xs
xsm
sm
md
lg

"สยามกลการ"จากเศษเหล็กสู่ธุรกิจหมื่นล้าน(ตอนจบ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สยามกลการดำเนินกิจการและขยายงานในธุรกิจออกไปเรื่อยๆ จนถึงในช่วงเศรษฐกิจขาลงในช่วงนั้น ประสบวิกฤตอย่างหนัก บริษัทในเครือต่างๆขาดทุนกันถ้วนหน้า ดร.ถาวร จึงได้ดึงตัวนายนุกูล ประจวบเหมาะ เข้ามาช่วยบริหารงานเพื่อแก้ไขและกู้สถานการณ์วิกฤตทางการเงินของสยามกลการ ซึ่งก็ใช้เวลาระยะสั้นๆในการเข้ามาบริหารงานและสามารถกอบกู้สถานการณ์ทาการเงินของสยามกลการกลับเข้าสู่สภาพปกติและมั่นคงอีกครั้ง

เมื่อเวลาผ่านไป อายุขัยคนเราย่อมมากขึ้น การบริหารงานก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนบุคลากร จากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่ จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ภายหลังจากท่าน ดร.ถาวร พรประภา มีอายุที่มากขึ้น อีกทั้งสุขภาพย่ำแย่ลงตามกาลเวลา ผู้ที่เข้ามาคุ้มบังเหียน ดูแลกิจการของสยามกลการที่ในขณะนั้นมีบริษัทลูกในเครือกว่า 40 บริษัท ต่อจากผู้เป็นพ่อ ก็คือ คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช

การเข้ามาบริหารงานของคุณหญิงพรทิพย์ ในช่วงนั้น ถือเป็นช่วงบูมอีกช่วงหนึ่งของสยามกลการ โดยเฉพาะในเรื่องของรถยนต์นิสสันที่อยู่ในช่วงขาขึ้นสามารถทำยอดขายได้เป็นอันดับที่ 3 ของตลาดรถยนต์เมืองไทยในขณะนั้น เป็นรองแค่โตโยต้า และอีซูซุ เนื่องจากกำลังการผลิตของนิสสันนั้นน้อยกว่า คุณหญิงพรทิพย์ ได้เป็นผู้ริเริ่มกิจกรรมส่งเสริมภาพพจน์ของรถยนต์นิสสันให้ดีขึ้น ด้วยโครงการต่างๆ ที่เห็นจะโดดเด่นมากในช่วงนั้นก็คือ โครงการ “ถนนน้ำใจ” ที่ออกมารณรงค์ให้คนไทยมีน้ำใจในการขับรถแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน หากยังจำกันได้จะมีโฆษณาที่สยามกลการโหมโปรโมทโครงการนี้ ด้วยภาพของเด็กที่ประสบอุบัติเหตุนั่งอยู่บนรถเข็น รวมถึงตัวแมซค็อทที่เป็นช้างน้อย ช้างโหน่งแต่งตัวเป็นเด็กนักเรียน เป็นสติ๊กเกอร์ติดอยู่ที่รถของนิสสันทุกรุ่น

รวมถึงการรุกวงการมอเตอร์สปอร์ตของนิสสัน ซึ่งนับเป็นเจ้าแรกๆของบริษัทรถยนต์ที่บุกเบิกวงการมอเตอร์สปอร์ตในเมืองไทย โดยมี นายพินิจ พรประภา ที่มีตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ในขณะนั้นเป็นผู้แล ซึ่งสร้างชื่อให้กับรถยนต์นิสสันในช่วงปี 2532-2535 ได้เป็นอย่างมาก
ชื่อของสยามกลการในช่วงการดูแลของคุณหญิงพรทิพย์ มิได้โดดเด่นในเรื่องของธุรกิจรถยนต์นิสสันเพียงอย่างเดียว ด้วยความที่เป็นผู้ทีชื่นชอบในเสียงดนตรีของคุณหญิงพรทิพย์ จึงได้จัดให้มีการประกวดร้องเพลงระดับประเทศ ภายใต้ชื่อ นิสสัน อวอร์ด และระดับยุวชน ยามาฮ่า อวอร์ด หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่าการประกวดร้องเพลงสยามกลการ ที่ถึงวันนี้สร้างนักร้องระดับประเทศแล้วหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เบิร์ด ธงชัย แมคอินไตย ,นันทิดา แก้วบัวสาย , รวิวรรณ จินดา หรือจะเป็น ทาทา ยัง ก็ผ่านการเป็นแชมป์จากการประกวดรายการนี้ ซึ่งถือว่าเป็นภาพที่ติดหูติดตากับคนทั่วไป

