ข่าวในประเทศ - นับถอยหลังไม่เกินปลายเดือนตุลาคมนี้ เศรษฐีไทยเตรียมสัมผัส เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ รุ่นพวงมาลัยขวาครั้งแรกในโลก เพราะล่าสุดเดมเลอร์ไครสเลอร์นำเข้ามาถึงเมืองไทยแล้ว 2 คัน และร่นเวลาเปิดตัวสู่ตลาดเร็วขึ้นหลายเดือนทีเดียว เพราะงานนี้หวังเอาคืนเกรย์มาร์เก็ตคู่แค้นเต็มที่
โดยเริ่มทำตลาดกับรุ่นเอส350 (S350) 3.5 ลิตร 272 แรงม้า ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัยใหม่ล่าสุด ขนาดคู่แข่งในคลาสเดียวกันยังต้องหลบให้ แต่ลูกค้าก็ต้องยอมแลกกับค่าตัวที่เพิ่มเป็นกว่า 11 ล้านบาท ส่วนผู้ที่ต้องการซื้อในราคาย่อมเยากว่านี้ ต้องรอรุ่นประกอบในประเทศ (CKD) ปลายปีหน้าโน้น

ตลาดรถยนต์ไทยเดมเลอร์ไครสเลอร์ให้ความสำคัญอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการแนะนำรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ โฉมใหม่ รุ่นพวงมาลัยขวาสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในโลก ที่ประเทศไทยอยู่ตลอดเวลา หรือเมื่อเดือนที่ผ่านมาก็เพิ่งประกาศแผนประกอบซีเคดีรุ่นเอ-คลาสในไทยไป ซึ่งถือว่าเป็นแห่งแรกในโลก ที่ทำการประกอบรถรุ่นนี้นอกประเทศเยอรมนี เรียกว่าโมเดลหลักๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ว่าจะเป็นซี-คลาส, อี-คลาส และเอส-คลาส ล้วนประกอบในไทยทั้งหมด และเอ-คลาสที่เพิ่งเพิ่มไลน์เข้ามาอีกรุ่น...
ในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เดมเลอร์ไครสเลอร์ได้มีการแนะนำ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ รุ่นพวงมาลัยซ้ายสู่ตลาด ซึ่งถือเป็นไฮไลต์สำคัญของค่ายดาวสามแฉกในปีนี้ทีเดียว
ดังนั้นเอส-คลาสใหม่จึงถูกจับตามองจากตลาดรถยนต์ทั่วโลกว่า จะมีการนำมาเปิดตัวในประเทศตัวเองเมื่อไหร่ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ในภูมิภาคเอเชียมีการเปิดตัวรุ่นพวงมาลัยซ้ายไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศไต้หวัน และเกาหลีไต้ เหตุนี้จึงน่าสนใจว่า... ประเทศไทยจะเปิดตัวเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ เมื่อไหร่?
ตามแผนของเดมเลอร์ไครสเลอร์ จะมีการแนะนำเอส-คลาส โฉมใหม่ ช่วงเดือนมีนาคมที่ประเทศอังกฤษ แต่ด้วยความสำคัญของตลาดไทย จึงมีการพยายามดึงรถรุ่นนี้มาเปิดตัวในไทย และร่นเวลาเร็วขึ้นมาเป็นปลายปีนี้แทน

การที่เดมเลอร์ไครสเลอร์ ประเทศไทย ต้องการนำเข้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ เข้ามาเปิดตัวในไทยครั้งแรกในโลก และเปลี่ยนเวลาเปิดตัวเร็วขึ้น นอกจากมองเห็นความสำคัญของตลาดไทยแล้ว ยังเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ เดมเลอร์ไครสเลอร์ ประเทศไทย จะย่อมไม่ได้!
