้ดีกว่าตรงอัตราเร่ง ที่ให้การตอบสนองดีทุกย่านความเร็ว พร้อมการบริโภคน้ำมันอยู่ในระดับจิบๆเท่านั้น เนื่องจากจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์ และเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด จึงเชื่อว่างานนี้ปั๊มน้ำมันคงกินเงินคุณลำบากขึ้นแน่นอน