กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ไปกลับเพียงถังเดียว!
นั่นคือผลทดสอบ วอลโว่ เอส80 ดี5 (Volvo S80 D5) ภายหลังจากนักขับรถชื่อดัง “พีระพงษ์ กลั่นกรอง” ได้ทำการทดสอบเสร็จสิ้นลง ตามการมอบหมายของ วอลโว่ ประเทศไทย ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า การทดสอบประหยัดน้ำมันครั้งนี้ ต้องขับแบบประชาชนทั่วไปก็สามารถทำได้ จนกลายมาเป็นข้อความโฆษณาถึงความประหยัดน้ำมันของรถรุ่นนี้ไปในที่สุด
สาเหตุที่วอลโว่เน้นจุดขายเรื่องความประหยัดน้ำมันของ เอส80 ดี5 เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่วอลโว่หันมาทำตลาดรถยนต์นั่งเครื่องยนต์ดีเซลในไทย (เอส80 ดี5 ตัวถังและรูปลักษณ์เดียวกันกับเอส80 เครื่องยนต์เบนซิน ที่ทำตลาดในไทยมาก่อนหน้านี้) ซึ่งเหตุผลหลักๆ นอกจากเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าแล้ว ยังมาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบัน โดยเฉพาะราคาเบนซินที่แพงกว่าและปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้อนาคตน้ำมันดีเซลในไทยจะต้องลอยตัวแน่ๆ แต่ยังไงเสียเครื่องยนต์ดีเซลก็ยังประหยัดกว่า และย่อมมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าอย่างแน่นอน
ดังนั้นในการจัดให้สื่อมวลชนทดสอบเจ้า วอลโว่ เอส80 ดี5 เป็นครั้งแรก วอลโว่จึงยังคงเน้นจุดขายดังกล่าว โดยยึดคอนเซ็ปต์.......น้ำมันหนึ่งถัง ไปกรุงเทพฯ-หัวหิน สิ้นเปลืองเท่าไหร่?
แน่นอนเพื่อแสดงความโปร่งใส ก่อนที่จะเดินทางทดสอบประสิทธิภาพวอลโว่ เอส80 ดี50 ทางวอลโว่ ประเทศไทย ได้ให้รถทุกคันเติบน้ำมันจนเต็มถัง และปิดสติ๊กเกอร์ทับไว้ให้มิดชิด และเมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่ปั๊มปตท.หัวหิน ซึ่งเป็นจุดเติมน้ำมันอีกครั้ง เพื่อเช็คอัตราสิ้นเปลือง สติ๊กเกอร์จะต้องไม่มีร่องรอยถูกเปิดแต่อย่างใด
ส่วนเงื่อนไขการทดสอบก็ยึดคอนเซ็ปต์เดียวกับคุณพีระพงษ์ นั่นคือต้องขับแบบประชาชนทั่วไปสามารถทำได้ สำหรับเรื่องนี้ “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้ตกลงกับเพื่อนสื่อมวลชนที่ทดสอบด้วยกันว่า โดยหลักการจะยึดตามที่วอลโว่กำหนด แต่ไม่ใช่ความเร็วเฉลี่ย 90 กม./ชม. ตามที่ได้ทดสอบไว้ เพราะแม้จะถูกต้องตามกฎหมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เชื่อได้เลยคนที่ซื้อรถรุ่นนี้ไปแล้ว จะไม่ขับที่ความเร็วดังกล่าวแน่นอน เพราะฉะนั้นเราจึงยึดการขับแบบที่มนุษย์ทั่วไปขับกัน ความเร็วขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร และถนน โดยใช้เวลาเช่นเดียวกับคนทั่วไปขับรถจากกรุงเทพฯ-หัวหินตามปกติ
ทันทีที่เติมน้ำมันเต็มถังและผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่วอลโว่ เราก็ออกเดินทางไปแยกคลองตันผ่านเลยเข้าสู่ถนนพัฒนาการ เพื่อขึ้นทางด่วนมุ่งสู่สะพานแขวน แล้วไปตามเส้นเพชรเกษม-เพชรบุรี ไปจบที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เนื่องจากสภาพการจราจรบนทางด่วนโล่งพอสมควร เท้าก็เริ่มทำงานด้วยความเคยชินกดคันเร่งลงไปเรื่อยๆ เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 163 แรงม้า เริ่มทำงานตอบสนองได้อย่างทันทีทันใด เรียกว่าสร้างความพึงพอใจทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นช่วงต้องการเร่งแซง หรือความเร็วแบบสุดๆ เสียงเครื่องยนต์แม้จะมีความเป็นดีเซลอยู่ แต่ก็เงียบทีเดียว และหากเทียบกับคู่แข่งรถหรูหรา เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ซีดีไอ ที่ทำตลาดในไทยมาก่อน ถือว่าสู้ได้สบาย
