xs
xsm
sm
md
lg

‘คัมรี ใหม่’ออปชัน-สมรรถนะ-ราคา มาพบกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจเนอเรชันที่ 6 ของโตโยต้า คัมรี เปิดตัวครั้งแรกในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยพัฒนาบนพื้นฐานวิศวกรรมเดียวกับ เล็กซัส อีเอส 350 ใหม่ ซึ่งเปิดตัวไล่เลี่ยกันในงาน ชิคาโก มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์

นอกจากการใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน ส่งผลให้ระยะฐานล้อยาวเท่ากันที่ 2775 มิลลิเมตรแล้ว รูปลักษณ์ของ คัมรี ใหม่ เวอร์ชันอเมริกาก็ละม้าย อีเอส 350 จนเรียกว่าถอดแบบกันมาเลย

สำหรับประเทศไทย คัมรี ใหม่ มาพร้อมสโลแกน True spirit,True leader และเปิดตัวเมื่อ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเจเนอเรชันที่ 4 ในบ้านเรา โดยอิงหน้าตามาจากเวอร์ชันที่ขายในไต้หวัน

ทั้งนี้การทำตลาดจะแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อยคือ 2.0G เครื่องยนต์ 2 ลิตร ราคา 1.299 ล้านบาท ที่ให้ออปชันมาพอตัว ส่วนเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร มีรุ่น 2.4G ราคา 1.469 ล้านบาท ซึ่งออปชันดูจะด้อยกว่า 2.0G เพราะต้องการเน้นลูกค้าไฮโซมีคนขับรถให้ กล่าวคือไม่ต้องเอาใจคนขับมากนัก และ 2.4V ราคา 1.599 ล้าน ที่อัดออปชันมาแบบทะลักทลาย

นอกจากนี้ 2.4V จะมีรุ่นที่เสริมเครื่องเล่นดีวีดีด้วย สนนราคา 1.639 ล้านบาท และรุ่นท๊อปสุดเพิ่ม ดีวีดี + เนวิเกเตอร์ ราคา 1.749 ล้านบาท

หลังจากการเปิดตัวเพียงสองอาทิตย์ โตโยต้า ได้เชิญสื่อมวลชนหลายสำนักไปร่วมทดสอบรถธงของค่าย โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ – เกาะช้าง จังหวัดตราด ซึ่ง“ผู้จัดการมอเตอร์ริ่ง” ก็ขอตามไปด้วยเช่นกัน

หลังจากฟังการบรรยายเส้นทาง โตโยต้า ได้เตรียม คัมรี ใหม่ ไว้ ทั้งสิ้น 12 คัน โดยเราถูกจัดให้ร่วมก๊วนเดียวกับทีมงานจาก “บางกอกโพสต์” และได้พาหนะเป็นรุ่น 2.4V พร้อมดีวีดี เนวิเกเตอร์ เป็นเพื่อนคู่กาย

การเดินทางครั้งนี้ เรานั่งมาเต็มพิกัด 4 คน โดยออกสตาร์ทจากโรงแรม ดุสิต ธานี แล้วขึ้นทางด่วนไปลงมอเตอร์เวย์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังจังหวัดตราด ซึ่งช่วงแรกผมถูกไล่ให้ไปนั่งด้านหลังก่อน จึงมีโอกาสได้พินิจถึงการออกแบบภายนอก และภายในไปพลางๆ

คัมรี ใหม่ มาพร้อมมาดนุ่มๆ ดูสุขุม กับเส้นสายของฝากระโปรงหน้า ลากยาวลงมาผ่านกระจังหน้าและกันชน ที่โตโยต้าเรียกว่า การดีไซน์แบบ U-Shape ขณะที่ไฟตัดหมอกหน้าก็เสริมให้รถดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

