คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณความแรงกันมาก ถ้าพูดถึงชื่อแลนเซอร์ อีโวลูชันของมิตซูบิชิ เพราะลูกค้าทั่วโลกต่างทราบดีถึงสมรรถนะและความจัดจ้านจากขุมพลังเทอร์โบ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากสนามแข่งแรลลี่โลก หรือ WRC เพื่อการใช้งานบนท้องถนนบนตัวถังคอมแพ็กต์ซีดานจากรถยนต์ตระกูลแลนเซอร์
สำหรับในตอนนี้ทางเอ็มซีซี หรือมิตซูบิชิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชันได้เปิดตัวเวอร์ชันที่ 9 ของแลนเซอร์ อีโวลูชัน หรือ Lancer Evolution IX ออกมาทำตลาดญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งในรุ่นใหม่ ไม่ได้สวยและลงตัวด้วยการเพิ่มความสดให้กับรูปลักษณ์รอบคันเท่านั้น แต่ยังเป็นครั้งแรกของสายพันธุ์แลนเซอร์ อีโวลูชันที่หันมาคบกับเครื่องยนต์ 4จี63 รุ่นใหม่ที่มีการติดตั้งระบบวาล์วแปรผัน หรือ MIVEC-Mitsubishi Innovative Valve timing Electronic Control system เพื่อเพิ่มพลังขับเคลื่อนให้เหนือระดับขึ้นไปอีก
การเปลี่ยนแปลงของแลนเซอร์ อีโวลูชันแต่ละรุ่นจะยึดพื้นฐานตามการเปลี่ยนรุ่นของแลนเซอร์ ดังนั้นในเมื่อแลนเซอร์รุ่นใหม่ยังไม่มีทำตลาด สายพันธุ์ที่ 9 ของแลนเซอร์ อีโวลูชันจึงยังใช้พื้นฐานของแลนเซอร์ เซเดียเหมือนกับรุ่นที่ 7 และ 8 แต่ก็อาศัยวิธีสร้างความแตกต่างในด้านรูปลักษณ์ ภายนอกในแต่ละรุ่นด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนตัวถัง เช่น ฝากระโปรง กันชนหน้า-หลัง สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์ รวมถึงล้อแม็ก ซึ่งมีทั้งขนาด 17 และ 18 นิ้วให้เลือกใช้ โดยที่ขนาดตัวถังมีความยาว4,490 มิลลิเมตร กว้าง 1,770 มิลลิเมตร สูง 1,450 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,625 มิลลิเมตร
นอกจากนั้น ยังเพิ่มความพิเศษด้วยการนำอะลูมิเนียมมาใช้ในการผลิตแผ่นหลังคาเหมือนกับอีโวลูชัน 8 เอ็มอาร์ ช่วยลดน้ำหนักโดยรวมของตัวรถ และโครงสร้างตัวถังออกแบบให้มี ความแข็งแกร่งและทนทานต่อการบิดตัวมากขึ้นจากแลนเซอร์รุ่นปกติ
ในรุ่นนี้แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย คือ อาร์เอส ผลิตสำหรับส่งขายให้กับทีมแข่งที่จะนำรถไปใช้ในการแข่งขัน ชิ้นส่วนตัวถังผลิตจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ใบพัดเทอร์โบผลิตจากไททาเนียมผสมกับแม็กนีเซียม เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะแบบอัตราทดชิด หรือ Close Ratio ทำให้มีน้ำหนักอยู่ที่ 1,320 กิโลกรัม (ส่วนรุ่นจีที และจีเอสอาร์อยู่ที่ 1,390 และ 1,410 กิโลกรัมตามลำดับ) ตามด้วยรุ่นจีที สเปกเดียวกับอาร์เอส แต่ติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้งานบนถนน และเป็นครั้งแรกของแลนเซอร์ อีโวลูชันที่มีรุ่นย่อยจีทีออกมาทำตลาด
รุ่นสูงสุดเป็นรหัสจีเอสอาร์ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น ระบบซูเปอร์ เอวายซี ติดตั้งอยู่บนเพลาท้ายช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายกำลังสู่ล้อหลังให้สัมพันธ์กับสภาพถนน เพิ่มการทรงตัวที่ดีในขณะเข้าโค้ง ระบบเอซีดี ซึ่งจะช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนอีกทั้งยังสามารถปรับรูปแบบการกระจายกำลังจากเครื่องยนต์ได้ตามสภาพพื้นผิวถึง 3 แบบ คือ กรวด/หิมะ/พื้นลาดยาง และเอบีเอสแบบสปอร์ต ควบคุมการทำงานด้วยอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
