ข่าวในประเทศ - “อีซูซุ” โดนเงาหลอน! เมื่อค่ายรถจากจีน “จินเป่ย” จับมือกลุ่มทุนไทยในบริษัท ซังยอง ประเทศไทย ปลุกชีพ “ดราก้อนอายส์” ที่ซื้อโนฮาวมาจากอีซูซุ รวมถึงเครื่องยนต์ที่เป็นตำนานตระกูล 4J มาประกอบและทำตลาดในไทย โดยนำเข้าชิ้นส่วนมาเกือบทั้งหมด ผ่านช่องทางเอฟทีเอไทย-จีน มีให้เลือกทั้งรุ่นมาตรฐาน และดับเบิ้ลแค็บ ขณะที่รุ่นมีแค็บแม้ในจีนจะไม่มีทำตลาด แต่ในไทยได้เจรจากับผู้ผลิตรถดัดแปลง เพื่อทำการต่อเติมตัวถังให้ แย้มราคาเบื้องต้นสตาร์ทเพียง 3 แสนบาท กำหนดเปิดตัวชิมลางปลายปีนี้ ก่อนขึ้นไลน์ประกอบที่โรงงานบางชันฯ บุกตลาดจริงในปีหน้า
จากรายงานข่าวกลุ่มเอส.อี.ซี. เกรย์มาร์เก็ตรายใหญ่ในไทย จะร่วมมือกับผู้ผลิตรถจากจีน ผลิตและขายปิกอัพในไทย ซึ่งปลายปีนี้น่าจะเปิดตัว และเริ่มผลิตได้ในปี 2550 นั้น เรื่องนี้เอส.อี.ซี.กรุ๊ปปฎิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว และปัจจุบันไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นในซังยอง ประเทศไทย ที่ผู้บริหารของซังยองกำลังดำเนินการโครงการปิกอัพจากจีนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม โครงการขายปิกอัพจีนในไทยมีแน่นอน โดยทีมผู้บริหารกลุ่มเดียวกับ ซังยอง ประเทศไทย ซึ่งใกล้ชิดกับเอส.อี.กรุ๊ปมาก่อน และน่าสนใจตรงที่เป็นปิกอัพ ที่ค่ายอีซูซุได้ขายโนฮาวทั้งหมดให้กับจีน ซึ่งคนไทยให้ความนิยม จนมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งมาต่อเนื่องยาวนาน ก่อนที่จะเปลี่ยนโมเดลใหม่เป็น อีซูซุ ดีแมคซ์ ในปัจจุบัน โดยในตลาดจีนขายภายใต้ชื่อยี่ห้อ “จินเป่ย” (JINBEI)
นั่นก็คือ......ปิกอัพ อีซูซุ ดราก้อนอายส์!! และไม่เพียงจีนจะซื้อโนฮาวการผลิตมาเท่านั้น อีซูซุยังได้ขายเทคโนโลยีเครื่องยนต์ 4JA1 2,500 ซีซี และ 4JB1 2,800 ซีซี ซึ่งติดตั้งอยู่ในปิกอัพอีซูซุรุ่นดังกล่าว รวมถึงอีซูซุ ดีแมคซ์ เวอร์ชั่นก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์คอมมอนเรลเมื่อปีที่ผ่านมาด้วย
ฉะนั้นปิกอัพที่ทางกลุ่มทุนไทยในซังยอง จะนำมาทำตลาดในไทย เรียกได้ว่า........เป็นปิกอัพที่ถูกโคลนนิ่ง มาจาก อีซูซุรุ่นดราก้อนอายส์ก็ว่าได้ เพราะทุกอย่างล้วนผลิตจากโนฮาวของปิกอัพรุ่นดังกล่าว จะมีเปลี่ยนแปลงก็เพียงด้านหน้า ในส่วนของไฟหน้าเท่านั้น ที่เหลือล้วนมาจากบล็อก หรือพิมพ์เดียวกันหมด
ส่วนการนำเข้ามาประกอบและผลิตในไทย ทางกลุ่มซังยองจะตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาดูแล โดยมี “วิรัตน์ ผลประดับ” และ “อภิเชต สีตกะลิน” สองผู้บริหารบริษัทเป็นผู้ดูแลโครงการ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ในปลายปีนี้ และจากนั้นในปี 2550 จึงจะเริ่มประกอบในไทย
