คุณเคยลองทำตามฝัน หรือมุ่งไปสู่สิ่งที่ตัวเองรักหรือยัง?....แล้วคุณกล้าพอที่จะทำมันไหม? บางทีมันอาจจะเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะว่าการดำเนินชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนมีความจำเป็นหรือปัจจัยแวดล้อมมากมายที่ไม่เอื้อต่อการทำตามสิ่งตัวเองฝัน แต่สำหรับชายคนนี้เขากล้าพอที่จะฉีกกฎเกณฑ์ทุกอย่าง เพื่อแลกกับการได้ทำในสิ่งที่เขารัก นั่นคือการได้เดินทางท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ไปทั่วโลก
กิตติ นิลถนอม ชายผู้เดินทางมาแล้วทั่วโลก ผ่าสมรภูมิ และอุปสรรคมากมาย เพื่อทำสิ่งที่ตัวเองรัก จนเมื่อถึงจุดหนึ่งสิ่งนั้นมันก็กลับมาตอบแทนเขา ด้วยการตั้ง บริษัท ทรานส์ เอเชีย รูท จำกัด ที่รับจัดการเดินทางแบบคาราวานรถยนต์ โดยสามารถไปได้ทั่วโลก และวันนี้ ผู้จัดการมอเตอร์ริ่ง จะมาเปิดใจ อดีตพนักงานธนาคาร ที่หันมาจับธุรกิจ รับสร้างฝันให้กับนักเดินทางที่ต้องการเติมสีสันให้กับชีวิต

ก่อนอื่นต้องถามว่าเป็นอย่างไรมาอย่างไรถึงมาอยู่จุดนี้ได้?
ผมจบมาตอนอายุ 20 ทำงานธนาคารทหารไทยมา 4 ปี จากนั้นมีโอกาสได้ทำงานที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์อีก10 ปี ในตำแหน่ง สมุห์บัญชี ซึ่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะรวบรวมเพื่อนฝูงขับรถไปเที่ยวกันแบบออฟโรด
แต่สิ่งที่จุดประกายในการลุยเส้นทางต่างประเทศคือ มีอยู่ทริปหนึ่ง ไปจังหวัดน่าน แล้วเห็นป้ายบอกไป คุณหมิง 12 ปันนา ซึ่งพอถามจริงๆแล้ว ชาวบ้านบอกว่าเป็นป้ายหลอก ไม่สามารถเดินทางไปได้ จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจว่าจะต้องหาเส้นทางไปให้ได้
จากนั้นจึงกลับมาหาข้อมูลอยู่ 1 ปี ติดต่อทุกองค์กร ที่เกี่ยวข้อง ทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,ด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเขาบอกไปไม้ได้ แต่เพราะความบังเอิญมีลูกค้าทำธุรกิจอยู่ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย จึงได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งเขาเป็นคนในพื้นที่รู้ทางหนีทีไล่ จึงได้เริ่มเดินทางเมื่อปี 2536
ทริปนี้เป็นครั้งแรกที่ออกลุยเส้นทางต่างประเทศ ก็ได้ผ่านอุกสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเส้นทางสุดโหด(สมัยนั้น),เอกสาร ไปจนถึง เหตุการเฉียดตายอย่างโจรปล้นสะดม
เมื่อกลับมาจากทริปดังกล่าว เราก็ส่งเรื่องไปให้นิตยสารออฟโรด เขาก็เลยตั้งชื่อกลุ่มให้ว่า “มิตรภาพ” จากนั้นก็เริ่มต้นเที่ยวกับ กลุ่มต่างของนิตยสาร ออฟโรด อาทิ กลุ่มจอมพลัง, กลุ่ม 11 เริ่มเข้าป่าทุกอาทิตย์ แต่ถ้ามีเวลา และโอกาสเอื้ออำนวยก็จะข้ามพรมแดนไปลุยเส้นทางประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงบ้าง

ตั้งบริษัท ทรานส์ เอเชีย รูท จำกัด ขึ้นมาได้อย่างไร?