ภายในห้องโดยสารเสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตเต็มพิกัด ในรุ่นจีที และจีเอสอาร์นำลายคาร์บอนไฟเบอร์ตกแต่งที่แผงหน้าปัด ส่วนแป้นคลัตช์ เบรก และคันเร่งเป็นแบบสปอร์ตผลิตจากอะลูมิเนียม สำหรับพวงมาลัยลาย 3 ก้านแบบสปอร์ตพร้อมถุงลมนิรภัยมาจากโมโม่ (Momo) และเบาะนั่งทรงบักเก็ตซีตจากเรคาโร (Recaro)
สำหรับเครื่องยนต์ถือเป็นครั้งแรกในตระกูลอีโวลูชันที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยยังเป็นรหัส 4จี63 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,997 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ แต่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทั้งในด้านสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันด้วยระบบวาล์วแปรผัน MIVEC
กำลังสูงสุดอยู่ที่ 280 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดสูงสุดในรุ่นจีเอสอาร์อยู่ที่ 40.8 กก.-ม. ที่ 3,000 รอบ/นาที แต่รุ่นจีทีและอาร์เอสมีแรงบิดสูงสุด 41.5 กก.-ม. ที่ 3,000 รอบ/นาที ทั้ง 3 รุ่นส่งกำลังสู่ล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 ถ้าเป็นรุ่นจีเอสอาร์จะควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่ในรุ่นจีที และอาร์เอสเป็นแบบเมคานิก ส่วนอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงตามการทดสอบในมาตรฐาน 10-15 ของรัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ที่ 10 กิโลเมตร/ลิตร ขณะที่สมรรถนะการขับเคลื่อนตอบสนองทันใจด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 5.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระบบช่วงล่างแม้ว่าจะใช้พื้นฐานด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต และด้านหลังแบบมัลติลิงค์ แต่ทีมวิศวกรของมิตซูบิชิก็ได้ปรับปรุงสมรรถนะในการทำงานได้ดีขึ้นเพื่อรองรับกับม้าฝูงโตที่ถูกส่งลงมาจากเครื่องยนต์ โดยสปริงด้านหลังได้รับการเปลี่ยนใหม่ให้เตี้ยลง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มการทรงตัวได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของระบบซูเปอร์ เอวายซีอีกด้วย
ในญี่ปุ่นเปิดตัวในช่วงที่คนทั่วโลกใจจดใจจ่ออยู่กับงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2005 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยในตอนนี้มีขายเฉพาะในญี่ปุ่นด้วยราคา (ยังไม่รวมภาษี) 2,940,000 เยนสำหรับรุ่นอาร์เอส (1.1 ล้านบาท), ราคา 3,318,000 เยนในรุ่นจีที (1.26 ล้านบาท) และ 3,570,000 เยนสำหรับรุ่นจีเอสอาร์ (1.35 ล้านบาท) โดยตั้งเป้าจำหน่ายไว้ที่ 5,000 คัน
ส่วนเมืองไทยรอสัมผัสกับคันจริงของมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน 9 ได้ที่งานบางกอก มอเตอร์โชว์ ปลายเดือนมีนาคมนี้