ข่าวในประเทศ - งานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 26 สุดคึกคัก! รถใหม่เผยโฉมคับคั่งเช่นทุกปี ทั้งรถพลังงานทางเลือก และรถใหม่ทั่วไป งานนี้ค่ายเดมเลอร์ไครสเลอร์ขนรถในเครือมาเพียบ นำทัพโดยรถหรู “มายบัค” ที่ตัวท็อปราคาทะลุ 127 ล้านบาท ถือว่าเป็นรถใหม่ราคาสูงสุดในตลาดรถไทย ด้านเจ้าของงานทุ่มพันล้านบาท เอาใจลูกค้าและผู้มาชมงานสุดๆ ไม่ว่าจะเรื่องการเนรมิตพื้นที่ จุดผักผ่อน-เอนเตอร์เทนต์ รวมถึงอำนวยความสะดวกการเดินทางตลอดเวลา
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานบริหาร อาวุโส บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะรองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 25 มี.ค. – 3 เม.ย. ศกนี้ เปิดเผยว่า ปีนี้คอนเซ็ปต์ในงานจัดงาน คือ “Power of Natural” หรือชื่อภาษาไทย “วิถีใหม่สู่พลังธรรมชาติ” เพื่อสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่เน้นเรื่องการประหยัดพลังงานน้ำมัน ดังนั้นรถยนต์เด่นๆ ที่จะมาโชว์ในงานจึงมีรถพลังงานทางเลือกเข้ามาโชว์ครอบคลุมทุกประเภท
ปีนี้บริษัทรถยนต์ต่างให้ความร่วมมือ ตามคอนเซ็ปต์ของงานเป็นอย่างดี นำรถพลังงานทางเลือกมาให้ประชาชนชาวไทยได้ชมกันหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นบีเอ็มดับเบิลยูที่เป็นรถพลังงานไฮไดรเจน รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวีและน้ำมันมาโชว์ รวมถึงรถไฮบริดที่บางยี่ห้อนำมาขายเลยก็มี สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศไทย ที่มีต่อบริษัทรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ ทั่วโลก สอดรับการเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชียของไทยอย่างแท้จริง
ขณะที่รถยนต์ตลาดทั่วไปที่จะเปิดตัวในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ครั้งนี้ แต่ละยี่ห้อต่างก็มีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดกันแทบทุกยี่ห้อ โดยมีรถยนต์เข้าร่วมแสดงงานทั้งหมด 31 ยี่ห้อ และรถจักรยานยนต์อีก 5 ยี่ห้อหลักในไทย แต่ที่น่าจับตามองเห็นจะเป็นบรรดาค่ายรถยนต์ระดับหรู ที่ต่างใช้เวทีบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ เปิดตัวรถยนต์ใหม่ของตนเองหลากหลายรุ่น
“ไลต์ที่น่าสนใจปีนี้สำหรับรถใหม่ คงจะเป็นค่ายเดมเลอร์ไครสเลอร์ที่นำรถยนต์ในเครือมาเปิดตัวคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาส รถแฮทช์แบ็ก 5 ประตู และซีแอลเอส รถสปอร์ตคูเป้มิติใหม่แบบ 4 ประตู และโดยเฉพาะรถยนต์พรีเมี่ยมในเครือของเดมเลอร์ไครสเลอร์ มายบัค ที่ปีนี้นำตัวท็อปของรุ่น 62 มาเปิดตัวขายในไทย ราคารวมภาษีแล้วประมาณ 127 ล้านบาท ถือว่าสูงสุดในตลาดรถยนต์ใหม่ของไทย” นายจาตุรนต์กล่าวและว่า
การที่บริษัทรถยนต์ต่างให้ความสำคัญเช่นนี้ ทำให้เชื่อว่าปีนี้จะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 1.6 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก และนอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยว รวมถึงผู้สื่อข่าวจากกว่า 40 ประเทศมาร่วมเป็นเกียรติในงานครั้งนี้ด้วย ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้ใช้งบประมาณในปีนี้สูงถึง 1,000 ล้านบาท จากที่ผ่านมาไม่เคยใช้ถึงแต่อย่างใด เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับวงการยานยนต์ไทยเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความใส่ใจในการอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่มาชมงาน แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายฝ่ายอาจจะมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจุดพักผ่อนตามมุมต่างๆ โดยได้มีการลงทุน 5-6 ล้านบาท สั่งทำเก้าอี้ม้านั่งยาวให้ผู้มาชมงานได้นั่งพัก รวมถึงภายนอกของงานก็จะมีการทำเวที และนักดนตรีเล่น เพื่อให้ผู้มาชมงานได้นั่งฟังเพลงอย่างสบายใจ