ทั้งนี้ในการขึ้นไลน์ประกอบ ทางกลุ่มซังยองจะจ้างโรงงานประกอบรถยนต์บางชันฯ ของกลุ่มพระนครยนตรการ ซึ่งปัจจุบันไลน์การผลิตว่างอยู่ เพื่อทำการประกอบปิกอัพรุ่นนี้ให้ โดยนำเข้าชิ้นส่วนประกอบเกือบทั้งหมดจากจีน ภายใต้กรอบภาษีเอฟทีเอระหว่างไทย-จีน มีเพียงชิ้นส่วนบางอย่าง อาทิ ชุดสายไฟ กรอบไฟ รวมถึงน้ำมันหล่อลื่นต่างๆ เท่านั้นที่ผลิตในไทย ซึ่งเบื้องต้นจะมีกำลังการผลิตประมาณ 1,000 คันต่อเดือน แบ่งเป็นทำตลาดในไทย 800 คัน ที่เหลือส่งออกประเทศลาวและเขมร
อย่างไรก็ตาม ปิกอัพที่นำเข้ามาประกอบและทำตลาดในไทย จะมีการปรับเครื่องยนต์ให้ผ่านมาตรฐานไอเสียของไทย ซึ่งปัจจุบันบังคับใช้อยู่ในระดับมาตรฐานยูโร 3 ทำให้กำลังของเครื่องยนต์ลดลงจากเดิมในรุ่น ดราก้อนอายส์เล็กน้อย ขณะที่ชื่อยี่ห้อต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ เพื่อให้ดูเป็นสากลมากกว่า แต่ขณะนี้ยังไม่สรุปว่าจะใช้ชื่อรุ่นใด
สำหรับการทำตลาดกลุ่มทุนในซังยองจะนำกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง หรือเริ่มทำตลาดจากพื้นที่ต่างจังหวัดก่อน เมื่อเป็นที่ยอมรับมากขึ้น จึงจะขยายเข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยล่าสุดได้มีการนำร่องสำรวจตลาดไปแล้ว ผ่านตัวแทนองค์การบริหารส่วนตำบลทั่วประเทศกว่า 7,000 แห่ง ซึ่งได้มาประชุมที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันเสาร์ที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา โดยทางซังยองได้เข้าไปเป็นผู้สนับสนุน ผ่านบริษัทในเครือซังยอง ประเทศไทย
โดยในการประชุมอบต.ดังกล่าว ได้มีการแจกเอกสารเกี่ยวกับสเปกของปิกอัพ ที่จะทำตลาดให้กับผู้เข้าร่วมประชุม และแจ้งว่าจะเป็นปิกอัพใหม่ที่จะมาทำตลาดในไทย มีราคาจำหน่ายเพียงกว่า 300,000 บาท ส่วนเอกสารที่แจกเป็นโบชัวร์รูปรถ และมีข้อความว่า COMING SOON พร้อมรายละเอียดทางเทคนิคของปิกอัพ ที่ติดป้ายชื่อ CAE เรียกรหัสรถว่า JB-DX SERIES ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท ไชน่า ออโตโมบิล เอ็กซ์ปอร์ต (ไชน่า) จำกัด หรือ CAE ซึ่งเป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับการส่งออกปิกอัพของจินเป่ย และบริษัท เอ.จี.คาร์ จำกัด ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ถนนพระราม 9 ย่านเดียวกับซังยอง ประเทศไทย โดยในเอกสารระบุว่าเป็นเอกสารสำหรับการศึกษาตลาด
ในส่วนของข้อมูลทางเทคนิคในโบชัวร์ เปิดเผยเพียงโมเดลเดียวปิกอัพแบบดับเบิลแค็บ รหัส JB-DX SERIES มีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์ JM491Q 4 สูบเรียง OHC คาร์บูเรเตอร์เดียว 2,237 ซีซี 68 แรงม้า ที่ 4,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร ที่ 3,200 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 13.8 กม./ลิตร
