xs
xsm
sm
md
lg

นิสสัน มูราโน สมรรถนะเยี่ยม...แต่แพงไปนิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โอโห้! 4.4 ล้าน ราคาของมันหรือนั่น...เป็นความรู้สึกแรกที่แวบเข้ามาในหัวทันที เมื่อได้ทราบราคาของ “มูราโน” เอสยูวีพันธุ์หรู จากค่ายนิสสันที่นำมาเปิดตัวในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป เมื่อปลายปีที่แล้ว

ต้องบอกว่าเมื่อเห็นราคาแล้วก็งงอยู่ไม่น้อยว่าทำไม นิสสันถึงได้นำเข้ารถ เอสยูวี ราคาแพงขนาดนี้มาเจาะตลาดเมืองไทย ทั้งที่ตอนนี้ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ในบ้านเราก็ไม่ได้ร้อนแรงเหมือนช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ยังทรงๆด้วยปัจจัยลบรอบด้าน ทำให้ประชาชนใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น จึงกลายเป็นคำถามว่านำเข้ามาแล้วจะขายใคร?

นอกจากนี้ นิสสันเคยมีบทเรียนมากับ “เอ็กซ์-เทรล” รถยนต์อเนกประสงค์ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว โดยตั้งค่าหัวไว้ที่ 1.33 ล้านในรุ่น Comfort และ1.389 ล้านในรุ่น Luxury ซึ่งถือเป็นเอสยูวีตัวความหวังของนิสสันพอสมควร เพราะประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายในตลาดญี่ปุ่น, ยุโรป รวมถึงอเมริกา แต่สำหรับประเทศไทยต้องใช้คำว่า “เงียบ”

ส่วนหนึ่งมาจากการที่เข้ามาทำตลาดช้ากว่าเจ้าอื่น ทั้ง ฮอนด้า ซีอาร์-วี, ฟอร์ด เอสแคป,มาสด้า ทริบิวต์, รวมถึงกระแสความนิยมของรถอเนกประสงค์เจ้าตลาดอย่าง โตโยต้า ฟอร์จูเนอร์ ซึ่งโกยยอดขายแบบถล่มทลาย จึงไม่มีที่ว่างเหลือพอให้ เอ็กซ์-เทรล ทำตลาดมากนัก

ซ้ำร้ายเหมือนฟ้าไม่เป็นใจเมื่อ นิสสัน ยังโดนหักเหลี่ยมจากเจ้าพ่อเกรย์ มาร์เก็ตอย่าง เอส.อี.ซี ที่นิยมเป็นเสือปืนไวนำรถเข้ามาเปิดตัวตัดหน้าเจ้าของแบรนด์ หรือผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการอยู่เป็นนิจ โดยคราวนี้ชิงเปิดตัวมูราโนไปก่อนในช่วงเดือนกันยายนปีเดียวกัน ทั้งยังเคาะราคาเพียง 3,060,000 บาทเท่านั้น (แต่วางเครื่องยนต์ 2,500 ซีซี 163 แรงม้า)

จึงกลายเป็นไฟต์บังคับให้เจ้าของแบรนด์ต้องนำเข้าตัวท๊อปสุดเท่านั้น กับเครื่องยนต์ 3,500 ซีซี 234 แรงม้า ทั้งๆที่รู้ว่าต้องโดนกระหน่ำภาษีนำเข้าสูงถึง 80% (ยังไม่รวมภาษีสรรพษามิต) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อราคารถให้พรุ่งพรวดไปถึง 4.4 ล้านบาทก็ตาม

ทำให้นิสสันไม่ได้คาดหวังกับยอดขายของเอสยูวี สายพันธุ์หรูรุ่นนี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากปีนี้ยังมีแผนการใหญ่กับเก๋งคอมแพ็กรุ่นใหม่ “ทีด้า” ตัวแทน “ซันนี่ นีโอ” รวมถึงการเปิดตัวปิกอัพโมเดลใหม่ปลายปีที่หวังผลการตลาดได้มากว่า

