“ความสุขของคนเก็บรถโบราณอย่างผมไม่ได้อยู่ที่ราคาหรือความสวยงามของตัวรถ แต่อยู่ที่ความภาคภูมิใจที่สามารถซ่อมจากซากรถจนกลับมาเป็นสภาพเดิมที่มันเคยเป็น มันทำให้ผมมีความพยายามและความอดทนครับ”
นั่นคือคำพูดของคุณศิริพงษ์ บูรณะพันธุ์ นักสะสมรถโบราณอีกท่านหนึ่งที่นำรถกว่า 4 คันมาร่วมพาเหรดในงานหัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด ครั้งที่ 2 เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คุณศิริพงษ์เล่าให้ “ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง” เกี่ยวกับการสะสมรถโบราณกว่า 30 คันว่าเริ่มเก็บมาได้ประมาณ 20 ปีแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อต่อแล้วนำมาซ่อมเองมากกว่า
“รถที่มีอยู่ตอนนี้ประมาณ 30 กว่าคัน เป็นรถที่ผมซื้อแล้วนำมาซ่อมอีกที เพื่อนฝูงที่ชอบก็ติดต่อมาขอซื้อผมก็ไม่ได้หวงอะไร เพราะคิดว่าเขาซื้อไปก็นำไปเก็บรักษา ถ้าเราตายไปก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี ถามว่าเสียดายไหมที่อุตส่าห์ซ่อมมากับมือแล้วต้องขายไปให้คนอื่น ผมบอกได้เลยว่าไม่เสียดายเพราะยังไงมันก็ยังอยู่ในมือคนไทย”
ปัจจุบันนี้คุณศิริพงษ์ประกอบกิจการส่วนตัว และเอาเวลาว่างวันอาทิตย์เพียงวันเดียวอยู่กับรถโบราณเหล่านี้ บางครั้งก็มีคนเอารถมาให้ถึงบ้าน รวมถึง บีเอ็มดับเบิลยู 503 คันโปรดของขวัญชัย ปภัสพงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ก็ยังนำรถมาบูรณะสภาพใหม่ที่บ้านของคุณศิริพงษ์ เมื่อถามว่าคันไหนคือ “คันโปรด” นั้นคุณศิริพงษ์บอกว่า
“รถทุกคันที่ผมทำมากับมือนั้น ผมรักหมดเลยครับ แต่ถ้าให้เปรียบเทียบว่าคันไหนชอบที่สุดนั้นคงไม่มีเพราะเปรียบไปแล้วรถพวกนี้ก็มีความสวยงามแตกต่างกันไปเหมือนกับผู้หญิงที่มีความสวยของแต่ละคน เมื่อผมซ่อมรถคันหนึ่งเสร็จผมก็จะไม่ค่อยได้ไปขับหรือสนใจมันเท่าเดิม แต่จะไปเห่อคันใหม่แทน”
ส่วนรถของคุณศิริพงษ์ที่มีอยู่ตอนนี้ก็มีหลากหลายยี่ห้อไม่ว่าจะเป็น อัลฟ่า โรมิโอ , จากัวร์ , เมอร์เซเดส-เบนซ์ , เอ็มจี ฯลฯ ซึ่งในการซ่อมแต่ละคันนั้นจะเป็นการนำเข้าอะไหล่จากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการนำรถมาร่วมขบวนพาเหรดครั้งนี้ก็นำมาถึง 4 คัน อาทิ MG TC ปี 1947 , Jaguer E-Type ปี 1960 , Mercedes-Benz 220S ปี 1958 , Mercedes-Benz 280SE ปี 1968 และคันที่คุณศิริพงษ์พาเราไปดูนั้นก็คือ MG YT ปี 1947 เครื่องยนต์ 1200 ซีซี 4 สูบ ซื้อมาในราคา 15,000 บาท นำมาทำสีใหม่จากสีเดิมคือสีเทามาเป็นสีแดง
คุณศิริพงษ์ยังบอกฝากถึงนักสะสมมือใหม่ว่าควรเริ่มที่รถราคาไม่แพงมากและสามารถซ่อมได้อย่างโฟล์ค สวาเก้น และอยากให้คนที่มีรถเก่าอย่าเก็บไว้อย่างเดียวเพราะจะเสียของ ทางที่ดีควรนำออกมาวิ่งบ้างและไม่อยากให้ขายให้คนต่างประเทศเพราะบางคันนั้นมีไม่กี่คันในโลกน่าจะเก็บไว้เป็นสมบัติของคนไทย