เพราะเมื่อปีที่แล้วถูกลูบคมจาก "เอส.อี.ซี.กรุ๊ป" ค่ายผู้นำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต ที่ชิงนำรถยนต์สปอร์ต 4 ประตูรูปแบบใหม่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส (CLS) รุ่นพวงมาลัย มาเปิดตัวตัดหน้าเดมเลอร์ไครสเลอร์ ประเทศไทย ไปในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ซึ่งเดมเลอร์ไครสเลอร์เองก็วางแผนที่จะนำรถรุ่นนี้มาเปิดตัวในไทยครั้งแรกในโลกเช่นกัน แต่เป็นช่วงงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ปลายเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา
เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ครั้งนี้เดมเลอร์ไครสเลอร์จึงเตรียมนำ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ รุ่นพวงมาลัยขวามาเปิดตัวในไทย ช่วงปลายเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยขณะนี้เอส-คลาสใหม่พวงมาลัยขวาได้มาถึงไทยแล้ว 2 คัน ซึ่งรุ่นที่นำเข้ามาเป็น เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นเอส350 (S350) เครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3,500 ซีซี 272 แรงม้า และถือว่าเป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยสุดๆ มารวมไว้เหนือยี่ห้อคู่แข่งอีก ทำให้เคาะราคาออกมากว่า 11 ล้านบาท (ราคาเดิม 10.5 ล้านบาท)

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ เปิดตัวสู่ตลาดโลกอย่างเป็นทางการ ในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2005 ที่ประเทศเยอรมนี ภายใต้รหัสตัวถังดับเบิลยู 221 (W221) ซึ่งมาแทนรหัสเดิมของรุ่นดับเบิลยู220(W220) ที่เปิดตัวมาตั้งปี 1998 ด้วยภาพลักษณ์ที่สลัดคราบเดิมสิ้นเชิง แต่ยังเน้นความสปอร์ต และเพิ่มความหรูหราลงตัวมากขึ้น
ไฟคู่หน้าเปลี่ยนรูปทรงใหม่มาเป็นแบบเหลี่ยมเฉียง ดูแล้วน่าจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ อาจนำมาใช้กับรถยนต์รุ่นรองๆ ลงมา เช่น ซี-คลาส หรืออี-คลาสรุ่นใหม่ ด้านท้ายเสริมความบึกบึนด้วยโป่งซุ้มล้อหลัง และรูปทรงของฝากระโปรงท้าย เป็นแบบลาดเทลงด้านหลัง ที่ชวนให้นึกถึงรถยนต์ซูเปอร์หรูอย่างมายบัค 57/62
ขนาดตัวถังได้รับการขยายใหญ่ขึ้นจากรุ่นเดิม เช่น ความยาวในรุ่นปกติ 5,076 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 33 มิลลิเมตร) และ 5,206 มิลลิเมตรในรุ่นฐานล้อยาว (+43 มิลลิเมตร) ความกว้างเพิ่มขึ้น 16 มิลลิเมตรเป็น 1,871 มิลลิเมตร ความสูงเพิ่มขึ้น 29 มิลลิเมตร เป็น 1,473 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อมีขนาด 3,035 และ 3,165 มิลลิเมตรตามลำดับ (+ 70 และ 80 มิลลิเมตร)
เครื่องยนต์ที่ทำตลาดมี 4 รุ่น เป็นเบนซินทั้งคู่ คือ เอส350 วางเครื่องยนต์ วี6 ขนาด 3,500 ซีซีบล็อกเดียวกับที่วางอยู่ในอี-คลาส และเอสแอลเค มีกำลังสูงสุด 272 แรงม้า ตามด้วยเครื่องยนต์ วี8 ตัวแรงมีความจุ 5,000 ซีซี 388 แรงม้า และปิดท้ายในส่วนของเบนซินกับรุ่นเอส600 วางเครื่องยนต์ วี12 ขนาด 6,000 ซีซี 512 แรงม้า ขณะที่หนึ่งเดียวของเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล เป็นรุ่นเอส320 ซีดีไอ วี6 3,200 ซีซี 231 แรงม้า

ทุกรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและส่งกำลัง ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ หรือ 7จี-ทรอนิก และติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบถุงลม หรือแอร์เมติกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งเมื่อใช้ความเร็วเกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมงระบบจะสั่งลดความสูงลงอีก 20 มิลลิเมตรจากความสูงปกติ เพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น ส่วนระบบลดอาการโคลงของตัวถัง หรือเอบีซี เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะรุ่นเอส600
เอส-คลาสใหม่มีจุดเด่นที่เหนือระดับจาก บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 และออดี้ เอ8 คือนวัตกรรมทันสมัยที่นำมาติดตั้งมากมาย เช่น ระบบไฟเบรกปรับระดับได้ Adaptive Brake Light, ระบบพรีเซฟตี้ที่ได้รับการพัฒนาเป็นรุ่นที่ 2 ซึ่งจะเป็นระบบเตรียมพร้อมก่อนการชน, ระบบไนท์วิชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองยามค่ำคืนโดยอาศัยแสงอินฟาเรดในการตรวจจับมีรัศมีในการทำงานจากด้านหน้ารถ 150 เมตร
กล้องด้านท้ายตัวรถสำหรับช่วยในการถอยหลัง, ระบบดิสทรอนิก พลัส ซึ่งเป็นครูสคอนโทรลอัจฉริยะสามารถตั้งค่าความเร็วได้ตั้งแต่ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง และผันแปรระยะห่างจากรถยนต์คันหน้าตามความเหมาะสมและสภาพการจราจร หรือระบบเบรก แอสซิส์ พลัส ซึ่งจะทำงานคู่กับระบบเบรกมืออิเล็กทรอนิกส์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการเบรก โดยเฉพาะในช่วงเวลากะทันหัน
เรียกว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ล้วนมารวมกันอยู่ในเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ จึงไม่แปลกที่ราคาจะพุ่งพรวดขึ้นไปกว่า 11 ล้านบาท ส่วนผู้ที่ต้องการรุ่นที่มีราคาย่อมเยากว่านี้ คงต้องอดใจสักหน่อย เพราะรถรุ่นประกอบในประเทศ (CKD) จะออกมาช่วงปลายปีหน้าโน้น
โดยเริ่มทำตลาดกับรุ่นเอส350 (S350) 3.5 ลิตร 272 แรงม้า ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัยใหม่ล่าสุด ขนาดคู่แข่งในคลาสเดียวกันยังต้องหลบให้ แต่ลูกค้าก็ต้องยอมแลกกับค่าตัวที่เพิ่มเป็นกว่า 11 ล้านบาท ส่วนผู้ที่ต้องการซื้อในราคาย่อมเยากว่านี้ ต้องรอรุ่นประกอบในประเทศ (CKD) ปลายปีหน้าโน้น
ตลาดรถยนต์ไทยเดมเลอร์ไครสเลอร์ให้ความสำคัญอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการแนะนำรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ โฉมใหม่ รุ่นพวงมาลัยขวาสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในโลก ที่ประเทศไทยอยู่ตลอดเวลา หรือเมื่อเดือนที่ผ่านมาก็เพิ่งประกาศแผนประกอบซีเคดีรุ่นเอ-คลาสในไทยไป ซึ่งถือว่าเป็นแห่งแรกในโลก ที่ทำการประกอบรถรุ่นนี้นอกประเทศเยอรมนี เรียกว่าโมเดลหลักๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ว่าจะเป็นซี-คลาส, อี-คลาส และเอส-คลาส ล้วนประกอบในไทยทั้งหมด และเอ-คลาสที่เพิ่งเพิ่มไลน์เข้ามาอีกรุ่น...
ในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เดมเลอร์ไครสเลอร์ได้มีการแนะนำ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ รุ่นพวงมาลัยซ้ายสู่ตลาด ซึ่งถือเป็นไฮไลต์สำคัญของค่ายดาวสามแฉกในปีนี้ทีเดียว
ดังนั้นเอส-คลาสใหม่จึงถูกจับตามองจากตลาดรถยนต์ทั่วโลกว่า จะมีการนำมาเปิดตัวในประเทศตัวเองเมื่อไหร่ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ในภูมิภาคเอเชียมีการเปิดตัวรุ่นพวงมาลัยซ้ายไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศไต้หวัน และเกาหลีไต้ เหตุนี้จึงน่าสนใจว่า... ประเทศไทยจะเปิดตัวเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ เมื่อไหร่?
ตามแผนของเดมเลอร์ไครสเลอร์ จะมีการแนะนำเอส-คลาส โฉมใหม่ ช่วงเดือนมีนาคมที่ประเทศอังกฤษ แต่ด้วยความสำคัญของตลาดไทย จึงมีการพยายามดึงรถรุ่นนี้มาเปิดตัวในไทย และร่นเวลาเร็วขึ้นมาเป็นปลายปีนี้แทน
การที่เดมเลอร์ไครสเลอร์ ประเทศไทย ต้องการนำเข้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ เข้ามาเปิดตัวในไทยครั้งแรกในโลก และเปลี่ยนเวลาเปิดตัวเร็วขึ้น นอกจากมองเห็นความสำคัญของตลาดไทยแล้ว ยังเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ เดมเลอร์ไครสเลอร์ ประเทศไทย จะย่อมไม่ได้!
เพราะเมื่อปีที่แล้วถูกลูบคมจาก "เอส.อี.ซี.กรุ๊ป" ค่ายผู้นำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต ที่ชิงนำรถยนต์สปอร์ต 4 ประตูรูปแบบใหม่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส (CLS) รุ่นพวงมาลัย มาเปิดตัวตัดหน้าเดมเลอร์ไครสเลอร์ ประเทศไทย ไปในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ซึ่งเดมเลอร์ไครสเลอร์เองก็วางแผนที่จะนำรถรุ่นนี้มาเปิดตัวในไทยครั้งแรกในโลกเช่นกัน แต่เป็นช่วงงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ปลายเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา
เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ครั้งนี้เดมเลอร์ไครสเลอร์จึงเตรียมนำ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ รุ่นพวงมาลัยขวามาเปิดตัวในไทย ช่วงปลายเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยขณะนี้เอส-คลาสใหม่พวงมาลัยขวาได้มาถึงไทยแล้ว 2 คัน ซึ่งรุ่นที่นำเข้ามาเป็น เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นเอส350 (S350) เครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3,500 ซีซี 272 แรงม้า และถือว่าเป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยสุดๆ มารวมไว้เหนือยี่ห้อคู่แข่งอีก ทำให้เคาะราคาออกมากว่า 11 ล้านบาท (ราคาเดิม 10.5 ล้านบาท)
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ เปิดตัวสู่ตลาดโลกอย่างเป็นทางการ ในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2005 ที่ประเทศเยอรมนี ภายใต้รหัสตัวถังดับเบิลยู 221 (W221) ซึ่งมาแทนรหัสเดิมของรุ่นดับเบิลยู220(W220) ที่เปิดตัวมาตั้งปี 1998 ด้วยภาพลักษณ์ที่สลัดคราบเดิมสิ้นเชิง แต่ยังเน้นความสปอร์ต และเพิ่มความหรูหราลงตัวมากขึ้น