พอสั่งสมประสปการณ์การเดินทางจนเริ่มเป็นที่รู้จัก ก็มีกลุ่มอื่นๆ อยากไปลุยเส้นทางใหม่ๆในแถบบ้านใกล้เรือนเคียงจึงได้พาเขาไป เริ่มจากทริปหนึ่ง ก็ 4- 5 คน มีเก็บค่าใช้จ่ายนิดหน่อย แต่พอกลับมาบวก-ลบ แล้วก็มีกำไร ตอนนั้นก็คิดแล้วว่ามันก็โอเค เราได้ไปเที่ยว แล้วยังได้ทำในสิ่งที่เราชอบ แถมยังสร้างรายได้อีก
โดยตอนนั้น ก็ไปตะลุยมาทั้ง ลาว, เขมร,เวียดนาม, พม่า, แล้วก็เริ่มพัฒนาไปถึง มองโกเลีย, ธิเบต,รัสเซีย
จนกระทั้ง ปี 1998 เริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น ก็มีบริษัทมาจ้าง อาทิ Toyota,U&I จึงเริ่มทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง ซึ่งต้องมีการจดทะเบียนตั้งบริษัท ขอใบอนุญาตจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
แต่ในช่วงแรกเราขอใช้เลขที่ใบอนุญาต จากบริษัทอื่นก่อน ซึ่งเป็นบริษัทที่รู้จักกัน ก็ตกปีละ 3- 4 ทริป แต่ช่วงนั้นก็ยังทำงาน ธนาคารควบคู่ไปด้วย
จากนั้นปี 2001 ถึงเวลาต้องตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร เพราะงานเริ่มมีมากขึ้น จะลาออกจากงานประจำก็ยังไม่กล้า ซึ่งคิดว่าถ้าทำได้ดีก็ดีไป ทำไม่ได้ก็ตาย ไหนจะมีภาระต้องดูแลครอบครัว ดูแลลูก ซึ่งงานที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ก็มั่นคง และมีสวัสดิการดี

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ตรงที่ ในปีเดียวกันนี้ผมมีโปรเจกท์ยักษ์ คือมีแผนที่จะเดินทางรอบโลก แล้วถ้าออกเดินทางคงต้องใช้เวลาหลายเดือน จึงต้องปรึกษาทั้งเพื่อน และ หัวหน้า ว่าจะทำอย่างไรดี ตอนนั้นมีแต่คนทักว่าบ้าหรือเปล่า เพราะนอกจากจะเสียงานประจำแล้ว ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกโขที่เดียว ซึ่งลองคำนวณตัวเลขคร่าวๆ แล้วหาเส้นทางที่เซฟที่สุด โดยไปกันแค่ 4 คน รถ 2 คัน ต้องใช้งบประมาณถึง 10 ล้านบาท
ช่วงนั้นก็วุ่นวายมากแต่ก็อยากไป จึงช่วยกันหาสปอนเซอร์ ก็ได้เงินมาประมาณ แสนกว่าบาท แต่ก็ดิ้นรนไปจนได้ โดยออกเดินทางในวันที่ 27 เมษายน 2001 ใช้ โตโยต้า ไทเกอร์ กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ ขับไปประเทศมาเลเซีย แล้วลงลงเรือไปอินเดีย เข้าปากีสถาน-ตุรกี-กรีซ-อิตาลี แต่เมื่อถึงตรงนี้ก็มีปัญหานิดหน่อย คือมีความคิดไม่ตรงกันในกลุ่ม เงินก็แทบจะไม่เหลือ จึงทำให้ผมต้องบินกลับเมืองไทย
พอกลับมาได้ไม่กี่วันเพื่อนที่เป็นฝรั่ง เขาไม่ได้กลับมาด้วย บอกว่ามีวิธีจะส่งรถข้ามไปอเมริกาแล้วขับไปกันต่อ ผมก็ตกลงจึงบินไปลงชิคาโก ขับรถเข้าไปแคนนาดา ผ่าน ARCTIC CIRCLE มุ่งสู่จุดหมายที่อลาสก้า เป็นอันสิ้นสุด
จากนั้นผมก็บินกลับเมืองไทย ส่วนรถผมก็ให้เพื่อนส่งลงเรือตามมา สรุปแล้วรวมระยะเวลากว่า 5 เดือน ใช้เงินไป 4 ล้านกว่าบาท สมใจ แล้วก็แน่นอนว่ากลับมาก็ตกงาน จึงเริ่มตั้งบริษัท จดทะเบียน ดำเนินการอย่างจริงจัง ในปี 2001

แล้วทุกวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
ทุกวันนี้ถือว่าพอไหวมีทริปทุกเดือน ซึ่งผมตั้งเป้าไว้เดือนละทริปก็อยู่ได้ สำหรับลูกค้าประจำก็มี อาทิ โตโยต้า, กรังปรีด์, U&I,ชมรมต่างๆ หรือบริษัททั่วไปที่พาพนักงานหรือลูกค้ามาใช้บริการ รวมถึงลูกค้าบุคคลทั่วไปที่อยากจะลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ก็มีมาเรื่อยๆ
ไปไหนได้บ้าง?
จริงๆเราก็ไปมาเกือบทุกที่ในโลก แล้วถ้าคุณอยากไปไหนเราก็จัดให้ได้หมด แต่ก็แน่นอนว่าที่ยากๆก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง แล้วคุณก็สามารถเลือกได้ว่าจะเดินทางแบบไหน เพราะเราแบ่งเป็นทัวร์บิน กับทัวร์ขับรถ ถ้าทัวร์บินก็นั่งเครื่องไปลงประเทศนั้นๆแล้วเช่ารถขับไป อาทิ เส้นทางสายไหม,มองโกเลีย,ไซบีเรีย,แอฟริกา,ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์,อเมริกา,แคนนาดา เป็นต้น
ขณะที่ทัวร์รถก็จะออกเดินทางจากประเทศเรานี่แหละ อาจจะเป็นคาราวาน ไปประเทศใกล้อย่าง เขมร,ลาว,เวียดนาม,พม่า,มาเลเซีย,จีน,ทิเบต ถ้าไกลหน่อยก็ขับไปถึงทวีปยุโรปก็ได้
คิดค่าใช้จ่ายอย่างไร?
ก็อย่างที่บอกว่า ถ้าคุณอยากไปไหนเราจัดให้ได้ แต่ถ้าเป็นที่แปลกๆ หรือประเทศที่ไม่ค่อยมีใครไปก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงหน่อย อย่างถูกสุดที่จัดมา ก็เป็นทริปไป หลี่ผี ประเทศลาว 3วัน 2 คืน ตกหัวละ 5,000-6,000 บาท
ถ้ายกตัวอย่างคาราวานใหญ่ๆ ก็วิ่งจาก กรุงเทพฯไป เส้นทางสายไหม สู่จุดหมายที่เบสแคมป์ (จุดพักก่อนขึ้นยอดเขาเอเวอร์เรสต์ บนเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 5,200 เมตร) กลับมากรุงเทพฯ ระยะเวลา 40 วัน ก็ตกหัวละ 300,000 บาท ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งเอารถของตัวเองไป หรือให้เราหารถให้ก็ได้ โดยจะคิดค่ารถประมาณวันละ 5,000 บาท

ต้องเตรียมอย่างไรบ้างก่อนออกเดินทาง?
การที่ต้องขับรถ 200-300 กิโลเมตรต่อวัน หรือประมาณวันละ 10 ชั่วโมง คุณต้องมีร่างกายที่พร้อม โดยอาจจะออกกำลังกายเพื่อขยายปอด เตรียมรับมือกับทั้งสภาพอากาศ และภูมิประเทศที่แตกต่างจากบ้านเราอย่างสิ้นเชิง
ถ้ามีโรคประจำตัวอะไรก้ต้องเช็คให้ละเอียดนำยาติดตัวไปด้วย ส่วนในกรณีที่เอารถไปเองเราก็จะแนะนำวิธีดูแล และการเตรียมอะไหล่สำรอง ว่าชิ้นไหนมีโอกาสเปลี่ยน ก็ต้องเอาไปให้พร้อม ส่วนเรื่องเอกสารผ่านแดนต่างๆ เราจะจัดการให้ ซึ่งก็ต้องเตรียมตัวก่อนออกเดินทางประมาณ 2 เดือนเป็นอย่างน้อย
ปัญหาของการเดินทางแต่ละครั้งมีอะไรบ้าง?
แน่นอนว่าการเดินทางก็ต้องมีอุปสรรบ้าง แต่เรื่องเส้นทางไม่ค่อยหน้าห่วง เพราะทุกวันนี้เส้นทางค่อนข้างเป็นระบบ และสะดวกมากขึ้น แต่อาจจะมีปํญหาเฉพาะหน้าบ้างอย่างเช่นอุบัติเหตุ หรือปัจจัยอื่นๆที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ฉะนั้นเราต้องเตรียมตัวให้ดีที่สุด
แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างคือจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อฟังเพราะการอยู่ร่วมกันของคนหมู่มากก็ต้องมีปัญหาบ้าง ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าก่อนออกเดินทาง
จุดเด่นของทรานส์ เอเชียคืออะไร?
โดยส่วนตัวผมเป็นคนรักการท่องเที่ยวแบบนี้ แล้วก็ผันมาทำเป็นเป็นธุรกิจ ซึ่งทำให้ผมเข้าใจความรู้สึกของคนเดินทางว่าต้องการอะไร นอกจากนี้เรายังมีทริปแปลกๆให้บริการ ซึ่งเราก็จะเน้นจุดขายที่ทัวร์คาราวานรถยนต์เป็นหลัก แต่อาจจะมีคู่แข่งอยู่บ้าง 2- 3 บริษัทที่ทำอย่างจริงจัง และเขาอาจจะได้เปรียบเราตรงที่มีสื่อ(รายการทีวี)อยู่ในมือ ซึ่งลูกค้าบางรายเขาก็อยากจะออกทีวี
มีโปรเจกท์ หรือเส้นทางใหม่ๆไหม?
ตอนนี้กำลังวางแผนจะทำ “เวนิสตะวันออก สู่เวนิสตะวันตก” โดยจะย้อนรอยการเดินทางของ มาโคโปโล ซึ่งจะใช้เส้นทาง กรุงเทพ-ซีอาน-คาซัคสถาน-อุซเบกิสถาน ผ่านทะเลสาบแคสเปียน ตัดเข้ายุโรปตะวันออก จากนั้นจึงสิ้นสุดที่เวนิส ประเทศอิตาลี
นอกจากนี้ก็มีโปรเจกท์ในฝัน 115 วัน ไปทวีปแอฟริกา ผ่าน 5 ประเทศ ซึ่งตอนนี้กำลังดูจังหวะ และความเหมาะสมอยู่

จากบทสัมภาษณ์ทำให้เราพอจะเห็นทิศทางคร่าวๆ และความน่าสนใจของธุรกิจนี้ ซึ่งถือว่ายังมีผู้เล่นน้อยมากในตลาดบ้านเรา นอกจากนี้คงจะไม่ใช้เรื่องยากอีกต่อไปแล้วถ้าจะขับรถไปไหนสักที่ในโลก
เอาเป็นว่าถ้าใครชอบแล้วอยากจะลองทำสิ่งแปลกสักครั้งในชีวิต ก็สามารถโทรไปพูดคุย ที่เบอร์ 0-2926-1503 ,0-1644-3144 หรือเข้าไปเยี่ยมชมเว็ปของทรานส์ เอเชียก่อนได้ที่www.driveindochina.comแล้วพี่กิตติแกกระซิบว่าจะ ซอกโลก,มุมโลก,ขอบโลก ใครอยากไปไหนบอก ขอแค่มีทาง...ที่เหลือผมจัดให้!
กิตติ นิลถนอม ชายผู้เดินทางมาแล้วทั่วโลก ผ่าสมรภูมิ และอุปสรรคมากมาย เพื่อทำสิ่งที่ตัวเองรัก จนเมื่อถึงจุดหนึ่งสิ่งนั้นมันก็กลับมาตอบแทนเขา ด้วยการตั้ง บริษัท ทรานส์ เอเชีย รูท จำกัด ที่รับจัดการเดินทางแบบคาราวานรถยนต์ โดยสามารถไปได้ทั่วโลก และวันนี้ ผู้จัดการมอเตอร์ริ่ง จะมาเปิดใจ อดีตพนักงานธนาคาร ที่หันมาจับธุรกิจ รับสร้างฝันให้กับนักเดินทางที่ต้องการเติมสีสันให้กับชีวิต
ก่อนอื่นต้องถามว่าเป็นอย่างไรมาอย่างไรถึงมาอยู่จุดนี้ได้?
ผมจบมาตอนอายุ 20 ทำงานธนาคารทหารไทยมา 4 ปี จากนั้นมีโอกาสได้ทำงานที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์อีก10 ปี ในตำแหน่ง สมุห์บัญชี ซึ่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะรวบรวมเพื่อนฝูงขับรถไปเที่ยวกันแบบออฟโรด
แต่สิ่งที่จุดประกายในการลุยเส้นทางต่างประเทศคือ มีอยู่ทริปหนึ่ง ไปจังหวัดน่าน แล้วเห็นป้ายบอกไป คุณหมิง 12 ปันนา ซึ่งพอถามจริงๆแล้ว ชาวบ้านบอกว่าเป็นป้ายหลอก ไม่สามารถเดินทางไปได้ จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจว่าจะต้องหาเส้นทางไปให้ได้
จากนั้นจึงกลับมาหาข้อมูลอยู่ 1 ปี ติดต่อทุกองค์กร ที่เกี่ยวข้อง ทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,ด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเขาบอกไปไม้ได้ แต่เพราะความบังเอิญมีลูกค้าทำธุรกิจอยู่ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย จึงได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งเขาเป็นคนในพื้นที่รู้ทางหนีทีไล่ จึงได้เริ่มเดินทางเมื่อปี 2536
ทริปนี้เป็นครั้งแรกที่ออกลุยเส้นทางต่างประเทศ ก็ได้ผ่านอุกสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเส้นทางสุดโหด(สมัยนั้น),เอกสาร ไปจนถึง เหตุการเฉียดตายอย่างโจรปล้นสะดม
เมื่อกลับมาจากทริปดังกล่าว เราก็ส่งเรื่องไปให้นิตยสารออฟโรด เขาก็เลยตั้งชื่อกลุ่มให้ว่า “มิตรภาพ” จากนั้นก็เริ่มต้นเที่ยวกับ กลุ่มต่างของนิตยสาร ออฟโรด อาทิ กลุ่มจอมพลัง, กลุ่ม 11 เริ่มเข้าป่าทุกอาทิตย์ แต่ถ้ามีเวลา และโอกาสเอื้ออำนวยก็จะข้ามพรมแดนไปลุยเส้นทางประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงบ้าง
ตั้งบริษัท ทรานส์ เอเชีย รูท จำกัด ขึ้นมาได้อย่างไร?