สำหรับรุ่นล่างสุด 2.0G ไฟหน้าเป็นแบบฮาโลเจนเท่านั้น แต่รุ่น2.4G และ 2.4V เป็นแบบHID (ซีนอน) พร้อมโปรเจคเตอร์เลนส์ ทั้งนี้ในรุ่น 2.4V ไฟหน้าจะเป็นแบบ AFS (Adaptive Front-Lighting System) สามารถปรับทิศทางตามการหมุนของพวงมาลัยได้อีกด้วย ขณะที่คู่แข่งอย่างเทียน่าจะมีคล้ายๆกันในรุ่น 230JS แต่จะเป็นไฟเสริมขึ้นมาอีกดวงเมื่อเลี้ยวพวงมาลัยได้ตามองศาที่กำหนด ส่วนแอคคอร์ดยังไม่มีทั้งสองระบบ

ด้านหลังออกแบบเรียบๆ ด้วยไฟท้าย LED ที่โดดเด่นเต็มตากว่ารุ่นก่อน พร้อมไฟตัดหมอก ซึ่งรุ่น2.4 V ที่มีดีวีดี + เนวิเกเตอร์ จะมีกล้องมองหลังมาให้ด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อขับตามๆกันไปมองด้านท้าย เผินๆ ก็คล้ายกับ ฮอนด้า ซิตี้ ซีร์เอ็กซ์ เหมือนกัน

สำหรับมิติตัวถัง ยาว 4825 มิลลิเมตร กว้าง 1820 มิลลิเมตร เท่ากับรุ่นเดิม ขณะที่ความสูงลดลงจาก 1500 มิลลิเมตร เหลือ1470 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2775 มิลลิเมตร ยาวขึ้นจากเดิม 55 มิลลิเมตร(เดิม 2720 มิลลิเมตร) พร้อมล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว ประกบยางขนาด 215/55 R17 ในรุ่น2.4V ส่วนรุ่น 2.0G กับ 2.4G เป็นล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว ประกบยางขนาด 215/60 R16

ภายในยังคงตกแต่งด้วยลายไม้พอเป็นพิธี ทั้งแผงแดชบอร์ดหน้า คอนโซลกลาง พวงมาลัย และ แผงประตู สิ่งที่โดดเด่นในรุ่น 2.4V เห็นจะเป็นมาตรวัดเรืองแสงแบบออพตริตรอน เปลี่ยนได้ 3 สี เบาะหนังตกแต่งด้วยโทนสีเบจ พร้อมระบบ Cooling Seat ที่จะมีพัดลมอยู่ที่พนักพิง และก้นรองนั่ง เพิ่มความเย็น สำหรับเบาะคู่หน้า

ระบบปรับอากาศของ คัมรี ใหม่ เป็นแบบอิสระซ้าย – ขวา พร้อมเทคโนโลยี พลาสม่าคลัสเตอร์ ของชาร์ป เพื่อความสดชื่นภายในห้องโดยสาร รวมถึงช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง จะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น

เมื่อดูการออกแบบรวมๆ ทั้งภายนอกและภายใน คัมรี่ ใหม่ น่าจะอยู่ตรงกลางระหว่าง เทียน่า ที่ออกแนวหรูหรากว่า ขณะที่แอคคอร์ดจะออกสไตล์สปอร์ตไปเลย แต่ไอ้ตรงกลางนี่แหละครับมีส่วนแบ่งการตลาดในเซกเม้นนี้มากที่สุด และหลังจากการเปิดตัวครั้งนี้ บวกกับความสดใหม่กว่าคู่แข่ง ทำให้โตโยต้า ตั้งเป้ากินส่วนแบ่งมากกว่า 50% เลยทีเดียว

ผมมีโอกาสได้ลองขับ คัมรี ใหม่ เมื่อการเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนที่สาม ณ สนามกอล์ฟวังจันทร์ จังหวัดระยอง และก่อนออกเดินทางต้องจัดเบาะกันให้เข้าที่เข้าทาง ซึ่งสามารถทำได้ง่ายด้วยระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อม Memory Seat

