ในช่วงนี้ดูเหมือนว่าเงินในบัญชีของบรรดาเศรษฐีทั้งหลายจะถูกผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ชั้นนำของโลกรบกวนอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าไม่ใช่การดึงดูดความสนใจด้วยสปอร์ตรุ่นใหม่ ก็ต้องงัดพวกกิจกรรมของโครงการพิเศษออกมาเชิญชวน
ต่อจากโปรเจ็กต์เอฟเอ็กซ์เอ็กซ์ของเฟอร์รารี่ที่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2005 เพื่อเชิญชวนให้ลูกค้าของเฟอร์รารี่ที่นอกจากจะมีเงินถุงเงินถังมากพอให้ถลุงเล่นแล้ว ยังจะต้องมีเวลาว่างและเป็นบุคคลพิเศษมาเข้าร่วมเป็นนักขับทดสอบและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนารถสปอร์ตรุ่นใหม่ของเฟอร์รารีในสนนราคา 1.5 ล้านยูโร หรือ 75 ล้านบาทแล้ว
ทางมาเซราติที่เป็นบริษัทร่วมเครือเฟียต กรุ๊ปของเฟอร์รารี่ ก็คลอดกิจกรรมในลักษณะเดียวกันนี้ออกมา เพียงแต่ดูแล้วอาจจะไม่เข้มข้นเท่า แต่ด้วยการรับจำนวนที่จำกัดเพียง 12 คนก็คงจะทำให้เศรษฐีหลายคนเริ่มสนใจอยากจะลองบ้างแล้ว
กิจกรรมที่ว่าคือ การนำเวอร์ชันตัวแข่งของเอ็มซี12 มาปรับปรุงและพัฒนาเพื่อให้คนทั่วไปสามารถใช้งานได้ โดยจำกัดคนซื้อแค่ 12 คนเท่านั้นและต้องจ่ายเงินสูงถึง 1 ล้านยูโร หรือ 50 ล้านบาทรวมภาษีแล้ว (ถูกกว่าโปรเจ็กต์ของเฟอร์รารี่ 5 แสนยูโร หรือ 25 ล้านบาท) ในการซื้อขาดสิทธิ์ครอบครองเอ็มซี12 คอร์ซา คันนี้ โดยจะเริ่มรับจองในปี 2007
เวอร์ชันนี้ไม่สามารถนำออกไปขับบนถนน รวมถึงเข้าร่วมการแข่งขันรายการอื่นได้ ยกเว้นในรายการที่มาเซราติจัดขึ้นมาโดยเฉพาะเท่านั้น เพราะเป็นการผลิตขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่มีเงินเหลือมากพอในการนำมาซื้อประสบการณ์และสิทธิ์ในการขับรถแข่งในสนาม และมีความอยากที่จะเก็บเอ็มซี12 เวอร์ชันพิเศษที่แทบจะถอดแบบจากตัวแข่งที่เพิ่งคว้าแชมป์รายการจีทีที่จัดโดยเอฟไอเอในปี 2005 เข้ามาเก็บอยู่ในคอลเล็กชันส่วนตัว
สำหรับความเป็นมาของโปรเจ็กต์เอ็มซี12 นั้น คงต้องย้อนกลับในปี 2004 เมื่อมาเซราติต้องการเข้าร่วมการแข่งขันจีทีของสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติหรือเอฟไอเอ ซึ่งพวกเขาต้องปฎิบัติตามกฎ Homologation ที่ระบุว่ารถแข่งที่จะเข้าร่วมในคลาสสูงสุดของการแข่งขัน GT ได้นั้น จะต้องมีการผลิตออกขายในตลาดในจำนวนไม่ต่ำกว่า 25 คัน
ในปี 2004 มาเซราติผลิตเอ็มซี12 ออกมา 30 คัน โดย 5 คันสำหรับใช้ในการแข่งขัน และอีก 25 คันเป็น Road Version สำหรับขาย และอีก 1 ปีต่อมา เอ็มซี12 Road Version อีก 25 คันก็ได้ถูกผลิตออกมาขายเป็นล็อตที่ 2 ซึ่งทั้งหมดก็คือ อานิสงส์ที่เศรษฐีผู้ชื่นชอบการสะสมซูเปอร์คาร์