ทั้งนี้ในส่วนของการจราจรที่เป็นปัญหามาตลอด ปีนี้บริษัทฯ ได้ลงทุนร่วม 10 ล้านบาท ในการจ้างรถบัส และรถตู้ มากกว่า 60 คัน เพื่อรับและส่งผู้โดยสารฟรี จากจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอ่อนนุช และห้างสรรพสินค้าเสรีเซ็นเตอร์ ซึ่งปีที่แล้วก็ได้ดำเนินการมาแล้ว แต่ไม่เพียงพอ และบางครั้งลูกค้ารอนาน จึงได้เพิ่มจำนวนรถเพื่อให้หมุนเวียนได้ตลอดเวลา ตรงนี้จะทำให้ลดปริมาณจราจรติดขัด และช่วยชาติประหยัดน้ำมันอีกทางหนึ่ง
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานบริหาร อาวุโส บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะรองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 25 มี.ค. – 3 เม.ย. ศกนี้ เปิดเผยว่า ปีนี้คอนเซ็ปต์ในงานจัดงาน คือ “Power of Natural” หรือชื่อภาษาไทย “วิถีใหม่สู่พลังธรรมชาติ” เพื่อสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่เน้นเรื่องการประหยัดพลังงานน้ำมัน ดังนั้นรถยนต์เด่นๆ ที่จะมาโชว์ในงานจึงมีรถพลังงานทางเลือกเข้ามาโชว์ครอบคลุมทุกประเภท
ปีนี้บริษัทรถยนต์ต่างให้ความร่วมมือ ตามคอนเซ็ปต์ของงานเป็นอย่างดี นำรถพลังงานทางเลือกมาให้ประชาชนชาวไทยได้ชมกันหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นบีเอ็มดับเบิลยูที่เป็นรถพลังงานไฮไดรเจน รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวีและน้ำมันมาโชว์ รวมถึงรถไฮบริดที่บางยี่ห้อนำมาขายเลยก็มี สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศไทย ที่มีต่อบริษัทรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ ทั่วโลก สอดรับการเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชียของไทยอย่างแท้จริง
ขณะที่รถยนต์ตลาดทั่วไปที่จะเปิดตัวในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ครั้งนี้ แต่ละยี่ห้อต่างก็มีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดกันแทบทุกยี่ห้อ โดยมีรถยนต์เข้าร่วมแสดงงานทั้งหมด 31 ยี่ห้อ และรถจักรยานยนต์อีก 5 ยี่ห้อหลักในไทย แต่ที่น่าจับตามองเห็นจะเป็นบรรดาค่ายรถยนต์ระดับหรู ที่ต่างใช้เวทีบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ เปิดตัวรถยนต์ใหม่ของตนเองหลากหลายรุ่น
“ไลต์ที่น่าสนใจปีนี้สำหรับรถใหม่ คงจะเป็นค่ายเดมเลอร์ไครสเลอร์ที่นำรถยนต์ในเครือมาเปิดตัวคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาส รถแฮทช์แบ็ก 5 ประตู และซีแอลเอส รถสปอร์ตคูเป้มิติใหม่แบบ 4 ประตู และโดยเฉพาะรถยนต์พรีเมี่ยมในเครือของเดมเลอร์ไครสเลอร์ มายบัค ที่ปีนี้นำตัวท็อปของรุ่น 62 มาเปิดตัวขายในไทย ราคารวมภาษีแล้วประมาณ 127 ล้านบาท ถือว่าสูงสุดในตลาดรถยนต์ใหม่ของไทย” นายจาตุรนต์กล่าวและว่า
การที่บริษัทรถยนต์ต่างให้ความสำคัญเช่นนี้ ทำให้เชื่อว่าปีนี้จะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 1.6 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก และนอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยว รวมถึงผู้สื่อข่าวจากกว่า 40 ประเทศมาร่วมเป็นเกียรติในงานครั้งนี้ด้วย ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้ใช้งบประมาณในปีนี้สูงถึง 1,000 ล้านบาท จากที่ผ่านมาไม่เคยใช้ถึงแต่อย่างใด เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับวงการยานยนต์ไทยเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความใส่ใจในการอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่มาชมงาน แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายฝ่ายอาจจะมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจุดพักผ่อนตามมุมต่างๆ โดยได้มีการลงทุน 5-6 ล้านบาท สั่งทำเก้าอี้ม้านั่งยาวให้ผู้มาชมงานได้นั่งพัก รวมถึงภายนอกของงานก็จะมีการทำเวที และนักดนตรีเล่น เพื่อให้ผู้มาชมงานได้นั่งฟังเพลงอย่างสบายใจ
ทั้งนี้ในส่วนของการจราจรที่เป็นปัญหามาตลอด ปีนี้บริษัทฯ ได้ลงทุนร่วม 10 ล้านบาท ในการจ้างรถบัส และรถตู้ มากกว่า 60 คัน เพื่อรับและส่งผู้โดยสารฟรี จากจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอ่อนนุช และห้างสรรพสินค้าเสรีเซ็นเตอร์ ซึ่งปีที่แล้วก็ได้ดำเนินการมาแล้ว แต่ไม่เพียงพอ และบางครั้งลูกค้ารอนาน จึงได้เพิ่มจำนวนรถเพื่อให้หมุนเวียนได้ตลอดเวลา ตรงนี้จะทำให้ลดปริมาณจราจรติดขัด และช่วยชาติประหยัดน้ำมันอีกทางหนึ่ง