นอกจากนี้พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง ถือว่าเป็นจุดเล็กๆที่ผมชอบมาก เพราะไม่เพียงปรับขึ้น-ลง แต่สามารถปรับใกล้-ไกลจากตัวผู้ขับได้ ยิ่งทำให้การขับอยู่ในตำแหน่งเหมาะสมมากที่สุด ซึ่งมีให้เห็นในแอคคอร์ดเช่นกัน แต่เทียน่ายังไม่มี

สิ่งที่ต้องชมอีกประการเห็นจะเป็นหน้าจอแสดงผล และมาตรวัดต่างๆที่มีการสื่อสารกับผู้ขับได้อย่างชัดเจน และรับรู้ได้ง่ายขึ้น รวมถึงปุ่มมัลติฟังก์ชัน ควบคุมการทำงานของเครื่องเสียง ระบบแอร์ ทำได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งการออกแบบรถรุ่นหลังๆของโตโยต้าจะเริ่มใส่ใจตรงนี้มากขึ้น

อย่างไรก็ตามแม้ความสูงของรถจะต่ำลงกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำให้ห้องโดยสารเล็กลง ทั้งการนั่งเป็นผู้โดยสารตอนหลัง รวมถึงตำแหน่งผู้ขับก็กว้างขวางนั่งสบายๆ ซึ่งเสา เอ-พิลลาร์ โตๆ ไม่ขัดหูขัดตา พร้อมทัศนะวิสัยในการขับก็ชัดเจนดี

แต่สิ่งที่รู้สึกว่ายังไม่เนียนน่าจะเป็นการเก็บเสียงในห้องโดยสาร โดยเฉพาะเสียงยางที่บดพื้นถนน สะท้อนขึ้นมาชัดเจนมาก ซึ่งตรงนี้ แอคคอร์ด กับเทียน่า ทำได้ดีกว่านิดหน่อย

ด้านขุมพลังในรุ่น 2.4G และ 2.4V ยังคงใช้บล็อกเดิม กับรหัส 2AZ-FE แต่ได้มีปรับปรุงเล็กน้อย อาทิการตัดท่อร่วมไอดีให้สั้นลง เพื่อเพิ่มความเร็วในการอัดอากาศ รวมถึงการปรับองศาวาล์วในท่อไอดี และไอเสีย เพื่อให้การไหลเวียนอากาศดีขึ้น ส่งผลให้ได้แรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้น

โดยเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง 2400 ซีซี DOHC VVTiให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที (เดิม 152 แรงม้า ที่ 5600 รอบต่อนาที) แรงบิด 224 นิวตัน-เมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที (เดิม 218 นิวตัน-เมตร ที่ 3800 - 4200 รอบต่อนาที)

ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ที่เล่นเป็นแบบเกียร์ธรรมดาได้ ยิ่งเพิ่มความเร้าใจมากขึ้น โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์บล็อกนี้ สามารถตอบสนองตามแรงกดของเท้าขวาได้ดี ทั้งการออกตัว และเร่งแซงในความเร็วต่ำ ซึ่งในสเปคระบุว่า อัตราเร่ง 0-100 ทำได้ 10.3 วินาทีเท่านั้น

ส่วนรหัส 1AZ-FE ในรุ่น 2.0G (มีโอกาสได้ลองตอนขากลับ) เป็น 4 สูบ แถวเรียง 2000 ซีซี DOHC VVT-i ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที (เดิม 144 แรงม้า ที่ 5600 รอบต่อนาที) แรงบิดเท่าเดิม ที่ 190 นิวตัน-เมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ที่อาจไม่จี๊ดจ๊าดนัก แต่น่าจะเพียงพอในการเร่งแซงแบบไม่ต้องลุ้นเหนื่อย

เช่นกันในสเปคของรุ่น 2.0G ระบุว่า 0-100 กม./ชม.ทำได้ 12.5 วินาที ซึ่งจะตอบสนองได้ทันใจกว่า เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 2 ลิตรของ เทียน่า ส่วนแอคคอร์ด คงกินกันลำบาก

