“คนเก่ง ไทยแกร่ง” สโลแกนที่ต้องขอนำมาใช้กับบุคคลของเราในวันนี้ เพราะเขาเป็นหนึ่งในคนไทยที่สามารถทำให้ฝรั่งต่างชาติ ออกอาการอึ้ง! ทึ่ง! หนาว! ได้เหมือนกัน ด้วยการคว้า 100 คะแนนเต็มในการแข่งขันฝีมือช่างระดับนานาชาติ (Volkswagen Auto Techniker 2005) ที่จัดขึ้นโดย โฟล์คสวาเกน กรุ๊ป ซึ่งเขาผู้นั้นมีชื่อว่า "อนุชิต รื่นรมย์"

เข้าร่วมแข่งขันได้อย่างไร ?
เริ่มจากการที่บริษัท โฟล์คสวาเกน กรุ๊ป ได้จัดให้มีการแข่งขันฝีมือช่างประจำปี โดยให้แต่ละประเทศส่งตัวแทนเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งการแข่งขันจะแบ่งเป็นภูมิภาคต่างๆ และประเทศไทยเราจัดอยู่ในโซนเอเชียแปซิฟิค โดยการแข่งขันประจำปี 2005 จัดขึ้นที่ประเทศฮ่องกง
สำหรับการคัดเลือกตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันนั้นจะให้แต่ละประเทศทำการคัดเลือกกันเอง โดยใช้ข้อสอบกลางของโฟล์คสวาเกนในภาคทฤษฎี ส่วนภาคปฏิบัตินั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศเป็นผู้กำหนดขึ้นมาเอง ซึ่งการคัดเลือกในประเทศไทยนั้น ทางยนตรกิจก็ได้ทำคัดเลือกจากช่างจำนวนกว่า 50 คนโดยผมทำคะแนนได้เป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ และ คุณ ธีรยุทธ ทับเสน เป็นอันดับที่ 2 จึงได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าไปแข่งขัน

โจทย์ของการแข่งขันเป็นอย่างไร ?
คือการแข่งขันเป็นระดับนานาชาติ โจทย์ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษแบ่งเป็นภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎี ในส่วนของภาคปฏิบัติแบ่งเป็น 4 สถานี ซึ่งจะมีทีมงานมาช่วยแปลโจทย์ให้เรา เพื่อให้เราเข้าใจในสิ่งที่เขาถาม มิฉะนั้นก็อาจจะมีการได้เปรียบเสียเปรียบกัน เพราะเราเองก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษเลย อาศัยว่าคุ้นเคยกับตัวหนังสือว่า คำๆ นี้มันหมายถึงเรื่องนี้ ชิ้นส่วนนี้นะ
ส่วนการทำข้อสอบภาคทฤษฎีนั้น แม้จะแปลไม่ได้ทุกตัวอักษร แต่ก็อย่างที่บอกว่าอาศัยความคุ้นเคยว่าเราเคยอ่าน เคยทำอยู่บ่อยๆ คำที่ใช้มันก็มักจะซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เราพอเข้าใจและทำข้อสอบได้
ในภาคปฏิบัติที่มีถึง 4 สถานี้นั้นสถานีวิเคราะห์ปัญหานั้น ผมทำได้ครบทุกสเต็ป โดยโจทย์จะเป็นการนำรถยนต์ที่มีปัญหามาให้เราวิเคราะห์ ซึ่งรถยนต์ที่นำมาเป็นโจทย์ในการแข่งขันครั้งนี้ เป็นรถ โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ V ที่ไม่มีจำหน่ายในเมืองไทย ส่วนอีก 3 สถานีนั้นจะเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ปัญหาระบบไฟฟ้า วิเคราะห์ปัญหาสถานการณ์ที่ลูกค้าแจ้ง และวิเคราะห์ปัญหาฟังก์ชั่นในรถ
ซึ่งถ้าเราเริ่มต้นวิเคราะห์ผิดพลาด หรือหลงทาง เราก็แทบจะไม่มีโอกาสได้คะแนนในข้อนั้นๆ เลย เพราะโจทย์แต่ละข้อจะต้องทำให้ทันภายในเวลาที่กำหนด
ในภาคทฤษฎีผมสามารถทำได้ 100 คะแนนเต็ม ส่วนคะแนนรวมนั้นอยู่ในลำดับที่ 8 ของการแข่งขันซึ่งตัวแทนของโฟล์คสวาเกนกรุ๊ปเอง ก็ได้ชมเชยและส่งหนังสือมาแสดงความยินดี ในการที่เราสามารถทำได้ 100 คะแนนเต็ม เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ

เตรียมตัวอย่างไร ถึงทำได้ 100 คะแนนเต็ม ?
