แอคคอร์ด รุ่นที่ 4 (1989-1993)
นับเป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่งของทั้งฮอนด้าและรถในสายพันธุ์แอคคอร์ด เพราะฮอนด้าได้ตัดสินใจเปิดตัวแอคคอร์ดใหม่พร้อมกับพี่น้องร่วมสายพันธุ์ ที่ใช้รายละเอียดทางวิศวกรรมร่วมกันอีก 3 รุ่นคือ แอสคอต , อินสไปร์ และวิเกอร์
ซึ่งมาเครื่องยนต์รหัส F18A PGM-CARB 4 สูบ ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 16 วาล์ว 1,849 ซีซี 105 แรงม้า, รหัส F20A PGM-CARB ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 1,997 ซีซี 110 แรงม้า, รหัส F20A หัวฉีด PGM-FI 1,997 ซีซี 130 แรงม้า (สเปกเดียวกับที่จำหน่ายในเมืองไทย) และ รหัส F20A ทวินแคม 150 แรงม้า มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ระบบกันสะเทือนทุกรุ่นเป็นแบบปีกนกคู่ทั้งหน้า-หลัง
แอคคอร์ดโฉมนี้มีทั้งรุ่นคูเป้ ซีดานและแวกอน สำหรับรุ่นที่จำหน่ายในอเมริการจะแบ่งเป็นรุ่นย่อย อย่าง DX, LX และ EX ซึ่งจะแตกต่างกันในรายละเอียดอุปกรณ์ที่มีให้อาทิเช่น ในรุ่น LX จะมีกระจกไฟฟ้า, เซ็นทรัลล็อก ส่วนในรุ่น EX จะมีซันรูฟ เป็นต้น
ปรับโฉมครั้งแรกในปี 1991 ในตัว แอคคอร์ต ซีดานและแอสคอต พร้อมเพิ่มรุ่น 2.0 Si-T ที่ตกแต่งด้วยชุดแอโรพาร์ตแบบทัวร์ริ่ง เปลี่ยนกระจังหน้าและชุดไฟหน้าใหม่ เพิ่มถุงลมนิรภัย เอบีเอส เฟืองท้าย LSD และระบบแทรคชั่นคอนโทรล TCS
สำหรับเมืองไทย เปิดตัวในปี 1990 (ถูกเรียกกันง่ายๆ ว่ารุ่นตาเพชร) วางเครื่องยนต์ F20A 4 สูบ ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 16 วาล์ว 1,997 ซีซี 112 แรงม้า ในรุ่นคาร์บูเรเตอร์ และ 135 แรงม้าในรุ่น หัวฉีด PGM-FI มีให้เลือกในรหัสรุ่นย่อย LX เกียร์ธรรมดาและ EX เกียร์ออโต้ ปรับโฉมครั้งเดียวในปี 1992 ไฟหน้าลาดต่ำลง และคิ้วกันกระแทกเล็กลง ทำตลาดจนถึงปี 1994 จัดว่าเป็นรุ่นที่ขายดีและแจ้งเกิดเป็นครั้งแรกให้กับฮอนด้าในเมืองไทย ซึ่งจะยังคงเห็นวิ่งอยู่ตามท้องถนนเป็นจำนวนไม่น้อย
แอคคอร์ด รุ่นที่ 5 (1993-1997)
ถือว่าเป็นรุ่นที่ปฏิวัติโฉมหน้าของแอคคอร์ดใหม่หมดจากรูปร่างของตัวถังได้รับการเปลี่ยนขนาดจาก คอมแพคคาร์ เป็น ซีดานขนาดกลาง (Mid-Size) โดยยืมบางส่วนในการออกแบบมาจากฮอนด้าพรีลูด (เหมือนที่เคยทำในรุ่นปี 1986)
เปิดตัวพร้อมกันทั่วโลก (ญี่ปุ่น อเมริการ ยุโรป) ในญี่ปุ่นทำตลาดด้วยรุ่น ซีดาน ทวีปอเมริการเหนือ ทำตลาดครบทั้งซีดาน คูเป้ และแวกอน ส่วนยุโรปนำ แอสคอต อินโนวา 5 ประตู ทำตลาดในชือ U.K. Accord แทนรุ่น ซีดาน หลังจากนั้นจึงส่งรุ่น คูเป้ และแวกอน เข้าไปทำตลาดในภายหลัง
ได้รับการวางเครื่องยนต์รหัส F18B ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 4 สูบ 16 วาล์ว 1,849 ซีซี 125 แรงม้า, รหัส F20B ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 1,997 ซีซี 135 แรงม้า, รหัส F22B ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 2,156 ซีซี 145 แรงม้า และแรงสุดในรหัส H22A ทวินแคม VTEC 2,156 ซีซี 190 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์อัตโนมัติ ระบบกันสะเทือนปีกนกคู่ ระบบเบรกหน้าดิสก์-หลังดรัม (เฉพาะรุ่น SiR เป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ)
