จะว่าไปแล้วก็ถือเป็นการเปิดตัวรุ่นปรับโฉมที่ค่อนข้างเร็วพอสมควร เพราะในยุโรปมาสด้าเพิ่งส่งรถยนต์คอมแพ็กต์ยอดนิยมอย่าง 3 ลงทำตลาดได้เพียง 2 ปีก็มีการปรับโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์กันแล้ว และคราวนี้จัดการเพิ่มความสดทั้งตัวถังซีดานและแฮท์แบ็กไปพร้อมกันเลย

มาสด้า 3 เผยโฉมครั้งแรกในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2003 จากนั้นในช่วงต้นปี 2004 ก็เริ่มขายในยุโรป โดยที่ญี่ปุ่นมีขายเช่นกันในชื่อแอกเซลา พร้อมกับได้รับควมนิยมพอสมควร เพราะมีรูปลักษณ์ที่สวยสะดุดตา และเปิดตัวมาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ เพราะคู่ปรับสำคัญอย่างโตโยต้า โคโรลล่า และฮอนด้า ซีวิคยังไม่มีรุ่นใหม่เปิดตัวออกมา (ในตอนนั้น)

สำหรับการไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้เปิดตัวในเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2006 ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเป็นการปรับโฉมเพื่อสร้างสีสันและกระตุ้นตลาดเพื่อรับมือกับคู่ปรับสำคัญอย่างซีวิคที่เปิดตัวรุ่น 5 ประตูออกมาในยุโรปเมื่อปลายปี 2005 โดยประเด็นหลักของการปรับโฉมพุ่งไปที่การเพิ่มความสดใหม่ให้กับรูปลักษณ์ภายนอกเป็นหลัก

ทั้งรุ่นซีดานและแฮทช์แบ็กมากับกระจังหน้าลายใหม่ โลโก้มาสด้ามีขนาดใหญ่ขึ้น และมีแถบคาดกลางแถบเดียว เช่นเดียวกับกันชนหน้าและล้อแม็กก็เป็นลายใหม่ ส่วนด้านท้ายปรับปรุงรายละเอียดของไฟท้ายที่อยู่ในกรอบเหลี่ยมใหม่รวมถึงกันชนก็เป็นลายใหม่ด้วยเช่นกัน ส่วนภายในมีการเปลี่ยนหลักๆ อยู่แค่มาตรวัดรอบเครื่องยนต์และความเร็วซึ่งมีการเพิ่มแถบสีเงินตรงเป็นวงในรอบดูสปอร์ตขึ้น และเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งให้ดูหรูขึ้น ขณะที่รายละเอียดหลักๆ ของแผงคอนโซลยังเหมือนเดิม

ข้อมูลที่เปิดเผยออกมานี้เป็นเวอร์ชันสำหรับขายในยุโรป ซึ่งทางมาสด้าบอกว่า เครื่องยนต์ของรุ่นไมเนอร์เชนจ์มีการปรับปรุงในส่วนของสมรรถนะเครื่องยนต์เบนซินทั้ง 3 รุ่นในตระกูลเอ็มแซดอาร์อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าทั้ง 1,400 ซีซี, 1,600 ซีซี และ 2,000 ซีซียังไม่มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการออกมาในตอนนี้ แต่ที่แน่ๆ ในรุ่นสูงสุดจะเปลี่ยนจากเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะมาเป็น 6 จังหวะรุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบให้ตอบสนองต่อสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น และให้ความประหยัดน้ำมันดีขึ้น