เมื่อเราได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของประเทศไทยแล้ว ทางบริษัท ยนตรกิจ เซอร์วิส ก็ได้สนับสนุนด้านข้อมูลและการเตรียมตัวอย่างเต็มที่ มีการเข้าค่ายเก็บตัวเพื่อติวเข้มก่อนที่จะไปแข่งขันในระดับนานาชาติ
ส่วนการได้ 100 คะแนนเต็มนั้น นอกจากการเตรียมตัวจากที่ยนตรกิจจัดไว้ให้ ตัวเราเองก็มีความสนใจในเรื่องของการซ่อมอยู่แล้ว คือเป็นคนที่ใฝ่รู้ ชอบหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะฉะนั้นพอรู้ว่าจะได้ไปแข่งต่างประเทศเราก็เพิ่มความขยันที่มากขึ้นเข้าไปด้วย เน้นอ่านให้มาก ทำให้มาก ขี้เกียจให้น้อย
ก่อนหน้านี้เคยทำอะไรมาและหลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อ ?
ก่อนหน้าที่จะมาเป็นช่างที่โชว์รูมโฟล์ค สาขาทองหล่อนี้ เคยเป็นช่างซ่อมบำรุงประจำโรงงาน คือเป็นคนที่ชอบซ่อมรถ จึงได้มาสมัคร แต่ถ้าย้อนหลังไปกว่านั้นช่วงก่อนเกิดวิกฤต ผมเคยเป็นช่างซ่อมรถ บีเอ็มดับเบิ้ลยู มาก่อน (สมัยที่บีเอ็มดับเบิ้ลยูยังเป็นของยนตรกิจ) ซึ่งผมมาเป็นช่างได้ก็เพราะยนตรกิจนี่เองครับ เนื่องจากสมัยนั้นยนตรกิจมีการให้ทุนแก่นักเรียนอาชีวะ ผมเป็นหนึ่งในนักเรียนทุนของยนตรกิจครับ
ส่วนจะทำอะไรต่อไปตอนนี้ก็คงเป็นช่างที่ยนตรกิจต่อไป เพราะตอนนี้นอกจากงานซ่อมรถแล้ว ก็ยังมีงานสอนให้กับผู้ช่วยช่างในทุกๆ วันเสาร์ด้วย
หลังจากงานนี้จบลงนอกจากยนตรกิจจะได้ช่างที่มีฝีมือระดับสุดยอดไว้ทำงานแล้ว ยนตรกิจยังได้บุคลากรที่มีความกตัญญูรู้คุณคนอยู่ร่วมชายคาบ้านอีกหนึ่งคนด้วย ซึ่งดูจะหาได้ค่อนข้างยากในยุคสมัยนี้
เข้าร่วมแข่งขันได้อย่างไร ?
เริ่มจากการที่บริษัท โฟล์คสวาเกน กรุ๊ป ได้จัดให้มีการแข่งขันฝีมือช่างประจำปี โดยให้แต่ละประเทศส่งตัวแทนเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งการแข่งขันจะแบ่งเป็นภูมิภาคต่างๆ และประเทศไทยเราจัดอยู่ในโซนเอเชียแปซิฟิค โดยการแข่งขันประจำปี 2005 จัดขึ้นที่ประเทศฮ่องกง
สำหรับการคัดเลือกตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันนั้นจะให้แต่ละประเทศทำการคัดเลือกกันเอง โดยใช้ข้อสอบกลางของโฟล์คสวาเกนในภาคทฤษฎี ส่วนภาคปฏิบัตินั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศเป็นผู้กำหนดขึ้นมาเอง ซึ่งการคัดเลือกในประเทศไทยนั้น ทางยนตรกิจก็ได้ทำคัดเลือกจากช่างจำนวนกว่า 50 คนโดยผมทำคะแนนได้เป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ และ คุณ ธีรยุทธ ทับเสน เป็นอันดับที่ 2 จึงได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าไปแข่งขัน
โจทย์ของการแข่งขันเป็นอย่างไร ?