นั่นคือคำพูดของคุณศิริพงษ์ บูรณะพันธุ์ นักสะสมรถโบราณอีกท่านหนึ่งที่นำรถกว่า 4 คันมาร่วมพาเหรดในงานหัวหิน วินเทจ คาร์ พาเหรด ครั้งที่ 2 เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คุณศิริพงษ์เล่าให้ “ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง” เกี่ยวกับการสะสมรถโบราณกว่า 30 คันว่าเริ่มเก็บมาได้ประมาณ 20 ปีแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อต่อแล้วนำมาซ่อมเองมากกว่า
“รถที่มีอยู่ตอนนี้ประมาณ 30 กว่าคัน เป็นรถที่ผมซื้อแล้วนำมาซ่อมอีกที เพื่อนฝูงที่ชอบก็ติดต่อมาขอซื้อผมก็ไม่ได้หวงอะไร เพราะคิดว่าเขาซื้อไปก็นำไปเก็บรักษา ถ้าเราตายไปก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี ถามว่าเสียดายไหมที่อุตส่าห์ซ่อมมากับมือแล้วต้องขายไปให้คนอื่น ผมบอกได้เลยว่าไม่เสียดายเพราะยังไงมันก็ยังอยู่ในมือคนไทย”
ปัจจุบันนี้คุณศิริพงษ์ประกอบกิจการส่วนตัว และเอาเวลาว่างวันอาทิตย์เพียงวันเดียวอยู่กับรถโบราณเหล่านี้ บางครั้งก็มีคนเอารถมาให้ถึงบ้าน รวมถึง บีเอ็มดับเบิลยู 503 คันโปรดของขวัญชัย ปภัสพงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ก็ยังนำรถมาบูรณะสภาพใหม่ที่บ้านของคุณศิริพงษ์ เมื่อถามว่าคันไหนคือ “คันโปรด” นั้นคุณศิริพงษ์บอกว่า
“รถทุกคันที่ผมทำมากับมือนั้น ผมรักหมดเลยครับ แต่ถ้าให้เปรียบเทียบว่าคันไหนชอบที่สุดนั้นคงไม่มีเพราะเปรียบไปแล้วรถพวกนี้ก็มีความสวยงามแตกต่างกันไปเหมือนกับผู้หญิงที่มีความสวยของแต่ละคน เมื่อผมซ่อมรถคันหนึ่งเสร็จผมก็จะไม่ค่อยได้ไปขับหรือสนใจมันเท่าเดิม แต่จะไปเห่อคันใหม่แทน”
ส่วนรถของคุณศิริพงษ์ที่มีอยู่ตอนนี้ก็มีหลากหลายยี่ห้อไม่ว่าจะเป็น อัลฟ่า โรมิโอ , จากัวร์ , เมอร์เซเดส-เบนซ์ , เอ็มจี ฯลฯ ซึ่งในการซ่อมแต่ละคันนั้นจะเป็นการนำเข้าอะไหล่จากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการนำรถมาร่วมขบวนพาเหรดครั้งนี้ก็นำมาถึง 4 คัน อาทิ MG TC ปี 1947 , Jaguer E-Type ปี 1960 , Mercedes-Benz 220S ปี 1958 , Mercedes-Benz 280SE ปี 1968 และคันที่คุณศิริพงษ์พาเราไปดูนั้นก็คือ MG YT ปี 1947 เครื่องยนต์ 1200 ซีซี 4 สูบ ซื้อมาในราคา 15,000 บาท นำมาทำสีใหม่จากสีเดิมคือสีเทามาเป็นสีแดง
คุณศิริพงษ์ยังบอกฝากถึงนักสะสมมือใหม่ว่าควรเริ่มที่รถราคาไม่แพงมากและสามารถซ่อมได้อย่างโฟล์ค สวาเก้น และอยากให้คนที่มีรถเก่าอย่าเก็บไว้อย่างเดียวเพราะจะเสียของ ทางที่ดีควรนำออกมาวิ่งบ้างและไม่อยากให้ขายให้คนต่างประเทศเพราะบางคันนั้นมีไม่กี่คันในโลกน่าจะเก็บไว้เป็นสมบัติของคนไทย