ดังนั้น มูราโนจึงเหมือนเป็นตัวที่จะเข้ามาเสริมภาพลักษณ์เรื่องโปรดักส์ของนิสสันเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่ “ผู้จัดการมอเตอร์ริ่ง” มีโอกาสได้ลองขับเจ้า เอสยูวี ระดับหรูคันนี้มาแล้วต้องบอกว่าเป็นยนตรกรรมที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

สำหรับชื่อ มูราโน (MURANO) นั้นได้มาจาก ปฏิมากรรมเครื่องแก้วหรูหราที่มีชื่อเสียงมากในทวีปยุโรป ซึ่งมีถิ่นกำเนิดมาจาก เกาะมูราโน ใกล้เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี จึงสะท้อนให้เห็นถึงภาพชัดเจนของยนตรกรรมหรูคู่เศรษฐีได้เป็นอย่างดี

ด้วยรูปลักษณ์เมื่อแรกเห็นต้องบอกว่าแปลกตา สะดุดใจไม่น้อย ตั้งแต่กระจังหน้าโครเมี่ยมที่สอดรับกับไฟหน้าสไตล์สปอร์ต ทั้งยังเสริมความบึกบึนกับซุ้มล้อขนาดใหญ่ ที่รับกับล้ออัลลอยแบบ 6 ก้านขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 225/65 R18 รวมถึงการติดตั้งฝาปิดใต้ห้องเครื่อง, กระบังลมล้อหน้า-หลัง, สปอยเลอร์หลัง และท่อไอเสียคู่ ช่วยเสริมให้รถดูดุดันขึ้นไปอีก

ภายในออกแบบเรียบง่าย(มากๆ) แต่ดูดีมีระดับกับเบาะหนังแท้สี Charcoal ตัดกับแผงคอนโซล และหน้าปัดอะลูมิเนียมแท้ พร้อมจอแสดงผล LCD ขนาด 5.8 นิ้ว พวงมาลัยเพาเวอร์ 3 ก้านแบบแร็คแอนด์พิเนี่ยน พร้อมติดตั้งระบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมระบบขับขี่แบบอัตโนมัติ ASCD และปุ่มควบคุมเครื่องเสียงเอาไว้ด้วย

ด้านเครื่องเสียงเป็นหน้าที่ของ BOSE โดยสามารถเล่นได้ทั้ง เทป-ซีดี และกระหึ่มด้วยลำโพงอีก 6 ตัว พร้อมซับวูฟเฟอร์ ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆก็ขนมาให้พอตัว อาทิ การติดตั้งช่องแอร์ที่เสากลาง กระจกมองหลังแบบหลบแสงสะท้อนอัตโนมัติ รวมถึงซันรูฟ สำหรับคนชอบฟ้า รักนภาเป็นเพื่อนเดินทางก็มีมาให้เช่นกัน

ทั้งยังกว้างขวางนั่งสบายทุกที่นั่ง ซึ่งในส่วนเบาะของผู้ขับยังสามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 8 ระดับ ด้านเบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 ทั้งยังปรับให้แบนราบได้ด้วยระบบไฟฟ้า (Electromagnetic) เพิ่มความอเนกประสงค์ได้เป็นอย่างดี

สำหรับระบบความปลอดภัยก็ขนมาให้เพียบ ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด คือด้านหน้า 2 จุด บริเวณด้านข้างเบาะหน้าทั้ง 2 จุด และแบบม่านด้านหน้าและหลังเพื่อการปกป้องศีรษะอีก 2 จุด รวมถึงเข็มขัดนิรภัยแบบผ่อน และดีงกลับอัตโนมัติ (Pre-tensioner and Load Limiter) ที่สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ทุกที่นั่ง ทั้งยังเสริมความปลอดภัยขึ้นไปอีกกับระบบลดแรงกระแทกศรีษะ (Active Head Restraint)

พร้อมระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงหรือถนนลื่น VDC (Vehicle Dynamic Control) โดยการควบคุมแรงดันเบรกของล้อแต่ละข้าง เพื่อป้องกันสถานการณ์ อันเดอร์สเตียร์ และ โอเวอร์สเตียร์ รวมถึงระบบเบรก ABS ระบบช่วยเบรก BA และระบบกระจายแรงเบรค EBD ก็ช่วยเสริมความมั่นใจเวลาขับขี่เพิ่มขึ้นไปอีก