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ที่นำมาวางใน เอส80 ดี5 วอลโว่อ้างว่าถือกำหนดขึ้นภายในโรงงานผลิตรถยนต์ของตนเองจริงๆ โดยเป็นแบบ 5 สูบ 20 วาล์ว เทอร์โบดีเซล คอมมอนเรล ขนาด 2.4 ลิตร 163 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 340 นิวตัน-เมตร ที่ 1,740-3,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
ความพิเศษของเครื่องยนต์บล็อกนี้ อยู่ที่ฝาสูบทำจากอลูมิเนียม ทำให้เครื่องยนต์ D5 มีน้ำหนักเพียง 185 กก. ส่งผลให้รถมีสมรรถนะในการขับเคลื่อนสูง โดยมีการเผาผลาญเชื้อเพลิงต่ำ และที่สำคัญเครื่องยนต์ยังวางขวางที่ค่อนข้างเพรียวบาง ดังนั้นจึงมีส่วนช่วยด้านความปลอดภัยในขณะเกิดการชน เพราะความเล็กกะทัดรัดของเครื่องยนต์นี้ จะช่วยให้ห้องเครื่องมีพื้นที่ว่างเพิ่มขึ้น เพื่อดูดซับแรงกระแทกก่อนจะมาถึงห้องโดยสาร
จากการออกแบบดังกล่าว ทำให้เป็นที่รับทราบได้ดีถึงสมรรถนะการขับเคลื่อนของเอส80 ดี5 แม้จะไม่สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 210 กม./ชม. ตามที่วอลโว่อ้างไว้ เพราะสภาพการจราจรไม่เอื้ออำนวย และเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะทำนัก กับความเร็วดังกล่าวบนถนนหลวงทั่วๆ ไป ซึ่งมีตัวแปรมากมายที่อาจจะนำไปสู่อุบัติเหตุได้ แต่ความเร็วที่ทำได้ 170-180 กม./ชม. และอัตราเร่งที่เรียกมาได้ดังใจ ต้องบอกว่าเป็นที่น่าพอใจมาก
อาจจะเป็นเพราะการเอาใจใส่เรื่องเครื่องยนต์ จนทำให้วอลโว่ดูจะลืมรายละเอียดช่วงล่างไปนิด ซึ่งจะว่าลืมคงไม่ได้เพราะหากวัดตามมาตรฐานทั่วไปแล้วใช้ได้ทีเดียว แต่หากเทียบกับคู่แข่ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ซีดีไอ ต้องขอให้คะแนนต่ำกว่านิดๆ เช่นเดียวกับพวงมาลัยที่ดูจะไม่แม่นเท่า และเบาไปหน่อย ทำให้การควบคุมต้องเพิ่มความระวังขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามก็ยังไม่ถึงกับถือว่าเสียหายมากมายนัก
ในส่วนของห้องโดยสารกว้างขวางสมกับเป็นรถยนต์ระดับหรูหรา เรียกว่าไม่แพ้คู่แข่งแต่อย่างใด อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาสู้กันได้ แต่ที่ติหน่อยเห็นจะเป็นเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า ที่ไม่มีระบบปรับแบบไฟฟ้า ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งที่เป็นแบบไฟฟ้า ทั้งเบาะนั่งด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า
การทดลองขับ วอลโว่ เอส80 ดี5 สิ้นสุดที่ปั๊มปตท. อำเภอหัวหิน ปรากฏว่าอัตราสิ้นเปลืองที่เราทำได้ ในแบบของขับแบบคนขับรถทั่วไปจริงๆ เฉลี่ย 13-140 กม./ชม. อยู่ที่ประมาณ 12 กม./ลิตร ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราสิ้นเปลืองที่แจ้งในคู่มือรถรุ่นนี้ ที่อัตราเฉลี่ย 7.7 ลิตร/ 100 กม. หรือประมาณ 13 กม./ลิตร
สรุปรถรุ่นนี้หากมองในภาพรวม อาจยังจะมีจุดด้อยอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่ถือว่าเสียเปรียบมากนัก เมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่หากนำราคามาเปรียบเทียบกันระหว่าง วอลโว่ เอส80 ดี5 ราคา 2.92 ล้านบาท ขณะที่คู่แข่งราคาแพงกว่าประมาณ 8 แสนบาท เลยอยากจะถามกลับไปว่า........
เงิน 8 แสนบาท ที่จะต้องจ่ายเพิ่ม เพื่อให้ได้รถที่มีสมรรถนะแทบจะไม่แตกต่างกันมากนัก และแบรนด์อิมเมจที่ดีกว่า กับการนำเงินดังกล่าวไปฝากแบงก์ หรือทำอย่างอื่นได้อีก......คุณจะเลือกซื้อคันไหน?