หลังจากปลุกกระแสมานาน วันนี้(29 มิ.ย.) บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด ได้ฤกษ์เปิดตัวเก๋งคอมแพ็กน้องใหม่ นิสสัน ทีด้า (TIIDA) ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Feel It” สัมผัสความรู้สึกเร้าใจ กับยานยนต์ล้ำสมัย
คำว่า “TIIDA” อ่านว่า “ ทีด้า ” มาจากศัพท์ภาษาอังกฤษคำว่า “Tide” ที่หมายถึง เกลี่ยวคลื่น ซึ่งแฝงเป็นนัยยะว่า นิสสันได้สร้างคลื่นลูกใหม่ที่จะซัดคลื่นลูกเก่าให้หายไป หรือเพื่อกลบรัศมีของรถยนต์ในระดับเดียวกันที่มีอยู่ในท้องตลาด ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ทันสมัย และประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด
“ทีด้า” มี 2 รุ่น คือ 4 ประตู และ รุ่น 5 ประตู แฮทชแบค โดยการออกแบบภายนอกของรุ่น 4 ประตู นั้น จะเน้นความหรูหรา โดดเด่นด้วยโลโก้นิสสันรับกับลวดลายของครีบบริเวณกระจังหน้า กลมกลืนกับไฟหน้าแบบซีนอนขนาดใหญ่ พร้อมฝากระโปรงหน้าและซุ้มล้อ ที่ทำให้ส่วนหน้ามีลักษณะ 3 มิติล้ำสมัย
สำหรับรุ่น 5 ประตู แฮทชแบค ถูกออกแบบให้มีความปราดเปรียว สไตล์สปอร์ต ด้วยตัวถังดีไซน์ให้มีความลู่ลม และมีค่าสัมประสิทธิ์เสียดทานอากาศ เพียง 0.29 เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่ารถสปอร์ตอย่าง 350Z เสียอีก
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โดยมีขนาดความยาวของพื้นที่เทียบเท่ากับรถยนต์นั่งอย่าง Infiniti Q45 ซึ่งพื้นที่วางบริเวณขาของผู้โดยสารด้านหลังนั้น ในรุ่นซีดานกว้างถึง 653 มิลลิเมตร ส่วนแฮทชแบค กว้างถึง 650 มิลลิเมตร และที่พิเศษสำหรับรุ่นแฮทชแบค คือเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหลังสามารถปรับเอียงได้ 40 องศา ทั้งยังเลื่อนได้ถึง 24 เซนติเมตร เพิ่มเนื้อที่ในการเก็บสัมภาระได้มากขึ้น
ชิ้นส่วนต่างๆภาย ในได้รับการออกแบบให้มีความหรูหรา และผลิตจากวัสดุชั้นเยี่ยม โดยในรุ่น ซีดาน จะตกแต่งด้วยโทนสีเบจ และลายไม้ ส่วนแฮทชแบคจะตกแต่งด้วยโทนสีดำ และสีเงิน Metallic ผสานกับความทันสมัย (chic) ให้ความรู้สึกสปอร์ต
แผงคอนโซลหน้าดีไซน์สวยงาม และสามารถใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เบาะนั่งที่กว้างขวางนั่งสบายแม้ในยามขับรถทางไกล พวงมาลัยแบบ 3 ก้านกระชับมือ แผงมาตรวัดทรงกลมสามวง ให้ความเป็นสปอร์ต มองเห็นได้ชัดเจน
พร้อมไฟส่องแผนที่เหนือศีรษะ และ Flood light ซึ่งเป็นระบบไฟที่มีอยู่ในรถยุโรประดับหรูสร้างความแตกต่างในความรู้สึกกับรถในระดับเดียวกัน สะดวกสบายยามขับขี่ด้วยที่พักแขนบริเวณตรงกลางด้านหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมกล่องเก็บของ
นอกจากนี้ในจุดที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารต้องสัมผัสบ่อยครั้ง จะถูกออกแบบให้มีความนุ่มนวลมากที่สุด โดยจะบุวัสดุชั้นดีเกรดA หนา 25 มิลลิเมตร ที่ใช้ใน Infiniti Q45 เพื่อกันกระแทกและนุ่มนวลผิวสัมผัส ทั้งบริเวณแผงประตูด้านบน ที่พักแขน บริเวณแผงคอนโซลด้านหน้า และ ที่พักแขนสำหรับผู้ขับขี่ เป็นต้น
ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ช่องแอร์เหนือคอนโซลหน้า ที่จะทำให้ความเย็นภายในห้องโดยสารกระจายไปทุกที่นั่ง ช่องเก็บของด้านหลังบริเวณคอนโซลกลาง ช่องเก็บของข้างประตูสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และที่วางแก้วที่เท้าแขนด้านหลัง ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาที่สัมพันธ์กับอัตราความเร็วของรถยนต์เพิ่มทัศนะวิสัยในการขับขี่เมื่อเกิดฝนตก