Road Version ของเอ็มซี12 ถูกผลิตออกขายเพื่อสอดคล้องตามกฎการแข่งขัน และมีการปรับปรุงรายละเอียดของรูปลักษณ์ภายนอกให้แตกต่างจากเวอร์ชันตัวแข่ง (สังเกตความแตกต่างได้จากภายนอกตรงสปอยเลอร์หลังและหลังคาแข็งที่สามารถถอดออกได้เพื่อเป็นรถเปิดประทุน)
ขณะที่ข้างในตกแต่งใหม่หมดสำหรับการใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นตัวแข่ง หรือ Road Version ตัวรถได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับซูเปอร์คาร์ระดับสูงรุ่นเอ็นโซของเฟอร์รารี่ จนเรียกว่าเป็นแฝดไม่แท้ของเอ็นโซ่ก็คงไม่ผิด
สมรรถนะในการขับเคลื่อนมาจากเครื่องยนต์วี12 ทวินแคม 48 วาล์ว แบบวางกลางลำ มีความจุ 6,000 ซีซี 630 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 66.5 กก.-ม. ที่ 5,500 รอบ/นาที สมรรถนะจัดจ้านด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 3.8 วินาที และแล่นควอเตอร์ ไมล์ 0-400 เมตรใช้เวลา 11.3 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด 329 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่ค่าตัวว่ากันว่าแพงถึง 25 ล้านบาทเลยทีเดียว
ส่วนรายละเอียดของเอ็มซี12 รุ่นใหม่ที่ถูกขายจำนวนจำกัดเพียง 12 คันตามโปรเจ็กต์ใหม่ของมาเซราติได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานตัวแข่ง แต่มีการปรับและตัวรถแข่งมีน้ำหนักเบากว่าเอ็มซี12 Road Version ถึง 185 กิโลกรัม ลงมาอยู่ที่ 1,150 กิโลกรัม วางเครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน แต่มีกำลังสูงสุด 755 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดาแบบคลัตช์ไฟฟ้าเปลี่ยนเกียร์ในแบบซีเควนเชียลหรือผ่านแป้น + /- ที่มาเซราติเรียกว่า แคมบิโอคอร์ซา (Cambiocorsa)
แม้ว่าจะไม่สามารถเอาออกไปซิ่งกินลมตามถนนหลวงได้ แต่ลูกค้าผู้ถูกเลือกให้เข้าร่วมโครงการก็ยังสามารถแต่งเติมเอ็มซี12 คอร์ซา ของตัวเองด้วยการเลือกติดตั้งออพชั่นพิเศษตามที่ต้องการได้ รวมถึงสามารถเปลี่ยนสีตัวถังจาก สีน้ำเงิน Blue Victory ซึ่งเป็นสีมาตรฐานจากโรงงานมาเป็นสีอื่นก็ได้
จริงอยู่ที่ค่าตัวจะช่วยการสกรีนลูกค้าได้ในระดับหนึ่ง แต่ต้องยอมรับว่าด้วยคุณลักษณะที่โดดเด่นในเรื่องความยากของการเข้ามาเป็น 1 ใน 12 คนพิเศษ ตรงนี้แหล่ะที่จะทำให้ได้รับความสนใจจากบรรดาเศรษฐีอย่างล้นหลาม
เหมือนกับที่โครงการเอฟเอ็กซ์เอ็กซ์ของเฟอร์รารี่ได้รับ เพราะคนพวกนี้มักยึดคติ “แข่งเงินแข่งได้ แต่แข่งวาสนา มันแข่งกันไม่ได้” เนื่องจากคนที่จะเข้ามาร่วมโครงการประเภทนี้ได้ นอกจากจะต้องรวยจริงแล้ว ยังจะต้องมีบารมีมาเสริมอีกด้วยว่างั้นเถอะ