ส่วนรุ่นที่เหลือเป็นเครื่องยนต์ 4JM491Q-ME 4 สูบเรียง OHC หัวฉีด EFI ขนาด 2,237 ซีซี 76 แรงม้า ที่ 4,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 193 นิวตัน-เมตร ที่ 2,600 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 13.8 กม./ลิตร และสุดท้ายเครื่องยนต์ 4JB1 4 สูบเรียง ไดเร็กต์อินเจ็คชั่น 2,771 ซีซี 57 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 174 นิวตัน-เมตร ที่ 2000 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 14.7 กม./ลิตร
อย่างไรก็ตาม แม้ในโบชัวร์จะไม่มีรุ่นมาตรฐานและมีแค็บ แต่จากรายงานข่าวยืนยันว่า จะมีให้ลูกค้าเลือกซื้อแน่นอน อาจจะแตกต่างจากจีนตรงที่ รุ่นที่ขายในไทยจะต้องเพิ่มรุ่นมีแค็บในไทย เพราะที่จีนมีเพียงรุ่นมาตรฐาน(ไม่มีแค็บ) กับรุ่นดับเบิลแค็บ หรือรุ่น 4 ประตูเท่านั้น โดยในรุ่นมีแค็บกำลังเจรจากับผู้ผลิตรถดัดแปลงในไทย เพื่อผลิตต่อเติมตัวถังให้ เช่นเดียวกับที่อีซูซุเคยทำมาแล้ว ในการออกรุ่นมีแค็บครั้งแรกในไทย
สำหรับเครื่องยนต์ที่ทำตลาด แม้จะไม่มีการระบุเครื่องยนต์รหัส 4JA ซึ่งถือเป็นตำนานของเครื่องยนต์อีซูซุในไทย แต่แหล่งข่าวยืนยันว่าจะมีเครื่องยนต์นี้ ให้เลือกในรุ่นมาตรฐานเช่นกัน โดยจะมีราคาเริ่มเพียงกว่า 300,000 บาท หรือราคาของรถทุกรุ่นจะอยู่ที่ประมาณ 70% ของปิกอัพที่จำหน่ายในปัจจุบัน
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น นับว่าเป็นการเดินหมากบุกตลาดปิกอัพไทย ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่? คงต้องติดตามดูกันต่อไป......!!
จากรายงานข่าวกลุ่มเอส.อี.ซี. เกรย์มาร์เก็ตรายใหญ่ในไทย จะร่วมมือกับผู้ผลิตรถจากจีน ผลิตและขายปิกอัพในไทย ซึ่งปลายปีนี้น่าจะเปิดตัว และเริ่มผลิตได้ในปี 2550 นั้น เรื่องนี้เอส.อี.ซี.กรุ๊ปปฎิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว และปัจจุบันไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นในซังยอง ประเทศไทย ที่ผู้บริหารของซังยองกำลังดำเนินการโครงการปิกอัพจากจีนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม โครงการขายปิกอัพจีนในไทยมีแน่นอน โดยทีมผู้บริหารกลุ่มเดียวกับ ซังยอง ประเทศไทย ซึ่งใกล้ชิดกับเอส.อี.กรุ๊ปมาก่อน และน่าสนใจตรงที่เป็นปิกอัพ ที่ค่ายอีซูซุได้ขายโนฮาวทั้งหมดให้กับจีน ซึ่งคนไทยให้ความนิยม จนมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งมาต่อเนื่องยาวนาน ก่อนที่จะเปลี่ยนโมเดลใหม่เป็น อีซูซุ ดีแมคซ์ ในปัจจุบัน โดยในตลาดจีนขายภายใต้ชื่อยี่ห้อ “จินเป่ย” (JINBEI)
