หากจะพูดถึงรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อที่เป็นรถนั่งระดับหรูอาจจะมีหลายยี่ห้อ และรถยนต์ตรา 4 ห่วงจากเมืองเบียร์อย่าง ออดี้ ก็เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออีกเจ้าหนึ่งของโลกภายใต้ชื่อ Audi quattro ซึ่งทาง ออดี้ เอจี ประเทศเยอรมันได้ทำการคิดค้นและพัฒนาระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาครบรอบ 25 ปี ในปีนี้พอดิบพอดี ทางออดี้ เอจี จึงได้จัดงานฉลองความสำเร็จ 25 ปีของ Audi quattro ขึ้นทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในการจัดงานครั้งนี้
โดยมีทาง บริษัท ไทยยานยนต์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ออดี้ เป็นหน้าเสื่อในการจัดงานในประเทศไทยและได้รับการสนับสนุนจากออดี้ เอจี ที่ได้ส่งสุดยอดรถหรูขับเคลื่อน 4 ล้อของออดี้ Audi A8 6.0 quattro และ Audi A6 4.2 quattro มาให้คนไทยได้มีโอกาสสัมผัสกัน ภายใต้ชื่องาน “Audi quattro driving experience” นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนและแขกระดับวีไอพีได้ลองขับได้รับรู้ถึงสมรรถนะที่แท้จริง ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีเพราะรถประเภทนี้ไม่ได้ขับกันได้ง่ายๆ เพราะเป็นรถที่มีราคาสูงและไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งทีมงานของ “มอเตอร์ริ่ง”ก็เป็นหนึ่งที่ได้รับเกียรติในครั้งนี้ จึงพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงที่จะร่วมงานลองขับในครั้งนี้
ในการลองขับในครั้งนี้ ทางออดี้ เอจี ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากประเทศเยอรมัน 2 ท่าน ซึ่งเป็นหนึ่งในนักแข่งรถของทีมออดี้ เอจี เข้ามาอบรมวิธีการและเทคนิคในการขับรถอย่างปลอดภัย เพื่อให้มีทักษะในการขับขี่ที่ถูกต้องกับผู้ร่วมงานทุกท่าน
ก่อนที่จะกล่าวถึงผลการทดลองขับมาทำความรู้จักกับสุดยอดรถขับเคลื่อน 4 ล้อจากออดี้ทั้ง 2 รุ่นกันก่อน เริ่มจาก Audi A6 4.2 quattro ซึ่งเป็นตัวรุ่นท๊อปสุดในซีรี่ส์ของ A6 ที่มีสนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 17 ล้านบาท เป็นรถที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (quattro) ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ V8 DOHC ขนาด 4,163 ซีซี. ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิค Bosch ME7 พร้อมระบบคันเร่งไฟฟ้า ให้แรงม้าสูงถึง 334 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทริปทรอนิค พร้อมระบบ ไดนามิค ชิฟ โปรแกรม และสปอร์ต โปรแกรม ซึ่งสามารถปรับตำแหน่งเกียร์ขึ้น-ลง ได้จากพวงมาลัยเหมือนในรถแข่งฟอร์มูล่า 1
ระบบช่วงล่าง ด้านหน้า แบบอิสระ แบบ 4-link มีเหล็กกันโคลงหน้า ,โช้คอัพและคอยล์สปริง ด้านหลังแบบ trapezoidal link , โช้คอัพและคอยล์สปริง
ระบบเบรกเป็นแบบวงจรไขว้ พร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS จานเบรกหน้า-หลังแบบมีคลีบระบายความร้อน พร้อมระบบ Electromechamical parking brake
อีกรุ่นหนึ่งที่เป็นรุ่นท๊อปสุดของ A8 ที่นำเข้ามาให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับกันครั้งนี้คือ Audi A8 6.0 quattro มีค่าตัวอยู่ที่ 25 ล้านบาท สุดแรงด้วยขุมพลังW12 DOCH ขนาด 5,998 ซีซี. ควบคุมด้วยอิเล็คทรอนิค Bosch ME7.1.1 พร้อมระบบคันเร่งไฟฟ้า ให้แรงม้าสูงถึง 450 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 580 นิวตันเมตรที่ 4,000-4,700 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนติ 6 สปีดทริปทรอนิค พร้อมระบบ ไดนามิค ชิฟ โปรแกรม และสปอร์ต โปรแกรม ซึ่งสามารถปรับตำแหน่งเกียร์ขึ้น-ลง ได้จากพวงมาลัยเหมือนในรถแข่งฟอร์มูล่า 1 เช่นเดียวกับในตัว Audi A6 4.2 quattro
ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แบบ 4-link มีเหล็กกันโคลงหน้า ,โช้คอัพหน้าแบบ Air Suspension ด้านหลังเป็นแบบ trapezoidal link , โช้คอัพ Air Suspension
ระบบเบรกเป็นแบบวงจรไขว้ พร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS จานเบรกหน้า-หลังแบบมีคลีบระบายความร้อน พร้อมระบบ Electromechamical parking brake
โดยรถทั้ง 2 รุ่นนี้ยังได้ติดตั้งระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบกระจาแรงเบรกEBD ช่วยเสริมในเรื่องของการควบคุมการขับขี่ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
สัมผัสความรู้สึกกับ 2 สุดยอดยนตรกรรมจากออดี้
ในการลองขับครั้งนี้ทาง “มอเตอร์ริ่ง” เริ่มจากตัวท๊อปสุดของงานนี้คือ Audi A8 6.0 quattro เมื่อดูจากรูปลักษณ์ภายนอกนั้นดูหรูหรา พอสมควรแต่ถ้าเทียบกับราคา 25 ล้านแล้วต้องบอกว่ามองไม่ออกรูปลักษณ์ภายนอกมีความโดดเด่นเทียบรถหรูค่ายอื่นๆได้ตรงไหน ถึงแม้ว่าจะมีการปรับรูปแบบของกระจังหน้าโฉมใหม่ให้เป็นแบบเอกลักษณ์เฉพาะของออดี้ทั่วโลก แต่ดูจากภายนอกแล้วก็ไม่ค่อยสมราคาสักเท่าไหร่ แต่เมื่อสอบถามจากทางเจ้าหน้าที่ของทางออดี้แล้ว ได้รับคำตอบว่าหากได้ลองขับแล้วจะได้รู้ว่า 25 ล้านบาทนั้นความคุ้มค่าอยู่ตรงไหน
สัมผัสแรกที่ได้เข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ บอกได้ว่าภายในของ Audi A8 6.0 quattro ออกแบบมาได้หรูหราแต่แฝงความเป็นสปอร์ตไว้นิดๆ เบาะนั่งโอบกระชับ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีมาให้ครบครัน
โทนสีภายในทั้งเบาะหนังแท้และตัวคอนโซลทำให้ภายในรถดูกว้างขวาง การดีไซน์ของปุ่มปรับ-สวิทซ์ควบคุมระบบไฟฟ้าต่างๆจัดอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ง่าย ซึ่งแน่นอนรถราคาระดับนี้ความประณีตในการประกอบและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในต่างๆคงไม่จำเป็นต้องพูดถึงมาก เพราะ อุปกรณ์ต่างๆที่รถระดับหรูขนาดนี้ควรมีเจ้า Audi A8 6.0 quattro มีมาให้อย่างครบครัน อาทิระบบ MMI หรือ Multi Media Interface ที่แสดงผลการทำงานระบบต่างๆจากจอมอนิเตอร์ที่เพียงสตารท์เครื่อง จอมอนิเตอร์จะเปิดขึ้นเองจากที่พับซ่อนเก็บอยู่ภายในคอลโซลหน้า หรือจะเป็นปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ไม่จำเป็นต้องเสียบกุญแจ และระบบเบรกมือที่เป็นเพียงปุ่มกดเล็กๆบนคอลโซนกลางสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย จากความคิดเห็นของ “มอเตอร์ริ่ง” ภายในออกแบบได้ดีมากในสายตาของผู้ลองขับในครั้งนี้
สำหรับสมรรถนะในการขับขี่ในการลองขับครั้งนี้ ทางวิศวกรของทางออดี้ กล่าวว่า ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Audi quattro นั้นได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของออดี้จะสามารถกระจายแรงขับเคลื่อนที่เท่ากันทั้ง 4 ล้อ โดยจะกระจายแรงไปล้อละ 25 % ช่วยให้การขับเคลื่อนและการยึดเกาะถนนนั้นดียิ่งขึ้น
ในการลองขับทางออดี้ได้ จำลองสภาพถนนในลักษณะต่างๆ มีทั้งการหักหลบสิ่งกีดขวางกระทันหัน การเข้าโค้งในลักษณะต่างๆ การเบรก และการขับแบบสลาลม เพื่อให้ได้รู้ถึงสมรรถนะช่วงล่างของ Audi A8 6.0 quattro อย่างแท้จริง