ส่วนแอคคอร์ด อินสไปร์ และวิเกอร์ ที่ยังคงพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกัน แต่เพื่อการทำตลาดที่ชัดเจนไม่ซ้ำซ้อนจึงทำให้ฮอนด้าตัดสินใจ เปลี่ยนชื่อรุ่นใหม่เป็น อินสไปร์, เซเบอร์ , อคูรา TL และใช้ชื่อ วิเกอร์ ในบางประเทศอย่าง ตะวันออกกลาง และประเทศไทย (ฮอนด้าเคยนำเข้ามาขายในช่วงปี 1996-1997)
ปี1995 ไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ เปลี่ยนกระโปรงท้าย ชุดกันชน และชุดไฟท้าย พร้อมปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่ พ่วงด้วยการบรรจุเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 1,994 ซีซี 105 แรงม้า เป็นครั้งแรกในแอคคอร์ดเวอร์ชั่นยุโรป
ในเมืองไทยเปิดตัวตามหลังญี่ปุ่น ในช่วงต้นปี 1994 เรียกกันง่ายๆ ว่ารุ่นไฟท้ายก้อนเดียว มีทั้งรุ่นประกอบในประเทศและนำเข้าทั้งคันในรุ่น 2.2 VTi-S เครื่องยนต์ F22B ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 2,156 ซีซี 145 แรงม้า เบาะหนังแท้พร้อมซันรูฟ ส่วนรุ่นประกอบในประเทศใช้เครื่องบล็อกเดียวกัน แต่มีแรงม้าแค่ 140 ตัว ไมเนอร์เชนจ์ในปี 1996 โดยเรียกกันว่ารุ่น ไฟท้าย 2 ก้อน และขายถึงแค่ปี 1997
แอคคอร์ด รุ่นที่ 6 (1997-2002)
ฮอนด้า แอคคอร์ด โมเดลนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงการทำตลาดครั้งสำคัญของฮอนด้า ด้วยการที่มีถึง 3 โมเดล ได้แก่ โมเดลที่หนึ่งขายในญี่ปุ่น ( JDM-Japan Domestic Market) โมเดลที่สองขายในยุโรป และโมเดลที่สามขายในเขตอเมริกาเหนือ (USDM)
สำหรับโมเดลที่ขายในญี่ปุ่นนั้นนอกจากชื่อแอคคอร์ดแล้ว ยังใช้ชื่อ ทอร์นีโอ ในการทำตลาดแทนที่แอสคอตที่ถูกปลดออกจากสายการผลิต วางเครื่องยนต์รหัส F18B 4 สูบ VTEC ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 1,849 ซีซี 140 แรงม้า, F20B 4 สูบ VTEC ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 1,997 ซีซี148 แรงม้า มีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือก และรหัส F20B(ในรุ่น SiR) 4 สูบ VTEC ทวินแคม 16 วาล์ว 1,997 ซีซี 180 แรงม้า พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะแบบ S-Matic สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้แบบเกียร์ธรรมดา
ส่วนยุโรปโมเดลนั้น มีทั้งแบบซีดานและแฮทช์แบ็ก 5 ประตู วางเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 1,590 ซีซี 116 แรงม้า ในรุ่นมาตรฐาน หรือเลือกที่จะแรงได้ในรุ่น TYPE-R 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว VTEC 2,157 ซีซี 212 แรงม้า และเลือกที่จะประหยัดได้ในรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล ที่ยกชุดมาจากรุ่นเดิม
ในส่วนของโมเดลอเมริกา มาในโฉมซีดานและคูเป้ ซึ่งโดยปรกติตัวคูเป้จะใช้พื้นฐานมาจากรุ่นซีดาน แต่คูเป้โฉมนี้อาศัยพื้นฐานการออกแบบมาจากรถซุปเปอร์คาร์หนึ่งเดียวของญี่ปุ่น ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ (หรือรู้จักกันในชื่อของ Acura NSX ที่อเมริกา)