นั่นก็คือ......ปิกอัพ อีซูซุ ดราก้อนอายส์!! และไม่เพียงจีนจะซื้อโนฮาวการผลิตมาเท่านั้น อีซูซุยังได้ขายเทคโนโลยีเครื่องยนต์ 4JA1 2,500 ซีซี และ 4JB1 2,800 ซีซี ซึ่งติดตั้งอยู่ในปิกอัพอีซูซุรุ่นดังกล่าว รวมถึงอีซูซุ ดีแมคซ์ เวอร์ชั่นก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์คอมมอนเรลเมื่อปีที่ผ่านมาด้วย
ฉะนั้นปิกอัพที่ทางกลุ่มทุนไทยในซังยอง จะนำมาทำตลาดในไทย เรียกได้ว่า........เป็นปิกอัพที่ถูกโคลนนิ่ง มาจาก อีซูซุรุ่นดราก้อนอายส์ก็ว่าได้ เพราะทุกอย่างล้วนผลิตจากโนฮาวของปิกอัพรุ่นดังกล่าว จะมีเปลี่ยนแปลงก็เพียงด้านหน้า ในส่วนของไฟหน้าเท่านั้น ที่เหลือล้วนมาจากบล็อก หรือพิมพ์เดียวกันหมด
ส่วนการนำเข้ามาประกอบและผลิตในไทย ทางกลุ่มซังยองจะตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาดูแล โดยมี “วิรัตน์ ผลประดับ” และ “อภิเชต สีตกะลิน” สองผู้บริหารบริษัทเป็นผู้ดูแลโครงการ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ในปลายปีนี้ และจากนั้นในปี 2550 จึงจะเริ่มประกอบในไทย
ทั้งนี้ในการขึ้นไลน์ประกอบ ทางกลุ่มซังยองจะจ้างโรงงานประกอบรถยนต์บางชันฯ ของกลุ่มพระนครยนตรการ ซึ่งปัจจุบันไลน์การผลิตว่างอยู่ เพื่อทำการประกอบปิกอัพรุ่นนี้ให้ โดยนำเข้าชิ้นส่วนประกอบเกือบทั้งหมดจากจีน ภายใต้กรอบภาษีเอฟทีเอระหว่างไทย-จีน มีเพียงชิ้นส่วนบางอย่าง อาทิ ชุดสายไฟ กรอบไฟ รวมถึงน้ำมันหล่อลื่นต่างๆ เท่านั้นที่ผลิตในไทย ซึ่งเบื้องต้นจะมีกำลังการผลิตประมาณ 1,000 คันต่อเดือน แบ่งเป็นทำตลาดในไทย 800 คัน ที่เหลือส่งออกประเทศลาวและเขมร
อย่างไรก็ตาม ปิกอัพที่นำเข้ามาประกอบและทำตลาดในไทย จะมีการปรับเครื่องยนต์ให้ผ่านมาตรฐานไอเสียของไทย ซึ่งปัจจุบันบังคับใช้อยู่ในระดับมาตรฐานยูโร 3 ทำให้กำลังของเครื่องยนต์ลดลงจากเดิมในรุ่น ดราก้อนอายส์เล็กน้อย ขณะที่ชื่อยี่ห้อต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ เพื่อให้ดูเป็นสากลมากกว่า แต่ขณะนี้ยังไม่สรุปว่าจะใช้ชื่อรุ่นใด
สำหรับการทำตลาดกลุ่มทุนในซังยองจะนำกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง หรือเริ่มทำตลาดจากพื้นที่ต่างจังหวัดก่อน เมื่อเป็นที่ยอมรับมากขึ้น จึงจะขยายเข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยล่าสุดได้มีการนำร่องสำรวจตลาดไปแล้ว ผ่านตัวแทนองค์การบริหารส่วนตำบลทั่วประเทศกว่า 7,000 แห่ง ซึ่งได้มาประชุมที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันเสาร์ที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา โดยทางซังยองได้เข้าไปเป็นผู้สนับสนุน ผ่านบริษัทในเครือซังยอง ประเทศไทย