พอสั่งสมประสปการณ์การเดินทางจนเริ่มเป็นที่รู้จัก ก็มีกลุ่มอื่นๆ อยากไปลุยเส้นทางใหม่ๆในแถบบ้านใกล้เรือนเคียงจึงได้พาเขาไป เริ่มจากทริปหนึ่ง ก็ 4- 5 คน มีเก็บค่าใช้จ่ายนิดหน่อย แต่พอกลับมาบวก-ลบ แล้วก็มีกำไร ตอนนั้นก็คิดแล้วว่ามันก็โอเค เราได้ไปเที่ยว แล้วยังได้ทำในสิ่งที่เราชอบ แถมยังสร้างรายได้อีก
โดยตอนนั้น ก็ไปตะลุยมาทั้ง ลาว, เขมร,เวียดนาม, พม่า, แล้วก็เริ่มพัฒนาไปถึง มองโกเลีย, ธิเบต,รัสเซีย
จนกระทั้ง ปี 1998 เริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น ก็มีบริษัทมาจ้าง อาทิ Toyota,U&I จึงเริ่มทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง ซึ่งต้องมีการจดทะเบียนตั้งบริษัท ขอใบอนุญาตจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
แต่ในช่วงแรกเราขอใช้เลขที่ใบอนุญาต จากบริษัทอื่นก่อน ซึ่งเป็นบริษัทที่รู้จักกัน ก็ตกปีละ 3- 4 ทริป แต่ช่วงนั้นก็ยังทำงาน ธนาคารควบคู่ไปด้วย
จากนั้นปี 2001 ถึงเวลาต้องตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร เพราะงานเริ่มมีมากขึ้น จะลาออกจากงานประจำก็ยังไม่กล้า ซึ่งคิดว่าถ้าทำได้ดีก็ดีไป ทำไม่ได้ก็ตาย ไหนจะมีภาระต้องดูแลครอบครัว ดูแลลูก ซึ่งงานที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ก็มั่นคง และมีสวัสดิการดี
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ตรงที่ ในปีเดียวกันนี้ผมมีโปรเจกท์ยักษ์ คือมีแผนที่จะเดินทางรอบโลก แล้วถ้าออกเดินทางคงต้องใช้เวลาหลายเดือน จึงต้องปรึกษาทั้งเพื่อน และ หัวหน้า ว่าจะทำอย่างไรดี ตอนนั้นมีแต่คนทักว่าบ้าหรือเปล่า เพราะนอกจากจะเสียงานประจำแล้ว ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกโขที่เดียว ซึ่งลองคำนวณตัวเลขคร่าวๆ แล้วหาเส้นทางที่เซฟที่สุด โดยไปกันแค่ 4 คน รถ 2 คัน ต้องใช้งบประมาณถึง 10 ล้านบาท
ช่วงนั้นก็วุ่นวายมากแต่ก็อยากไป จึงช่วยกันหาสปอนเซอร์ ก็ได้เงินมาประมาณ แสนกว่าบาท แต่ก็ดิ้นรนไปจนได้ โดยออกเดินทางในวันที่ 27 เมษายน 2001 ใช้ โตโยต้า ไทเกอร์ กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ ขับไปประเทศมาเลเซีย แล้วลงลงเรือไปอินเดีย เข้าปากีสถาน-ตุรกี-กรีซ-อิตาลี แต่เมื่อถึงตรงนี้ก็มีปัญหานิดหน่อย คือมีความคิดไม่ตรงกันในกลุ่ม เงินก็แทบจะไม่เหลือ จึงทำให้ผมต้องบินกลับเมืองไทย
พอกลับมาได้ไม่กี่วันเพื่อนที่เป็นฝรั่ง เขาไม่ได้กลับมาด้วย บอกว่ามีวิธีจะส่งรถข้ามไปอเมริกาแล้วขับไปกันต่อ ผมก็ตกลงจึงบินไปลงชิคาโก ขับรถเข้าไปแคนนาดา ผ่าน ARCTIC CIRCLE มุ่งสู่จุดหมายที่อลาสก้า เป็นอันสิ้นสุด
จากนั้นผมก็บินกลับเมืองไทย ส่วนรถผมก็ให้เพื่อนส่งลงเรือตามมา สรุปแล้วรวมระยะเวลากว่า 5 เดือน ใช้เงินไป 4 ล้านกว่าบาท สมใจ แล้วก็แน่นอนว่ากลับมาก็ตกงาน จึงเริ่มตั้งบริษัท จดทะเบียน ดำเนินการอย่างจริงจัง ในปี 2001
แล้วทุกวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
ทุกวันนี้ถือว่าพอไหวมีทริปทุกเดือน ซึ่งผมตั้งเป้าไว้เดือนละทริปก็อยู่ได้ สำหรับลูกค้าประจำก็มี อาทิ โตโยต้า, กรังปรีด์, U&I,ชมรมต่างๆ หรือบริษัททั่วไปที่พาพนักงานหรือลูกค้ามาใช้บริการ รวมถึงลูกค้าบุคคลทั่วไปที่อยากจะลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ก็มีมาเรื่อยๆ
ไปไหนได้บ้าง?