ซึ่งโมเดลอเมริกานี้ก็เป็นโฉมเดียวกับรุ่นที่มาทำตลาดในเมืองไทย โดยเปิดตัวในช่วงปลายปี 1997 ตามหลังตลาดหลักเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เพิ่มรุ่นVTEC LEV ในปี 1999 ก่อนที่จะ ไมเนอร์เชนจ์ เปลี่ยนฝากระโปรงหน้า กระจังหน้า กันชนหน้า และไฟท้ายในปี 2001
โดยมีเครื่องยนต์ ให้เลือกใช้ถึง 3 ขนาด คือรุ่น 2.3 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 2,254 ซีซี 140 แรงม้า, รุ่น VTEC LEVเครื่องบล็อกเดียวกันแต่เพิ่มระบบวีเทคเข้าไปให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า และรุ่น 3.0 ลิตร วี6 24 วาล์ว ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 2,997 ซีซี 200 แรงม้า ทุกรุ่นเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นอิสระปีกนก 2 ชั้น หลังเป็นปีกนก 2 ชั้นแบบ 5 จุดยึด ทำตลาดอยู่ถึงต้นปี 2003
แอคคอร์ด รุ่นที่7 (2002-ปัจจุบัน)
เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2002 ด้วยรูปโฉมที่ล้ำสมัย ฉีกไปจากแนวเดิมๆ ของแอคคอร์ดอย่างสิ้นเชิง พร้อมกับการยกระดับเป็นซีดานขนาดกลางที่มีความหรูหราอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่ง และหลังเปิดตัวเพียงไม่กี่เดือนยังได้รับการประกาศให้รถยอดเยี่ยมประจำปี 2002-2003 ของญี่ปุ่นอีกด้วย(Japan Car of The Year Award 2002-2003)
สำหรับเมืองไทย เปิดตัวเมื่อต้นปี 2003 ด้วยเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 2,354 ซีซี 160 แรงม้า และเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 VTEC 6 สูบ 24 วาล์ว ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 2,997 ซีซี 220 แรงม้า
เพิ่มรุ่น 2.0 ลิตร ในปี 2005 เพื่อกระตุ้นตลาดตอบโต้กระแสราคาน้ำมันแพง ด้วยเครี่องยนต์ขนาด 1,998 ซีซี i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ประหยัดน้ำมันมากขึ้นแต่ยังคงความหรูหราไว้เช่นเดิม
ไมเนอร์เชนจ์ ครั้งแรกเมื่อต้นปี 2006 เปลี่ยนไฟหน้าและไฟท้ายใหม่ พร้อมปรับปรุงเครื่องยนต์ในรุ่น 2.4 ลิตร ให้มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 170 แรงม้า
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีมาให้อย่างครบครัน ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน หลังดิสก์เบรก ระบบกันสะเทือน หน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบน อิสระ พร้อมเหล็กกันโครง หลังแบบไฟว์-ลิงค์ ดับเบิ้ลวิชโบน อิสระ พร้อมเหล็กกันโครง
ด้วยระยะเวลานานกว่า 30 ปีของ ฮอนด้า แอคคอร์ด ทำให้ชื่อของแอคคอร์ดยังคงมีมนต์ขลังในการเรียกศรัทธาจากผู้ที่เป็นสาวกฮอนด้าได้เป็นอย่างดี จากจุดกำเนิดเล็กๆ เพื่อตอบสนองวิกฤตน้ำมันแพงในขณะนั้นปัจจุบันนี้ ฮอนด้า แอคคอร์ด ได้รับการยอมรับว่าเป็นรถซีดานขนาดกลางที่มีความหรูหราลงตัวไม่แพ้ใครด้วยยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี