ถ้าพูดถึงชื่อเอสคูโด อย่าว่าแต่คนไทยเลย คนชาติอื่นๆ ที่ไม่ใช่คนญี่ปุ่นคงไม่คุ้นหู เพราะซูซูกิใช้ชื่อนี้ทำตลาดเฉพาะในญี่ปุ่น ส่วนตลาดโลกจะคุ้นเคยกันดีกับชื่อวีทารา หรือแกรนด์ วีทารา ซึ่งเป็นรุ่นฐานล้อยาว
ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซูซูกิได้เปิดตัวโฉมใหม่ของเอสคูโดออกมาแล้ว โดยจะทำตลาดด้วย 2 ทางเลือกของเครื่องยนต์พร้อมกับการพลิกภาพลักษณ์มาสู่ความสปอร์ตและความปราดเปรียว โดยที่สมรรถนะในการบุกตะลุยยังเชื่อมั่นได้เหมือนกับรุ่นที่ผ่านๆ มา
เอสคูโดใหม่ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ 3 นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรกในปี 1988 โดยได้รับอิทธิพลการออกแบบมาจากเอสยูวีต้นแบบของซูซูกิในชื่อ คอนเซ็ปต์ เอ็กซ์2 ที่เปิดตัวในนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และในรุ่นจำหน่ายจริงมีแค่เวอร์ชัน 5 ประตูเพียงอย่างเดียว ส่วนรุ่น 3 ประตูและรุ่นฐานล้อยาวยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะตามออกมาเมื่อไร
ขนาดตัวถังมีความยาว 4,390 มิลลิเมตร กว้าง 1,810 มิลลิเมตร สูง 1,695 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร มุมไต่ 29 องศา มุมจาก 27 องศา และมุมคร่อม 19 องศา ส่วนเครื่องยนต์มีให้เลือก 2 รุ่น คือ 4 สูบเรียง ทวินแคม 16 วาล์ว 2,000 ซีซี 145 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.7 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่วนรุ่นใหญ่เป็นบล็อกวี6 ทวินแคม 24 วาล์ว 2,700 ซีซี 184 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบ/นาที
ในรุ่น 2,000 ซีซี มีเกียร์ทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ หรือ อัตโนมัติ 4 จังหวะให้เลือก ส่วนรุ่นอัตโนมัติ 5 จังหวะมีเฉพาะเครื่องยนต์วี6 เท่านั้นสำหรับระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อตลอดเวลา แต่สามารถเลือกปรับอัตราทดเพื่อลุยหนักๆ ได้ โดยเป็นปุ่มหมุนให้เลือก 4H และ 4L บนแผงคอนโซลกลาง
แน่นอนว่าคู่ปรับในตลาดของเอสคูโดยังเป็นเอสยูวีที่พัฒนาบนพื้นฐานของรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็กต์อย่างโตโยต้า ราฟโฟร์, ฮอนด้า ซีอาร์-วี และมาสด้า ทริบิวต์ แต่มีความแข็งแกร่งกว่าเพราะพัฒนาบนพื้นฐานของออฟโรด
ในช่วงแรกที่เปิดตัวทางซูซูกิมั่นใจว่าจะสามารถครองความนิยมเหมือนกับรุ่นที่ผ่านๆ มา โดยตั้งเป้าจำหน่ายต่อเดือนไว้สูงถึง 15,000 คัน ส่วนราคาขายในญี่ปุ่นอยู่ที่ 1,942,500-2,520,000 เยน หรือประมาณ 740,000-960,000 บาท
