ข่าวในประเทศ - ค่ายรถแห่ตอมเค้กรถเมล์เอ็นจีวีขสมก. และเอกชนร่วมบริการ จำนวน4,000 คัน ยักษ์ใหญ่จากจีน “ตงฟง หางโจว” โดดเกาะขบวน หลังเปิดตลาดปีแรกฟันยอดขายจากกลุ่มรถเมล์ร่วมของเอกชนเกือบ 200 คัน มั่นใจสมรรถนะทางเทคนิคสู่รถจากยุโรป และญี่ปุ่นได้ แถมยังได้ลูกหนุนจากปตท. ที่ปลายส.ค.นี้ขนขบวนผู้ประกอบการกว่า 30 ราย บุกโรงงานผลิตเครื่องยนต์เอ็นจีวีที่ประเทศจีน เผยทุ่มงบเกือบ 300 ล้านบาท ขึ้นไลน์ผลิตและศูนย์บริการ เตรียมรองรับแผนตีตลาดไทย
นายสุรพงษ์ มนเทียรวิเชียรฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตงฟง หางโจว มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้จำหน่ายรถบัสและรถบรรทุกยี่ห้อ “ตงฟง” จากประเทศจีน เปิดเผยว่า จากการที่ตงฟงเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดกลุ่มรถบัสมากกว่า 80% ในประเทศจีน และโดยเฉพาะรถบัสโดยสารเครื่องยนต์ใช้ก๊าซธรรมชาติ (CNG) ซึ่งมีส่วนแบ่งเต็ม 100% ทำให้มั่นใจว่ารถใช้เครื่องยนต์ซีเอ็นจีของตงฟง จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าในไทยเช่นเดียวกัน

“หลังจากเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังเพียงปีแรก เรามียอดสั่งซื้อรถจากผู้ประกอบการไทยประมาณ 200 คันในปีนี้ โดยเป็นรถเมล์สาธารณะของบริษัทเดินรถเอกชน เหตุนี้เราจึงมีความมั่นใจที่จะเข้าไปแข่งขันประมูลรถเมล์ ที่ใช้เครื่องยนต์ก๊าซธรรมชาติ หรือเอ็นจีวี ของกรมการขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือขสมก. จำนวน 2,000 คัน และรถร่วมบริการขสมก. อีก 2,000 คัน เพื่อนำมาทดแทนรถในปัจจุบัน ที่ต้องรับแบกภาระต้นทุนสูงมาก จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่อง”
โดยรถเมล์ที่บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อแล้วนั้น จะนำเข้ามาจากประเทศจีนประมาณช่วงกลางเดือนกันยายน เพื่อส่งมอบให้กับสหกรณ์สยามเดินรถ จำกัด ซึ่งเป็นรถเมล์โดยสารสายมีนบุรี-อนุสาวรีย์ และอีกประมาณ 50 คัน ส่งมอบให้กับบริษัท อู่ทองเดินรถ จำกัด เพื่อนำมาวิ่งสายชานเมืองกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา ทั้งหมดเป็นรถเมล์ขนาดกลาง 8 เมตร เครื่องยนต์ 180 แรงม้า ราคาประมาณ 2.6 ล้านบาท ติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี 5 ถัง วิ่งได้ประมาณกว่า 300 กม. ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพียงกว่า 500 บาท ขณะที่หากเป็นน้ำมันดีเซลในระยะทางเท่ากัน ต้องจ่ายถึงกว่า 2,000 บาท และนอกจากนี้เดือนธันวาคมจะส่งมอบรถเมย์อีกล็อตประมาณ 100 คัน ให้กับบริษัทร่วมขสมก. แต่เป็นรถเมล์ขนาดใหญ่ 12 เมตร 260 แรงม้า ราคาประมาณ 4.4 ล้านบาท
นายสุรพงษ์กล่าวว่า การเข้าไปแข่งขันประมูลรถของขสมก. 2,000 คัน บริษัทฯ มีความพร้อมเช่นกัน และจะเข้าไปฟังเงื่อนไขในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ เพื่อที่จะนำข้อมูลและเงื่อนไขต่างๆ มาพิจารณาว่า รถตงฟงสามารถแข่งขันได้หรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด ถึงเงื่อนไขของทางขสมก.ได้กำหนดอย่างไรบ้าง
“หากพูดในเรื่องของคุณสมบัติทางเทคนิครถแล้ว เรามั่นใจในสมรรถนะของรถตงฟง สามารถแข่งขันกับรถยี่ห้ออื่นๆ ทั้งจากยุโรป และญี่ปุ่นได้ เพราะผ่านการผลิตที่ได้มาตรฐานระดับโลก ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากบริษัทชั้นนำทั่วโลก โดยตัวถังจากญี่ปุ่น เครื่องยนต์จากอเมริกา และชิ้นส่วนสำคัญอีกหลายอย่างมาจากเยอรมนี ขณะที่เครื่องยนต์เอ็นจีวีเป็นของ YUCHAI ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดในจีน โดยตงฟง หางโจว เข้าไปถือหุ้นร่วมทุน”