การบริหารงานสยามกลการของ คุณหญิงพรทิพย์ นั้นใช้เงินไปกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมภาพพจน์ต่างๆเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องของการประกวดร้องเพลงที่ใช้เงินในแต่ละครั้งกว่า 50 ล้านบาท อีกทั้งยังมีการขยายงานบริษัทต่างๆรวมถึงการขยายจำนวนบริษัทในเครือเพิ่มมากขึ้น จนทำให้การบริหารงานควบคุมไม่ทั่วถึง ส่งผลให้เกิดการคอร์รัปชั่นภายในบริษัทฯในเครือและสาขาต่างๆสร้างความเสียหายให้กับ สยามกลการอย่างมาก สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ถือหุ้นของสยามกลการ

จนประมาณปี 2538 ดร.พรเทพ พรประภา น้องชายได้รับมอบหมายจาก ดร.ถาวร ให้เข้ามาดูแลงานสยามกลการแทนพี่สาว โดยลดบทบาทการบริหารงานของคุณหญิงพรทิพย์ลง ซึ่งก็สร้างความปั่นปวนให้กับสยามกลการในยุคนั้นอย่างมาก เพราะทั้งปัญหาเรื่องของธุรกิจแล้ว ยังมีปัญหาภายในที่ต้องแก้ไข จนเป็นศึกสายเลือดที่พาดข่าวหัวหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่นาน จนท้ายที่สุด คุณหญิงพรทิพย์ก็แยกตัวออกจากสยามกลการและนำบริษัท สยามยามาฮ่า จำกัด (ปัจจุบันเป็นบริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัดหลังจากขายหุ้นให้ยามาฮ่าประเทศญี่ปุ่น) และ KPN ออกมาดำเนินธุรกิจเอง

การเข้ามาดำเนินธุรกิจของ ดร.พรเทพ พรประภา เข้ามาในช่วงการเริ่มต้นของเศรษฐกิจขาลง อีกทั้งยังมีปัญหาภายในเรื่องการบริหารงาน จึงมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารและสายงานทั้งหมดให้เข้ารูปเข้ารอย โดยแทบจะไม่มีคนเก่าคนแก่ของคุณหญิงพรทิพย์นั่งบริหารงานเหลืออยู่เลย ในช่วงนั้นเป็นช่วงก่อนที่เศรษฐกิจฟองสบู่

ผลงานชิ้นโบว์แดงของ ดร.พรเทพ คือ เมื่อเข้ามานั่งแป้นผู้บริหาร ก็ได้มีการจัดระบบการบริหารงานใหม่ โดยสั่งยกเลิกระบบสาขาของนิสสัน ให้เป็นระบบดีลเลอร์ และยอมขาดทุนขายพอร์ตหนี้สินของสยามกลการทั้งหมดให้กับบริษัทการเงิน ให้ไปดำเนินการแทน ซึ่งหลังจากที่ปรับเปลี่ยนระบบงานและยกปัญหาหนี้เน่าไปแล้ว เป็นช่วงพอเหมาะพอดีในปี 2540 เศรษฐกิจของไทยกลายเป็นฟองสบู่แตก บรรดาหนี้สินกลายเป็น NPL กันหมด ถือเป็นเรื่องโชคดีของสยามกลการที่ปลดภาระจากบรรดาลูกหนี้ของทางบริษัทไปก่อนหน้านี้ ส่งผลให้สยามกลการได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ไม่หนักมากนัก เพราะหากยังคงลูกหนี้ไว้ คาดว่าความเสียหายคงจะนับหมื่นล้านบาท ถึงตอนนี้สยามกลการคงจะเหลือแต่ชื่อไปแล้ว