เมื่อนั่งประจำตำแหน่งคนขับซึ่งรถรุ่น Audi A8 6.0 quattro ที่นำมาทดลองขับในครั้งนี้เป็นรถพวงมาลัยซ้าย ความรู้สึกจึงไม่ค่อยจะชินเท่าไหร่ นั่งอยู่สักพักพอปรับตัวได้ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกจากรถพวงมาลัยขวาเท่าไหร่ เพียงแค่ใช้มือขวามาปรับตำแหน่งเกียร์เท่านั้น ภายหลังสตาร์เครื่องต้องบอกว่าภายในห้องโดยสารของ Audi A8 6.0 quattro เก็บเสียงได้ดีมาก เสียงเครื่องยนต์ภายในห้องโดยสารแทบไม่ได้ยินเลยหากไม่ตั้งใจฟังจริงๆ เมื่อกดคันเร่งออกตัวไปรับรู้ได้ถึงการตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้า และขุมพลังกว่า 6.0 ลิตรว่าตอบสนองเท้าได้ดังใจจริงๆ เรียกแรงได้ดังใจด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ที่ 5.2 วินาที
ในการเข้าโค้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ให้ความรู้สึกมั่นใจได้อย่างที่วิศวกรของออดี้บอกมาเพราะยึดเกาะถนนได้ดีมาก เข้าโค้งทำได้นิ่มนวลแม้ว่าจะขับขี่ด้วยความเร็ว ด้วยการทำงานของระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP แสดงให้เห็นเลยว่ายึดเกาะถนนจริงๆ อาการท้ายปัดหรือหลุดโค้งแทบไม่มีอาการให้เห็น แต่ก็ต้องอยู่ที่การควบคุมพวงมาลัยที่ดีด้วย ไม่ได้อยู่ที่สมรรถนะของรถทั้งหมด
การขับแบบสลาลม ซิกแซกซ้าย-ขวา การถ่ายเทน้ำหนักของตัวรถและการยึดเกาะถนนแน่นอนต้องดีกว่ารถขับเคลื่อน 2 ล้ออยู่แล้วเพราะระบบของขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro นั้นมีการกระจายแรงกดจากตัวรถไปสู่ล้อทั้ง 4 อยู่แล้วทำให้ล้อของรถจะทำงานได้สมบูรณ์แบบ
ในเรื่องของการระบบการทำงานของเบรก ด้วยระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมด้วยระบบการกระจายแรงเบรก EBD สามารถทำงานควบคู่กันไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง เมื่อพบสิ่งกีดขวางข้างหน้า มีการเหยียบเบรกอย่างรุนแรง ระบบ ABS ทำงาน ระบบ EBD ก็จะทำงานกระจายแรงเบรกไปยังล้อทั้ง 4 ล้อตามลักษณะการสัมผัสของหน้ายางกับพื้นผิวถนน ทำให้ระยะการเบรกในอัตราความเร็ว 100 กม.ชม รถจะหยุดเพียงระยะ 33 เมตร การควบคุมหักหลบสิ่งกีดขวางทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตรงนี้ก็เช่นกันส่วนหนึ่งต้องอยู่กับการควบคุมพวงมาลัยของผู้ขับขี่ด้วย
ทางด้านความเร็วสูงสุดนั้นในการทดลองขับครั้งนี้ไม่มีพื้นที่ให้ได้ลองกันถึงขนาดนั้น เนื่องจากระยะทางตรงไม่ยาวพอจึงไม่รู้ถึงสมรรถนะความแรงที่แท้จริงของขุมพลัง W12 DOHC 6.0 ลิตร แต่หากดูจากสเป็คที่ออดี้ให้มาแล้ว ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วต้องสามารถทำได้สูงกว่านี้อย่างแน่นอน
จากที่ได้สัมผัส Audi A8 6.0 quattro ด้วยตนเอง แม้ว่าจะเป็นเวลาไม่นานมากนัก ได้ลองขับในระยะสั้นๆ แต่ก็ได้สัมผัสคุณลักษณะพิเศษของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ได้บ้าง ซึ่งในความคิดของ “มอเตอรริ่ง”แล้ว ต้องขอบอกว่าเป็นรถที่ยอดเยี่ยมอีกรุ่นหนึ่งทั้งในเรื่องของอุปกรณ์ภายนอกและภายใน รวมถึงสมรรถนะในการขับขี่ของ Audi A8 6.0 quattro
ส่วนในเรื่องของการขายในประเทศไทนนั้น ตอนนี้ทางไทยยานยนต์ เองก็เปิดรับออเดอร์อยู่เพียงแต่ถ้าลูกค้าที่ออเดอร์เข้ามานั้นต้องรอรถอย่างต่ำสุด 4-5 เดือน เพราะตอนนี้ทางเยอรมันเองก็มีการขึ้นไลน์พวงมาลัยขวาแล้ว แต่คิดว่า ด้วยราคากว่า 25 ล้านบาทนี้ เศรษฐีเมืองไทยที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของออดี้คงจะตัดสินใจซื้อยาก สำหรับการลองขับและคุณลักษณะพิเศษต่างๆของรุ่น Audi A6 4.2 quattro นั้นจะมาบอกกันในครั้งหน้า