ทั้งนี้โรงงานประกอบเครื่องยนต์เอ็นจีวีของ YUCHAI ได้รับการยอมรับในระดับโลก ซึ่งช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทปตท.ของไทยจะนำผู้ประกอบการรถบรรทุก รถบัส หรือรถโดยสารสาธารณะ จำนวนกว่า 30 ราย เดินทางไปยังประเทศจีน เพื่อชมกระบวนการผลิตว่า เครื่องยนต์เอ็นจีวีแท้จากโรงงาน มีราคาแทบไม่แตกต่างกันกับเครื่องยนต์โมดิฟาย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในไทยปัจจุบัน ที่สำคัญคุณสมบัติเครื่องยนต์เอ็นจีวีจากโรงานย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนเงื่อนไขของขสมก. ยังไม่ทราบในรายละเอียด แต่หากกำหนดต้องเป็นประกอบในประเทศ บริษัทฯ ก็พร้อมดำเนินการได้ทันที เพราะได้ลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ในการขึ้นไลน์ประกอบที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งอยู่ในบริเวณโรงงานของ บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด ผู้ผลิตตัวถังรถบรรทุกรายใหญ่ของไทย และเป็นผู้ถือหุ้นฝ่ายคนไทยของบริษัทฯ ร่วมกับทางดองแฟง หางโจว มอเตอร์ ประเทศจีน
ขณะที่แผนการตลาดลำดับต่อไป บริษัทฯ มีแผนจะนำเข้ารถบัสขนาดใหญ่ หรือรถทัวร์ เข้ามาทำตลาด โดยจะนำเข้ามาโชว์ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ในงานบัสแอนด์ทรัค 2006 จากนั้นประมาณเดือนมกราคมจะเริ่มทดลองทำตลาด ซึ่งสอดคล้องกับแผนขยายสถานีบริการของบริษัทปตท. ที่จะขยายปั๊มก๊าซเอ็นจีวีไปตามถนนสายหลักๆ ทั่วประเทศในช่วงต้นปีหน้า
สำหรับการเตรียมรองรับบริการหลังการขาย เดือนตุลาคมนี้จะเปิดศูนย์บริการกลาง และสำนักงานใหญ่ของตงฟง หางโจว มอเตอร์ ประเทศไทย ที่ลาดกระบัง ใช้เงินลงทุนประมาณ 80 ล้านบาท ซึ่งศูนย์ฯ แห่งนี้สามารถรองรับรถได้ถึง 200 คันต่อครั้ง และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 15 แห่ง บริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเป็นการลงทุนร่วมกับนักลงทุนผู้สนใจทั่วไป
นายสุรพงษ์ มนเทียรวิเชียรฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตงฟง หางโจว มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้จำหน่ายรถบัสและรถบรรทุกยี่ห้อ “ตงฟง” จากประเทศจีน เปิดเผยว่า จากการที่ตงฟงเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดกลุ่มรถบัสมากกว่า 80% ในประเทศจีน และโดยเฉพาะรถบัสโดยสารเครื่องยนต์ใช้ก๊าซธรรมชาติ (CNG) ซึ่งมีส่วนแบ่งเต็ม 100% ทำให้มั่นใจว่ารถใช้เครื่องยนต์ซีเอ็นจีของตงฟง จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าในไทยเช่นเดียวกัน
“หลังจากเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังเพียงปีแรก เรามียอดสั่งซื้อรถจากผู้ประกอบการไทยประมาณ 200 คันในปีนี้ โดยเป็นรถเมล์สาธารณะของบริษัทเดินรถเอกชน เหตุนี้เราจึงมีความมั่นใจที่จะเข้าไปแข่งขันประมูลรถเมล์ ที่ใช้เครื่องยนต์ก๊าซธรรมชาติ หรือเอ็นจีวี ของกรมการขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือขสมก. จำนวน 2,000 คัน และรถร่วมบริการขสมก. อีก 2,000 คัน เพื่อนำมาทดแทนรถในปัจจุบัน ที่ต้องรับแบกภาระต้นทุนสูงมาก จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่อง”