สำหรับพวงมาลัยที่เป็นแบบแร็กแอนพิเนียน ให้น้ำหนักกำลังดี แต่ยังไม่เฉียบคมนัก ตรงนี้เทียน่า กับแอคคอร์ด ทำได้ดีกว่า

สำหรับช่วงล่างหน้าแบบ อิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบอิสระดูอัลลิงค์สตรัท ให้การทรงตัวดีในทุกย่านความเร็ว ซึ่งการเพิ่มความเร็วเวลาเข้าโค้งยาวๆ ก็ทำได้มั่นคง และแน่นมาก

อย่างไรก็ตามเมื่อข้ามเรือมาถึงเกาะช้าง ผมได้กลับมานั่งในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลังอีกครั้ง ซึ่งตลอดทาง เป็นโค้งสั้น สลับ ขึ้นเขา ลงเขา ก็รู้สึกว่าตัวรถไม่ออกอาการโคลงมากนัก เรียกว่ายังนิ่งนั่งได้สบายๆ แต่จะมีประเด็นอยู่นิดเดียวคือ จากน้ำหนักรถของ คัมรี ใหม่ ที่เพิ่มจากรุ่นเดิมถึง 70 – 80 กิโลกรัม รวมถึงการบรรทุกผู้โดยสารอีก 4 คน อาจเป็นปัจจัยเสริมความหนึบตรงนี้ด้วย

เมื่อพิจารณาน้ำหนักรถ รวมถึงแรงม้าที่เพิ่มขึ้นหลายคนอาจสงสัยเรื่องการบริโภคน้ำมัน ซึ่งก่อนเราจะข้ามเรือเฟอร์รี่มายังเกาะช้าง ได้มีการเติมน้ำมันอีกครั้งจึงสามารถวัดอัตราการกินน้ำมันได้คร่าวๆ

สำหรับการขับรุ่น 2.4V นอกเมือง และใช้ความเร็วประมาณ 100 - 120 กม./ชม. แต่บางช่วงมีการขับแบบโหดๆบ้าง ทั้งลากรอบนานๆ หรือลองทำความเร็วสูงๆ ส่งผลให้ได้ตัวเลขประมาณ 10 กม./ ลิตร ที่สำคัญเติมน้ำมันเบนซิน 91 เท่านั้น

ด้านความปลอดภัยขนมาให้ทั้ง ระบบเบรก ABS, EBD, BA, และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ที่เป็นมาตรฐานทุกรุ่น ขณะที่ถุงลมนิรภัยด้านข้างจะมีในรุ่น 2.0G กับ 2.4V เท่านั้น และรุ่น 2.4V จะเพิ่มระบบความคุมการทรงตัว VSC มาให้ด้วย

รวบรัดตัดความการเปิดตัว คัมรี ใหม่ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่โตโยต้ายังมั่นใจว่าสิ้นปีจะทำยอดขายได้ถึง 6,000 คัน เพราะความสดใหม่กว่าคู่แข่ง พร้อมออปชันตระการตา ที่ไล่มาในนี้ไม่หมด

ส่วนเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นถูกพัฒนาขึ้นจากเดิมให้มีกำลังสูงขึ้น โดยรุ่น 2.0G สำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลักน่าจะเพียงพอ แต่ใครต้องการความซะใจอีกนิดก็คงต้องเล่น 2.4G และ 2.4V

ขณะที่ระบบส่งกำลังทำได้ไหลลื่นนุ่มนวลโดยเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ส่วนการบังคับเลี้ยวอาจจะไม่แม่นยำนัก แต่ช่วงล่างก็เหนียวแน่นเอาการ รวมถึงตัวเลขการบริโภคน้ำมันที่ไม่ขี้เหร่ พร้อมราคาที่สมเนื้อสมตัว ดังนั้นควรเลือกรุ่นที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และไปลองขับด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจแล้วกัน






คัมรี ใหม่ รุ่น 2.0G






ภายในของ 2.0G

กำลังโหลดความคิดเห็น