ด้านสมรรถนะการขับขี่ ในความเห็นส่วนตัวของผู้ลองขับบอกได้เต็มปากเลยว่า ไม่แพ้คู่แข่งระดับราคาใกล้เคียงกันอย่าง เล็กซัส อาร์เอ็กซ์ 300(3.999 ล้าน), วอลโว่ เอ็กซ์ซี 90 (4.595 ล้าน) หรือ บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 3(4.6 ล้าน) แต่นี้เป็นความรู้สึกของผู้ลองขับเท่านั้น

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะขุมพลังตระกูล VQ35DE บล็อกวี 6 ทวินแคม 24 วาล์ว ขนาด 3,500 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุด 234 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 318 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เดียวกับรถสปอร์ตรุ่น 350Z และสกายไลน์ 350 จีที เพียงแต่ปรับแรงม้าให้ลดลงมาหน่อยเท่านั้น (เดิม 280 แรงม้า)

ที่สามารถตอบสนองตามแรงกดของเท้าขวาได้ดั่งใจ ขณะเดียวกันระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง และระบบกันสะเทือนหลังแบบอิสระมัลติลิงค์ ก็ช่วยให้รู้สึกมั่นใจยามขับขี่ เพราะรถจะนิ่งและนิ่มนวลมาก

ยิ่งขับทางไกลเหยียบคันเร่งเพลินๆ แล้วเหลือบไปมองหน้าปัด...ถึงกับต้องร้องอุทานในใจว่า “โอ้พระเจ้าจอร์จ” เพราะเข็มไมล์ได้ชี้ไปที่ตัวเลข 190 กม./ชม. เข้าให้แล้ว!


รวมถึงการทรงตัวที่ยอดเยี่ยมเวลาเข้าโค้งที่ความเร็ว ประมาณ 120 กม./ชม. หรือโค้งยาวๆที่ส่งความเร็วไปถึง 130-140 กม./ชม. ก็ไม่มีความรู้สึกโคลง และให้ความมั่นคงดีทีเดียว ขณะที่น้ำหนักของพวงมาลัยกำลังพอเหมาะไม่เบาเกินไป และให้ความแม่นยำมาก

พร้อมระบบส่งกำลังแบบแปรผันต่อเนื่อง Xtronic CVT (Continuously Variable Transmission) ที่ทำงานเสมือนมีเกียร์เดียว โดยใช้สายพานคู่ และพูเล่อีกสองตัวคอยประคองการทำงานของพูเล่ทั้งสองอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้อัตราเร่งและการออกตัวราบเรียบไม่รู้สึกกระชากช่วงเปลี่ยนเกียร์ทั้งในขณะออกตัว และเร่งแซง ส่งผลให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างลื่นไหลนุ่มนวล

นอกจากนี้สามารถเลือกระบบขับเคลื่อนได้ 2 โหมดคือ Auto Mode สำหรับถนนทั่วไป และLock Modeขับเคลื่อนสี่ล้อสำหรับลุยเส้นทางทุรกันดารหรือทางชัน ที่ไม่แน่ใจว่าคนซื้อรถระดับนี้จะมีโอกาสได้ใช้บ่อยแค่ไหน

สรุปตรงๆ ว่า นิสสัน มูราโน เป็นรถที่มีสมรรถนะโดยรวมดีคันหนึ่ง ทั้งพละกำลังที่เรียกออกมาใช้ได้เหลือเฟือ ช่วงล่างเหนียวแน่นหนึบ ทั้งยังเพลิดเพลินกับการขับที่ไหลลื่นนุ่มนวล แต่มีลูกเล่น หรือออปชั่นน้อยไปนิดเมื่อเทียบกับราคา 4.4 ล้าน

ที่สำคัญด้วยเครื่อง 3.5 ลิตร ในสถานการณ์ปัจจุบัน อาจทำให้ผู้ที่อยากจะจับจองเอสยูวีคันงามนี้ต้องคิดหนักหน่อย ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ชอบความโดดเด่นไม่เหมือนใครจริงๆ และคงจะไม่ได้มีรถเพียงคันเดียวแน่นอน










กำลังโหลดความคิดเห็น