โดยรถเมล์ที่บริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อแล้วนั้น จะนำเข้ามาจากประเทศจีนประมาณช่วงกลางเดือนกันยายน เพื่อส่งมอบให้กับสหกรณ์สยามเดินรถ จำกัด ซึ่งเป็นรถเมล์โดยสารสายมีนบุรี-อนุสาวรีย์ และอีกประมาณ 50 คัน ส่งมอบให้กับบริษัท อู่ทองเดินรถ จำกัด เพื่อนำมาวิ่งสายชานเมืองกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา ทั้งหมดเป็นรถเมล์ขนาดกลาง 8 เมตร เครื่องยนต์ 180 แรงม้า ราคาประมาณ 2.6 ล้านบาท ติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี 5 ถัง วิ่งได้ประมาณกว่า 300 กม. ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพียงกว่า 500 บาท ขณะที่หากเป็นน้ำมันดีเซลในระยะทางเท่ากัน ต้องจ่ายถึงกว่า 2,000 บาท และนอกจากนี้เดือนธันวาคมจะส่งมอบรถเมย์อีกล็อตประมาณ 100 คัน ให้กับบริษัทร่วมขสมก. แต่เป็นรถเมล์ขนาดใหญ่ 12 เมตร 260 แรงม้า ราคาประมาณ 4.4 ล้านบาท
นายสุรพงษ์กล่าวว่า การเข้าไปแข่งขันประมูลรถของขสมก. 2,000 คัน บริษัทฯ มีความพร้อมเช่นกัน และจะเข้าไปฟังเงื่อนไขในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ เพื่อที่จะนำข้อมูลและเงื่อนไขต่างๆ มาพิจารณาว่า รถตงฟงสามารถแข่งขันได้หรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด ถึงเงื่อนไขของทางขสมก.ได้กำหนดอย่างไรบ้าง
“หากพูดในเรื่องของคุณสมบัติทางเทคนิครถแล้ว เรามั่นใจในสมรรถนะของรถตงฟง สามารถแข่งขันกับรถยี่ห้ออื่นๆ ทั้งจากยุโรป และญี่ปุ่นได้ เพราะผ่านการผลิตที่ได้มาตรฐานระดับโลก ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากบริษัทชั้นนำทั่วโลก โดยตัวถังจากญี่ปุ่น เครื่องยนต์จากอเมริกา และชิ้นส่วนสำคัญอีกหลายอย่างมาจากเยอรมนี ขณะที่เครื่องยนต์เอ็นจีวีเป็นของ YUCHAI ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดในจีน โดยตงฟง หางโจว เข้าไปถือหุ้นร่วมทุน”
ทั้งนี้โรงงานประกอบเครื่องยนต์เอ็นจีวีของ YUCHAI ได้รับการยอมรับในระดับโลก ซึ่งช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทปตท.ของไทยจะนำผู้ประกอบการรถบรรทุก รถบัส หรือรถโดยสารสาธารณะ จำนวนกว่า 30 ราย เดินทางไปยังประเทศจีน เพื่อชมกระบวนการผลิตว่า เครื่องยนต์เอ็นจีวีแท้จากโรงงาน มีราคาแทบไม่แตกต่างกันกับเครื่องยนต์โมดิฟาย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในไทยปัจจุบัน ที่สำคัญคุณสมบัติเครื่องยนต์เอ็นจีวีจากโรงานย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนเงื่อนไขของขสมก. ยังไม่ทราบในรายละเอียด แต่หากกำหนดต้องเป็นประกอบในประเทศ บริษัทฯ ก็พร้อมดำเนินการได้ทันที เพราะได้ลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ในการขึ้นไลน์ประกอบที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งอยู่ในบริเวณโรงงานของ บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด ผู้ผลิตตัวถังรถบรรทุกรายใหญ่ของไทย และเป็นผู้ถือหุ้นฝ่ายคนไทยของบริษัทฯ ร่วมกับทางดองแฟง หางโจว มอเตอร์ ประเทศจีน
ขณะที่แผนการตลาดลำดับต่อไป บริษัทฯ มีแผนจะนำเข้ารถบัสขนาดใหญ่ หรือรถทัวร์ เข้ามาทำตลาด โดยจะนำเข้ามาโชว์ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ในงานบัสแอนด์ทรัค 2006 จากนั้นประมาณเดือนมกราคมจะเริ่มทดลองทำตลาด ซึ่งสอดคล้องกับแผนขยายสถานีบริการของบริษัทปตท. ที่จะขยายปั๊มก๊าซเอ็นจีวีไปตามถนนสายหลักๆ ทั่วประเทศในช่วงต้นปีหน้า
สำหรับการเตรียมรองรับบริการหลังการขาย เดือนตุลาคมนี้จะเปิดศูนย์บริการกลาง และสำนักงานใหญ่ของตงฟง หางโจว มอเตอร์ ประเทศไทย ที่ลาดกระบัง ใช้เงินลงทุนประมาณ 80 ล้านบาท ซึ่งศูนย์ฯ แห่งนี้สามารถรองรับรถได้ถึง 200 คันต่อครั้ง และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 15 แห่ง บริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเป็นการลงทุนร่วมกับนักลงทุนผู้สนใจทั่วไป