นอกจากนั้นมาสด้ายังเปิดเผยว่าจะมีการอัพเกรดในส่วนของชิ้นส่วนในระบบช่วงล่างเพื่อให้ความสนุกสนานและการทรงตัวในการขับ ขณะที่มีการปรับปรุงวัสดุดูดซับเสียงเพื่อลดเสียงดังจากถนน เปลี่ยนยางใหม่เพื่อลดเสียงดัง และมีการติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัยอย่างระบบ Keyless มาให้ด้วย
มาสด้าจะเริ่มขาย 3 ไมเนอร์เชนจ์ในยุโรปกลางปีนี้ ส่วนตลาดกลุ่มอื่นคงเริ่มทยอยเปลี่ยนโฉมกันแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่มีการยืนยันว่าจะมีรูปลักษณ์เหมือนหรือต่างกันมากน้อยแค่ไหน
มาสด้า 3 เผยโฉมครั้งแรกในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2003 จากนั้นในช่วงต้นปี 2004 ก็เริ่มขายในยุโรป โดยที่ญี่ปุ่นมีขายเช่นกันในชื่อแอกเซลา พร้อมกับได้รับควมนิยมพอสมควร เพราะมีรูปลักษณ์ที่สวยสะดุดตา และเปิดตัวมาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ เพราะคู่ปรับสำคัญอย่างโตโยต้า โคโรลล่า และฮอนด้า ซีวิคยังไม่มีรุ่นใหม่เปิดตัวออกมา (ในตอนนั้น)
สำหรับการไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้เปิดตัวในเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2006 ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเป็นการปรับโฉมเพื่อสร้างสีสันและกระตุ้นตลาดเพื่อรับมือกับคู่ปรับสำคัญอย่างซีวิคที่เปิดตัวรุ่น 5 ประตูออกมาในยุโรปเมื่อปลายปี 2005 โดยประเด็นหลักของการปรับโฉมพุ่งไปที่การเพิ่มความสดใหม่ให้กับรูปลักษณ์ภายนอกเป็นหลัก
ทั้งรุ่นซีดานและแฮทช์แบ็กมากับกระจังหน้าลายใหม่ โลโก้มาสด้ามีขนาดใหญ่ขึ้น และมีแถบคาดกลางแถบเดียว เช่นเดียวกับกันชนหน้าและล้อแม็กก็เป็นลายใหม่ ส่วนด้านท้ายปรับปรุงรายละเอียดของไฟท้ายที่อยู่ในกรอบเหลี่ยมใหม่รวมถึงกันชนก็เป็นลายใหม่ด้วยเช่นกัน ส่วนภายในมีการเปลี่ยนหลักๆ อยู่แค่มาตรวัดรอบเครื่องยนต์และความเร็วซึ่งมีการเพิ่มแถบสีเงินตรงเป็นวงในรอบดูสปอร์ตขึ้น และเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งให้ดูหรูขึ้น ขณะที่รายละเอียดหลักๆ ของแผงคอนโซลยังเหมือนเดิม
ข้อมูลที่เปิดเผยออกมานี้เป็นเวอร์ชันสำหรับขายในยุโรป ซึ่งทางมาสด้าบอกว่า เครื่องยนต์ของรุ่นไมเนอร์เชนจ์มีการปรับปรุงในส่วนของสมรรถนะเครื่องยนต์เบนซินทั้ง 3 รุ่นในตระกูลเอ็มแซดอาร์อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าทั้ง 1,400 ซีซี, 1,600 ซีซี และ 2,000 ซีซียังไม่มีการเปิดเผยถึงรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการออกมาในตอนนี้ แต่ที่แน่ๆ ในรุ่นสูงสุดจะเปลี่ยนจากเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะมาเป็น 6 จังหวะรุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบให้ตอบสนองต่อสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น และให้ความประหยัดน้ำมันดีขึ้น
นอกจากนั้นมาสด้ายังเปิดเผยว่าจะมีการอัพเกรดในส่วนของชิ้นส่วนในระบบช่วงล่างเพื่อให้ความสนุกสนานและการทรงตัวในการขับ ขณะที่มีการปรับปรุงวัสดุดูดซับเสียงเพื่อลดเสียงดังจากถนน เปลี่ยนยางใหม่เพื่อลดเสียงดัง และมีการติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัยอย่างระบบ Keyless มาให้ด้วย
มาสด้าจะเริ่มขาย 3 ไมเนอร์เชนจ์ในยุโรปกลางปีนี้ ส่วนตลาดกลุ่มอื่นคงเริ่มทยอยเปลี่ยนโฉมกันแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่มีการยืนยันว่าจะมีรูปลักษณ์เหมือนหรือต่างกันมากน้อยแค่ไหน