จริงๆเราก็ไปมาเกือบทุกที่ในโลก แล้วถ้าคุณอยากไปไหนเราก็จัดให้ได้หมด แต่ก็แน่นอนว่าที่ยากๆก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง แล้วคุณก็สามารถเลือกได้ว่าจะเดินทางแบบไหน เพราะเราแบ่งเป็นทัวร์บิน กับทัวร์ขับรถ ถ้าทัวร์บินก็นั่งเครื่องไปลงประเทศนั้นๆแล้วเช่ารถขับไป อาทิ เส้นทางสายไหม,มองโกเลีย,ไซบีเรีย,แอฟริกา,ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์,อเมริกา,แคนนาดา เป็นต้น
ขณะที่ทัวร์รถก็จะออกเดินทางจากประเทศเรานี่แหละ อาจจะเป็นคาราวาน ไปประเทศใกล้อย่าง เขมร,ลาว,เวียดนาม,พม่า,มาเลเซีย,จีน,ทิเบต ถ้าไกลหน่อยก็ขับไปถึงทวีปยุโรปก็ได้
คิดค่าใช้จ่ายอย่างไร?
ก็อย่างที่บอกว่า ถ้าคุณอยากไปไหนเราจัดให้ได้ แต่ถ้าเป็นที่แปลกๆ หรือประเทศที่ไม่ค่อยมีใครไปก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงหน่อย อย่างถูกสุดที่จัดมา ก็เป็นทริปไป หลี่ผี ประเทศลาว 3วัน 2 คืน ตกหัวละ 5,000-6,000 บาท
ถ้ายกตัวอย่างคาราวานใหญ่ๆ ก็วิ่งจาก กรุงเทพฯไป เส้นทางสายไหม สู่จุดหมายที่เบสแคมป์ (จุดพักก่อนขึ้นยอดเขาเอเวอร์เรสต์ บนเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 5,200 เมตร) กลับมากรุงเทพฯ ระยะเวลา 40 วัน ก็ตกหัวละ 300,000 บาท ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งเอารถของตัวเองไป หรือให้เราหารถให้ก็ได้ โดยจะคิดค่ารถประมาณวันละ 5,000 บาท
ต้องเตรียมอย่างไรบ้างก่อนออกเดินทาง?
การที่ต้องขับรถ 200-300 กิโลเมตรต่อวัน หรือประมาณวันละ 10 ชั่วโมง คุณต้องมีร่างกายที่พร้อม โดยอาจจะออกกำลังกายเพื่อขยายปอด เตรียมรับมือกับทั้งสภาพอากาศ และภูมิประเทศที่แตกต่างจากบ้านเราอย่างสิ้นเชิง
ถ้ามีโรคประจำตัวอะไรก้ต้องเช็คให้ละเอียดนำยาติดตัวไปด้วย ส่วนในกรณีที่เอารถไปเองเราก็จะแนะนำวิธีดูแล และการเตรียมอะไหล่สำรอง ว่าชิ้นไหนมีโอกาสเปลี่ยน ก็ต้องเอาไปให้พร้อม ส่วนเรื่องเอกสารผ่านแดนต่างๆ เราจะจัดการให้ ซึ่งก็ต้องเตรียมตัวก่อนออกเดินทางประมาณ 2 เดือนเป็นอย่างน้อย
ปัญหาของการเดินทางแต่ละครั้งมีอะไรบ้าง?