รวมถึงการเปิดฝากระโปรงหลังและประตูหลังเพียงสัมผัสปุ่มเปิดระบบ Electromagnetic เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และปลอดภัยด้วยระบบกุญแจอัจฉริยะ Intelligent Key พร้อมระบบกันขโมย Immobilizer ที่ผู้ขับขี่สามารถเปิดประตูและฝากระโปรงหลังได้โดยไม่ต้องไขกุญแจหรือเดินไปเปิดจากภายในห้องโดยสาร เพียงพกกุญแจ Intelligent Key ไว้กับตัวเท่านั้น
ขุมพลัง มีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น 1,600 ซีซี รหัส HR16DE ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 153 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่วนเครื่องยนต์ขนาด 1,800 ซีซี รหัส MR18DE ให้กำลังสูงสุด 126 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูง 174 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ และธรรมดา 5 จังหวะ
สำหรับระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และหลังเป็นแบบ ทอร์ชั่นบีม นอกจากนั้นยังมีระบบ Ripple Control Shock Absorber ที่ใช้ใน Skyline TEANA และ MURANO โดยจะดูดซับความสั่นสะเทือนในช่วงความถี่สูง ในช่วงล่างด้านหน้าและหลัง ส่งผลให้การยึดเกาะถนนดีขึ้น พร้อมการขับขี่ที่เรียบสบาย
รวมถึง Rebound Spring ที่ใช้ใน MURANO ซึ่งตัวสปริงจะทำงานเป็นตัวดูดซับแรงกระแทกเมื่อยืดตัวออก ระบบช่วงล่างจะมีคุณลักษณะการขยายตัวและคืนตัวที่หนืดขึ้น ผลที่ได้รับก็คือจะช่วยควบคุมการหักเหของรถและล้อด้านในพร้อมกันซึ่งจะทำให้ช่วงบนของตัวรถไม่เหวี่ยงเมื่อขับบนทางโค้งหรือคดเคี้ยว
ด้านระบบความปลอดภัย มีมาให้อย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นระบบไฟหน้าแบบซีนอนที่เปิด-ปิด อัตโนมัติ พร้อมๆไฟตัดหมอกหน้าที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในยามขับขี่ยามค่ำคืนและถนนที่มีเมฆหมอกหนา ภายในห้องโดยสารติดตั้งระบบถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า เข็มขัดนิรภัยด้านหน้า 3 จุด แบบดึงกลับอัตโนมัติ
พร้อมระบบยุบตัวของพวงมาลัย ระบบการยุบตัวของแป้นเบรก รวมถึงระบบ Zone body structure นอกจากนั้นยังมีระบบเบรกกันล้อล็อค ABS (Anti-Lock Braking System) ระบบเบรกควบคุม และกระจายแรงเบรกด้วยอิเลคทรอนิกส์ EBD (Electronic Brake Force Distribution) และระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)
นิสสันทีด้า มาพร้อมราคาเริ่มต้นที่ 669,000 บาท - 866,000 บาท
ราคานิสสัน ทีด้าเฮทซ์แบค
เครื่องยนต์ | รุ่น | เกียร์ | ราคา(บาท) |
1.8 L | 1.8 G | AT | 866,000 |
1.6 L | 1.6 G | AT | 797,000 |
1.6 L | 1.6 S | AT | 737,000 |
ราคานิสสัน ทีด้าซีดาน
เครื่องยนต์ | รุ่น | เกียร์ | ราคา(บาท) |
1.8 L | 1.8 G | AT | 839,000 |
1.6 L | 1.6 G | AT | 782,000 |
1.6 L | 1.6 M | AT | 736,000 |
1.6 L | 1.6 M | MT | 706,000 |
1.6 L | 1.6 S | AT | 699,000 |
1.6 L | 1.6 S | MT | 669,000 |
**หมายเหตุ** รุ่นตกแต่งพิเศษ มีเฉพาะ 1.6 G และ 1.8 G เท่านั้น ซึ่งมี 2 แบบให้เลือกคือ Luxury Package จ่ายเพิ่ม 20,223 บาท และ Sport Package จ่ายเพิ่ม 31,565 บาท