"ตั้งแต่ผมเด็กๆก็คลุกคลีกับรถคลาสสิกพวกนี้มาโดยตลอด คุณพ่อผมท่านชอบเก็บสะสมและซื้อรถเก่าๆมาซ่อมแซม ผมเห็นมันทุกวันจนรู้สึกว่ารถเหล่านี้มีความสวยที่แตกต่างจากรถรุ่นใหม่ๆ บางคนคิดว่ารถรุ่นใหม่ๆที่ออกมานั้นสวยกว่า แต่ผมคิดว่าผมแค่ชอบไม่เหมือนใครเท่านั้นเอง"
นั่นคือประโยคแรกที่บรรณ เกษมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นกรรมกรรมการฝ่ายสมาชิกของชมรมรถคลาสสิก ประเทศไทย และยังเป็นแกนนำในการจัดการประกวดภาพถ่ายรถคลาสสิกครั้งแรกในประเทศไทย กล่าวกับ "ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง" บรรณกล่าวว่าเขาคุ้นเคยกับรถคลาสสิกตั้งแต่เด็กๆเพราะคุณพ่อ คือ ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ชอบเก็บสะสมรถโบราณ จึงทำให้บรรณซึมซาบความชอบไปทีละน้อย ต่อมาเมื่อไปเรียนต่อที่อเมริกาเขาได้ซื้อรถเฟียต 125 มือสองซึ่งถือว่าเป็นรถคันแรกในชีวิต แต่ใช้ได้ไม่ถึงปีก็ขายไป จากนั้นเมื่อเรียนจบกลับมาปีพ.ศ. 2536 บรรณเริ่มสะสมรถคลาสสิกจริงจังจากการไปมาหาสู่กับเพื่อนคอเดียวกัน
"ตอนนั้นผมได้เจอกับคนที่ชอบรถคลาสสิกเหมือนกัน จึงคุยถูกคอและได้ซื้อรถคันแรกหลังจากกลับมาจากเรียนจบเป็น อัลฟ่า โรมิโอ 1600 เป็นรถสปอร์ตที่ผมชอบมากเป็นอิตาลีแท้ๆ ซื้อมาในราคา 6.5 หมื่นบาท จ่ายค่าซ่อมแซมไป 1 แสนกว่าบาท คันต่อมาก็เป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นหางปลา ปี 1961 2208 W111 ซึ่งคันนี้ชอบมากซื้อมาในราคาแค่แสนกว่าๆมาซ่อมอีก แต่ตอนนี้ผมขายไปให้กับเพื่อนที่สะสมเหมือนกันแล้วครับ"
บรรณบอกว่าหลังจากรถสุดโปรดสองคันนี้แล้วรถคันต่อมาของเขาก็ยังคงเป็นเมอร์เซเดส - เบนซ์ 220S W180 ปี 1956 ซึ่งได้มากจากเพื่อนในชมรมฯนั่นเอง ส่วนอีกคันก็คือ MGA Roadster ปี 1959 ซึ่งคันนี้บรรณบอกว่าเขาประทับใจในการออกแบบซึ่งมีทรวดทรวงที่งดงาม
ด้วยความรักในรถคลาสสิกเป็นอย่างมากบรรณจึงช่วยกันกับเพื่อนทำเว็บไซต์ Bangkokclassiccar ขึ้นมาเมื่อวันที่ 28 กันยายน 47 เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันระหว่างผู้ที่ชื่นชอบและสะสมรถคลาสสิกรวมถึงการรวบรวมภาพถ่ายรถคลาสสิกมากมาย ซึ่งทุกภาพถือว่าเป็นสมบัติของชมรมฯและจะนำภาพเหล่านี้มาผลิตเป็นโปสการ์ดและปฏิทิน
สำหรับภาพที่มาโชว์ในงานCLASSIC CAR EXPOSITION II เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น ก็เป็นการประกวดภาพถ่ายรถคลาสสิกที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก
"งานครั้งนี้ถือเป็นสื่อกลางในการให้คนที่รักรถคลาสสิกได้มารู้จักและมารวมตัวกันพูดคุยในเรื่องรถและมีการประกวดภาพถ่ายรถคลาสสิกครั้งแรกในไทยซึ่งตรงนี้ผมภูมิใจมากที่มีผู้ร่วมสนใจส่งภาพมาประกวดถึง 300 กว่าภาพซึ่งมีระยะเวลาให้ส่งภาพประกวดผ่านทางเว็บไซต์มาตั้งแต่เดือนมกราคม ซึ่งมีเกณฑ์ในการตัดสินหลักๆคือ เป็นภาพถ่ายที่ถ่ายในประเทศไทยและไม่เคยผ่านการประกวดที่ใดมาก่อนครับ"
บรรณบอกว่าสำหรับภาพที่ได้รางวัลที่ 1 นั้นมีความสวยงามตรงที่ถ่ายได้มุมอย่างไม่ตั้งใจแต่กลับถ่ายทอดความรู้สึกได้งดงาม ส่วนรางวัลที่สองนั้นเป็นภาพขาว-ดำที่บ่งบอกถึงความคลาสสิกผ่านกี่ยุคกี่สมัยก็ยังคงสวยงาม และภาพที่ได้รับรางวัลที่ 3 นั้นเป็นภาพที่เห็นถึงสัญลักษณ์ของตัวรถที่ดูสง่างามและทรงคุณค่า ซึ่งบรรณบอกว่าหลังจากการนำมาโชว์ที่งานนี้แล้วก็จะนำไปแสดงตามแกลลอรี่ต่างๆ
ตอนนี้บรรณมีรถคลาสสิกที่เก็บสะสมอยู่ทั้งหมด 5 คัน ซึ่งบางคันชื่อว่า "อคิลิส" หรือ "เฮเลน" ตัวเอกจากภาพยนตร์สุดอลังการอย่างทรอย ซึ่งในบรรดารถคลาสสิกที่มีนั้นบรรณบอกว่าเขาชื่นชอบรถจากัวร์ มาร์ค 2 ด้วยความเป็นรถซีดาน และออกแบบได้โค้งมนดูกลมกลืน ประกอบกับกระจังหน้าที่มีความอ่อนช้อยและบ่งบอกถึงความเป็นจากัวร์ ซึ่งในไทยบรรณบอกว่าขณะนี้อาจจะมีไม่ถึง 10 คันด้วยซ้ำ นอกจากนี้บรรณบอกว่ารถคลาสสิกนั้นมีเสน่ห์อยู่ที่ความยากในการซ่อมแซมรถที่เป็นเพียงแค่ "ซาก" ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นความภูมิใจเล็กๆของนักสะสมรถ
"ผมว่าใครจะชื่นชอบรถประเภทไหนก็เป็นเรื่องส่วนตัว แต่มีสิ่งหนึ่งที่นักสะสมรถโบราณปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารถทุกคันมันมีเสน่ห์อยู่ในตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่ละเอียดอ่อน ชิ้นส่วนต่างๆก็ทำด้วยมือ ขณะที่ในปัจจุบันจะให้ความสำคัญกับสมรรถนะของรถมากกว่า ถ้าเทียบเรื่องราคาแล้วคนละเรื่องเลยเพราะรถรุ่นใหม่ๆที่ราคาห้าล้านสิบล้านอาจจะมีเป็นโหลๆให้คุณเลือก แต่กับรถโบราณนั้นบางครั้งต่อให้คุณมีเงินเป็นร้อยๆล้านก็ซื้อมาเป็นเจ้าของไม่ได้ มันขึ้นอยู่ที่จิตใจไม่สามารถประเมินเป็นมูลค่าได้เลยครับ"
บรรณทิ้งท้ายว่าอยากให้คนที่สะสมรถคลาสสิกนั้น อย่าสะสมเพราะคิดว่าเอาไว้มาประกวดหรือนำมาอวดเพื่อนฝูงแต่อยากให้สะสมเพื่อการอนุรักษ์ให้มันมีชีวิตเหมือนดังเดิมให้ลูกหลานได้ชื่นชมต่อไปเหมือนเป็นสมบัติของชาติ.......