โดยในการประชุมอบต.ดังกล่าว ได้มีการแจกเอกสารเกี่ยวกับสเปกของปิกอัพ ที่จะทำตลาดให้กับผู้เข้าร่วมประชุม และแจ้งว่าจะเป็นปิกอัพใหม่ที่จะมาทำตลาดในไทย มีราคาจำหน่ายเพียงกว่า 300,000 บาท ส่วนเอกสารที่แจกเป็นโบชัวร์รูปรถ และมีข้อความว่า COMING SOON พร้อมรายละเอียดทางเทคนิคของปิกอัพ ที่ติดป้ายชื่อ CAE เรียกรหัสรถว่า JB-DX SERIES ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท ไชน่า ออโตโมบิล เอ็กซ์ปอร์ต (ไชน่า) จำกัด หรือ CAE ซึ่งเป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับการส่งออกปิกอัพของจินเป่ย และบริษัท เอ.จี.คาร์ จำกัด ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ถนนพระราม 9 ย่านเดียวกับซังยอง ประเทศไทย โดยในเอกสารระบุว่าเป็นเอกสารสำหรับการศึกษาตลาด
ในส่วนของข้อมูลทางเทคนิคในโบชัวร์ เปิดเผยเพียงโมเดลเดียวปิกอัพแบบดับเบิลแค็บ รหัส JB-DX SERIES มีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์ JM491Q 4 สูบเรียง OHC คาร์บูเรเตอร์เดียว 2,237 ซีซี 68 แรงม้า ที่ 4,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร ที่ 3,200 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 13.8 กม./ลิตร
ส่วนรุ่นที่เหลือเป็นเครื่องยนต์ 4JM491Q-ME 4 สูบเรียง OHC หัวฉีด EFI ขนาด 2,237 ซีซี 76 แรงม้า ที่ 4,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 193 นิวตัน-เมตร ที่ 2,600 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 13.8 กม./ลิตร และสุดท้ายเครื่องยนต์ 4JB1 4 สูบเรียง ไดเร็กต์อินเจ็คชั่น 2,771 ซีซี 57 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 174 นิวตัน-เมตร ที่ 2000 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 14.7 กม./ลิตร
อย่างไรก็ตาม แม้ในโบชัวร์จะไม่มีรุ่นมาตรฐานและมีแค็บ แต่จากรายงานข่าวยืนยันว่า จะมีให้ลูกค้าเลือกซื้อแน่นอน อาจจะแตกต่างจากจีนตรงที่ รุ่นที่ขายในไทยจะต้องเพิ่มรุ่นมีแค็บในไทย เพราะที่จีนมีเพียงรุ่นมาตรฐาน(ไม่มีแค็บ) กับรุ่นดับเบิลแค็บ หรือรุ่น 4 ประตูเท่านั้น โดยในรุ่นมีแค็บกำลังเจรจากับผู้ผลิตรถดัดแปลงในไทย เพื่อผลิตต่อเติมตัวถังให้ เช่นเดียวกับที่อีซูซุเคยทำมาแล้ว ในการออกรุ่นมีแค็บครั้งแรกในไทย
สำหรับเครื่องยนต์ที่ทำตลาด แม้จะไม่มีการระบุเครื่องยนต์รหัส 4JA ซึ่งถือเป็นตำนานของเครื่องยนต์อีซูซุในไทย แต่แหล่งข่าวยืนยันว่าจะมีเครื่องยนต์นี้ ให้เลือกในรุ่นมาตรฐานเช่นกัน โดยจะมีราคาเริ่มเพียงกว่า 300,000 บาท หรือราคาของรถทุกรุ่นจะอยู่ที่ประมาณ 70% ของปิกอัพที่จำหน่ายในปัจจุบัน
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น นับว่าเป็นการเดินหมากบุกตลาดปิกอัพไทย ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่? คงต้องติดตามดูกันต่อไป......!!