ไฟคู่หน้าเปลี่ยนรูปทรงใหม่มาเป็นแบบเหลี่ยมเฉียง ดูแล้วน่าจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ อาจนำมาใช้กับรถยนต์รุ่นรองๆ ลงมา เช่น ซี-คลาส หรืออี-คลาสรุ่นใหม่ ด้านท้ายเสริมความบึกบึนด้วยโป่งซุ้มล้อหลัง และรูปทรงของฝากระโปรงท้าย เป็นแบบลาดเทลงด้านหลัง ที่ชวนให้นึกถึงรถยนต์ซูเปอร์หรูอย่างมายบัค 57/62
ขนาดตัวถังได้รับการขยายใหญ่ขึ้นจากรุ่นเดิม เช่น ความยาวในรุ่นปกติ 5,076 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 33 มิลลิเมตร) และ 5,206 มิลลิเมตรในรุ่นฐานล้อยาว (+43 มิลลิเมตร) ความกว้างเพิ่มขึ้น 16 มิลลิเมตรเป็น 1,871 มิลลิเมตร ความสูงเพิ่มขึ้น 29 มิลลิเมตร เป็น 1,473 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อมีขนาด 3,035 และ 3,165 มิลลิเมตรตามลำดับ (+ 70 และ 80 มิลลิเมตร)
เครื่องยนต์ที่ทำตลาดมี 4 รุ่น เป็นเบนซินทั้งคู่ คือ เอส350 วางเครื่องยนต์ วี6 ขนาด 3,500 ซีซีบล็อกเดียวกับที่วางอยู่ในอี-คลาส และเอสแอลเค มีกำลังสูงสุด 272 แรงม้า ตามด้วยเครื่องยนต์ วี8 ตัวแรงมีความจุ 5,000 ซีซี 388 แรงม้า และปิดท้ายในส่วนของเบนซินกับรุ่นเอส600 วางเครื่องยนต์ วี12 ขนาด 6,000 ซีซี 512 แรงม้า ขณะที่หนึ่งเดียวของเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล เป็นรุ่นเอส320 ซีดีไอ วี6 3,200 ซีซี 231 แรงม้า
ทุกรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและส่งกำลัง ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ หรือ 7จี-ทรอนิก และติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบถุงลม หรือแอร์เมติกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งเมื่อใช้ความเร็วเกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมงระบบจะสั่งลดความสูงลงอีก 20 มิลลิเมตรจากความสูงปกติ เพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น ส่วนระบบลดอาการโคลงของตัวถัง หรือเอบีซี เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะรุ่นเอส600
เอส-คลาสใหม่มีจุดเด่นที่เหนือระดับจาก บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 และออดี้ เอ8 คือนวัตกรรมทันสมัยที่นำมาติดตั้งมากมาย เช่น ระบบไฟเบรกปรับระดับได้ Adaptive Brake Light, ระบบพรีเซฟตี้ที่ได้รับการพัฒนาเป็นรุ่นที่ 2 ซึ่งจะเป็นระบบเตรียมพร้อมก่อนการชน, ระบบไนท์วิชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองยามค่ำคืนโดยอาศัยแสงอินฟาเรดในการตรวจจับมีรัศมีในการทำงานจากด้านหน้ารถ 150 เมตร
กล้องด้านท้ายตัวรถสำหรับช่วยในการถอยหลัง, ระบบดิสทรอนิก พลัส ซึ่งเป็นครูสคอนโทรลอัจฉริยะสามารถตั้งค่าความเร็วได้ตั้งแต่ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง และผันแปรระยะห่างจากรถยนต์คันหน้าตามความเหมาะสมและสภาพการจราจร หรือระบบเบรก แอสซิส์ พลัส ซึ่งจะทำงานคู่กับระบบเบรกมืออิเล็กทรอนิกส์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการเบรก โดยเฉพาะในช่วงเวลากะทันหัน
เรียกว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ล้วนมารวมกันอยู่ในเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส โฉมใหม่ จึงไม่แปลกที่ราคาจะพุ่งพรวดขึ้นไปกว่า 11 ล้านบาท ส่วนผู้ที่ต้องการรุ่นที่มีราคาย่อมเยากว่านี้ คงต้องอดใจสักหน่อย เพราะรถรุ่นประกอบในประเทศ (CKD) จะออกมาช่วงปลายปีหน้าโน้น