คือการแข่งขันเป็นระดับนานาชาติ โจทย์ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษแบ่งเป็นภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎี ในส่วนของภาคปฏิบัติแบ่งเป็น 4 สถานี ซึ่งจะมีทีมงานมาช่วยแปลโจทย์ให้เรา เพื่อให้เราเข้าใจในสิ่งที่เขาถาม มิฉะนั้นก็อาจจะมีการได้เปรียบเสียเปรียบกัน เพราะเราเองก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษเลย อาศัยว่าคุ้นเคยกับตัวหนังสือว่า คำๆ นี้มันหมายถึงเรื่องนี้ ชิ้นส่วนนี้นะ
ส่วนการทำข้อสอบภาคทฤษฎีนั้น แม้จะแปลไม่ได้ทุกตัวอักษร แต่ก็อย่างที่บอกว่าอาศัยความคุ้นเคยว่าเราเคยอ่าน เคยทำอยู่บ่อยๆ คำที่ใช้มันก็มักจะซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เราพอเข้าใจและทำข้อสอบได้
ในภาคปฏิบัติที่มีถึง 4 สถานี้นั้นสถานีวิเคราะห์ปัญหานั้น ผมทำได้ครบทุกสเต็ป โดยโจทย์จะเป็นการนำรถยนต์ที่มีปัญหามาให้เราวิเคราะห์ ซึ่งรถยนต์ที่นำมาเป็นโจทย์ในการแข่งขันครั้งนี้ เป็นรถ โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ V ที่ไม่มีจำหน่ายในเมืองไทย ส่วนอีก 3 สถานีนั้นจะเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ปัญหาระบบไฟฟ้า วิเคราะห์ปัญหาสถานการณ์ที่ลูกค้าแจ้ง และวิเคราะห์ปัญหาฟังก์ชั่นในรถ
ซึ่งถ้าเราเริ่มต้นวิเคราะห์ผิดพลาด หรือหลงทาง เราก็แทบจะไม่มีโอกาสได้คะแนนในข้อนั้นๆ เลย เพราะโจทย์แต่ละข้อจะต้องทำให้ทันภายในเวลาที่กำหนด
ในภาคทฤษฎีผมสามารถทำได้ 100 คะแนนเต็ม ส่วนคะแนนรวมนั้นอยู่ในลำดับที่ 8 ของการแข่งขันซึ่งตัวแทนของโฟล์คสวาเกนกรุ๊ปเอง ก็ได้ชมเชยและส่งหนังสือมาแสดงความยินดี ในการที่เราสามารถทำได้ 100 คะแนนเต็ม เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ
เตรียมตัวอย่างไร ถึงทำได้ 100 คะแนนเต็ม ?
เมื่อเราได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของประเทศไทยแล้ว ทางบริษัท ยนตรกิจ เซอร์วิส ก็ได้สนับสนุนด้านข้อมูลและการเตรียมตัวอย่างเต็มที่ มีการเข้าค่ายเก็บตัวเพื่อติวเข้มก่อนที่จะไปแข่งขันในระดับนานาชาติ
ส่วนการได้ 100 คะแนนเต็มนั้น นอกจากการเตรียมตัวจากที่ยนตรกิจจัดไว้ให้ ตัวเราเองก็มีความสนใจในเรื่องของการซ่อมอยู่แล้ว คือเป็นคนที่ใฝ่รู้ ชอบหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะฉะนั้นพอรู้ว่าจะได้ไปแข่งต่างประเทศเราก็เพิ่มความขยันที่มากขึ้นเข้าไปด้วย เน้นอ่านให้มาก ทำให้มาก ขี้เกียจให้น้อย
ก่อนหน้านี้เคยทำอะไรมาและหลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อ ?
ก่อนหน้าที่จะมาเป็นช่างที่โชว์รูมโฟล์ค สาขาทองหล่อนี้ เคยเป็นช่างซ่อมบำรุงประจำโรงงาน คือเป็นคนที่ชอบซ่อมรถ จึงได้มาสมัคร แต่ถ้าย้อนหลังไปกว่านั้นช่วงก่อนเกิดวิกฤต ผมเคยเป็นช่างซ่อมรถ บีเอ็มดับเบิ้ลยู มาก่อน (สมัยที่บีเอ็มดับเบิ้ลยูยังเป็นของยนตรกิจ) ซึ่งผมมาเป็นช่างได้ก็เพราะยนตรกิจนี่เองครับ เนื่องจากสมัยนั้นยนตรกิจมีการให้ทุนแก่นักเรียนอาชีวะ ผมเป็นหนึ่งในนักเรียนทุนของยนตรกิจครับ
ส่วนจะทำอะไรต่อไปตอนนี้ก็คงเป็นช่างที่ยนตรกิจต่อไป เพราะตอนนี้นอกจากงานซ่อมรถแล้ว ก็ยังมีงานสอนให้กับผู้ช่วยช่างในทุกๆ วันเสาร์ด้วย
หลังจากงานนี้จบลงนอกจากยนตรกิจจะได้ช่างที่มีฝีมือระดับสุดยอดไว้ทำงานแล้ว ยนตรกิจยังได้บุคลากรที่มีความกตัญญูรู้คุณคนอยู่ร่วมชายคาบ้านอีกหนึ่งคนด้วย ซึ่งดูจะหาได้ค่อนข้างยากในยุคสมัยนี้