แน่นอนว่าการเดินทางก็ต้องมีอุปสรรบ้าง แต่เรื่องเส้นทางไม่ค่อยหน้าห่วง เพราะทุกวันนี้เส้นทางค่อนข้างเป็นระบบ และสะดวกมากขึ้น แต่อาจจะมีปํญหาเฉพาะหน้าบ้างอย่างเช่นอุบัติเหตุ หรือปัจจัยอื่นๆที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ฉะนั้นเราต้องเตรียมตัวให้ดีที่สุด
แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างคือจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อฟังเพราะการอยู่ร่วมกันของคนหมู่มากก็ต้องมีปัญหาบ้าง ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าก่อนออกเดินทาง
จุดเด่นของทรานส์ เอเชียคืออะไร?
โดยส่วนตัวผมเป็นคนรักการท่องเที่ยวแบบนี้ แล้วก็ผันมาทำเป็นเป็นธุรกิจ ซึ่งทำให้ผมเข้าใจความรู้สึกของคนเดินทางว่าต้องการอะไร นอกจากนี้เรายังมีทริปแปลกๆให้บริการ ซึ่งเราก็จะเน้นจุดขายที่ทัวร์คาราวานรถยนต์เป็นหลัก แต่อาจจะมีคู่แข่งอยู่บ้าง 2- 3 บริษัทที่ทำอย่างจริงจัง และเขาอาจจะได้เปรียบเราตรงที่มีสื่อ(รายการทีวี)อยู่ในมือ ซึ่งลูกค้าบางรายเขาก็อยากจะออกทีวี
มีโปรเจกท์ หรือเส้นทางใหม่ๆไหม?
ตอนนี้กำลังวางแผนจะทำ “เวนิสตะวันออก สู่เวนิสตะวันตก” โดยจะย้อนรอยการเดินทางของ มาโคโปโล ซึ่งจะใช้เส้นทาง กรุงเทพ-ซีอาน-คาซัคสถาน-อุซเบกิสถาน ผ่านทะเลสาบแคสเปียน ตัดเข้ายุโรปตะวันออก จากนั้นจึงสิ้นสุดที่เวนิส ประเทศอิตาลี
นอกจากนี้ก็มีโปรเจกท์ในฝัน 115 วัน ไปทวีปแอฟริกา ผ่าน 5 ประเทศ ซึ่งตอนนี้กำลังดูจังหวะ และความเหมาะสมอยู่
จากบทสัมภาษณ์ทำให้เราพอจะเห็นทิศทางคร่าวๆ และความน่าสนใจของธุรกิจนี้ ซึ่งถือว่ายังมีผู้เล่นน้อยมากในตลาดบ้านเรา นอกจากนี้คงจะไม่ใช้เรื่องยากอีกต่อไปแล้วถ้าจะขับรถไปไหนสักที่ในโลก
เอาเป็นว่าถ้าใครชอบแล้วอยากจะลองทำสิ่งแปลกสักครั้งในชีวิต ก็สามารถโทรไปพูดคุย ที่เบอร์ 0-2926-1503 ,0-1644-3144 หรือเข้าไปเยี่ยมชมเว็ปของทรานส์ เอเชียก่อนได้ที่www.driveindochina.comแล้วพี่กิตติแกกระซิบว่าจะ ซอกโลก,มุมโลก,ขอบโลก ใครอยากไปไหนบอก ขอแค่มีทาง...ที่เหลือผมจัดให้!