ดร.พรเทพ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้สยามกลการกลับฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง ด้วยการบริหารที่ค่อนข้างถึงลูกถึงคน บริษัทในเครือบริษัทไหน ที่เล็งเห็นว่าถ้าดำเนินงานต่อไป คงจะไปไม่รอด ก็จัดการขายหุ้นใหญ่มาถือหุ้นเล็ก เพื่อความอยู่รอด และที่สร้างความฮือฮามากที่สุดในวงการรถยนต์เมืองไทย คือการประกาศขายหุ้นของนิสสันให้กับทาง นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น โดยยอมให้ทางนิสสันมอเตอร์ถือหุ้นใหญ่ 75 % แทนสยามกลการ เพราะคิดว่าถ้ายังยื้อต่อไป การทำตลาดของนิสสันในประเทศไทยก็คงจะตกลงเรื่อยๆ หากให้ทางบริษัทแม่เข้ามาดำเนินงานเองคงจะดีกว่า เพราะในตลาดรถยนต์เมืองไทยแล้ว บริษัทแม่ต่างเข้ามาดำเนินการตลาดในประเทศไทยเอง การแข่งขันที่สูงขึ้น หากระบบการบริหารยังอยู่ในมือของสยามกลการ การแข่งขันกับคู่ต่อสู้คงจะยาก และเมื่อถึงเวลานั้นสยามกลการจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด

นอกจากนั้นโครงการ THINK EARTH ซึ่งเป็นโครงการที่คืนกำไรสู่สังคมไทย ด้วยการพัฒนาและอนุรักษณ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมอันดีของประเทศไทย ก็ยังเป็นผลงานชิ้นสำคัญของ ดร.พรเทพ ที่ทำโครงการตั้งแต่สมัยที่อยู่ บริษัท บางกอกมอเตอร์เวอคส์ จำกัด และนำมาดำเนินโครงการต่อเมื่อเข้ามาดูแลสยามกลการ จนเป็นที่รู้จักในสังคมไทย

ถึงปัจจุบันบทบาทของสยามกลการในนิสสันนั้น ไม่มีแล้วเหลือเพียงผู้ถือหุ้น ธุรกิจอื่นๆในเครือที่เป็นธุรกิจใหญ่ที่เมื่อสมัยก่อนโดนภาพของนิสสันบดบังไว้ ดร.พรเทพ ก็หันกลับมารุกตลาดมาดยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ ยีเอสแบตเตอรี่ โช้คอัพ คายาบา รถตักโคมัตสุ และที่โดดเด่นที่สุดที่ดร.พรเทพให้ความสนใจอย่างมากคือ ธุรกิจของ สยามดนตรียามาฮ่า ที่ต้องการให้เรื่องของธุรกิจดนตรีของสยามกลการกลับมาบูมอีกครั้ง ซึ่งมีการจัดกิจกรรมต่างๆส่งเสริมให้เยาวชนไทยสนใจดนตรีมากยิ่งขึ้น และถือเป็นตัวชูโรงของสยามกลการในปัจจุบัน
ด้านสายงานการบริหาร ดร.พรเทพ ปรับเปลี่ยนทัศนะคติในการทำงานใหม่ ให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนไป ด้วยการนำความทันสมัยเข้ามาสู่สยามกลการ พยายามปรับภาพลักษณ์ของธุรกิจที่หลายคนเรียกว่า ธุรกิจกงสี ให้เป็นธุรกิจที่อินเตอร์มากขึ้น ด้วยการปรับภาพลักษณ์ภายในองค์กรให้ทันสมัย มีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารและพนักงานเปิดกว้างสำหรับคนรุ่นใหม่มากขึ้น จึงไม่แปลกหากจะได้เห็นคนรุ่นใหม่ๆเข้ามาบริหารองค์กรของสยามกลการ ส่วนคนรุ่นเก่าๆก็คงต้องโรยราไปตามเวลา

ถึงตอนนี้แม้จะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนเจเนอเรชั่นการบริหารงานของสยามกลการ แต่ทางดร.พรเทพ ก็พยายามปูทางให้กับทายาทได้เข้ามามีบทบาทในการบริหารงานต่างๆในบริษัทเครือสยามกลการ เพราะเมื่อกาลเวลาผ่านไปทายาทรุ่นใหม่ย่อมเข้ามาแทนซึ่งเป็นวงจรของการบริหารธุรกิจกงสีทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมา ถึงตอนนั้นต้องดูกันว่า สยามกลการ จะก้าวต่อไปในทิศทางไหน............
กำลังโหลดความคิดเห็น