ช่วงนี้เราอาจจะไม่ค่อยได้เห็นหน้าของ “เก่ง – ชาติชาย งามสรรพ์” ดาราหนุ่มนักบู๊ตามจอเงิน แต่ถ้าใครได้ให้ภาพยนตร์โฆษณาตัวใหม่ของมิตซูบิชิ สตราดา ก็คงจะเห็นผู้ชายคนนี้กันแล้ว “ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง” จึงมาพูดคุยกับเขาในเรื่องรถยนต์กันบ้าง
เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของมิตซุบิชิได้อย่างไร?
"ตรงนี้น่าจะเป็นความโชคดีของผมด้วยที่ทางผู้ใหญ่ของมิตซูบิชิให้โอกาส ที่สำคัญผมดีใจมากที่ได้ประกบกับคุณพรสวรรค์ ศิริวัฒนกุล นักแข่งรถระดับโลกของไทย ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้มีโอกาสแบบนี้ครับ นอกจากนี้ก่อนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทางมิตซูฯ ผมเองก็ใช้สตราดาอยู่แล้วครับแต่ไม่มีใครรู้ ซึ่งการมาทำงานครั้งนี้ก็ถือว่าใช้เวลาเตรียมตัวไม่นานมากแต่งานก็ออกมาดีถูกใจครับ"
คุยเรื่องรถของเก่งบ้าง?
เก่งบอกว่าเริ่มหัดขับรถมาตั้งแต่อยู่มัธยมต้นแล้ว โดยให้พี่ข้างบ้านช่วยสอน ส่วนรถที่เอามาลองขับก็เป็นรถของพ่อนั่นเอง พอเริ่มมีเงินก็ซื้อรถคันแรกเป็น ฮอนด้า แอคคอร์ด คันต่อมาก็เป็น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 , มิตซุบิชิ สตราดา และเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี 220 แต่ตอนนี้เหลือแค่ 2 คันก็คือ เก๋ง 1 คัน และ โฟววีล์อีก 1 คัน เก๋งนั้นเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี 220 ใช้มาประมาณ 2 ปี อีกคันก็เป็นมิตซูบิชิ สตราดานี่
"สำหรับมิตซูจะใช้บ่อยกว่าเบนซ์ครับ เพราะว่าพักหลังๆผมออกไปถ่ายละครต่างจังหวัดบ่อยๆ ชอบคันนี้เพราะสมบุกสมบัน ลุยในป่าได้ ที่สำคัญผมคิดว่ามันประหยัดน้ำมัน สาเหตุที่เลือกใช้คันนี้เพราะว่ารูปทรงสวย แล้วมีเพื่อนหลายๆคนใช้อยู่ ราคาก็สมเหตุสมผลไม่แพงมากไปครับ"
"ส่วนเรื่องการดูแลรถนั้นผมดูแลเอง ไม่ว่าจะเป็นการล้างรถ เช็ดรถ เพราะผมรู้สึกว่าเราใช้เองก็น่าจะดูแลเองจะได้รู้ว่าตรงไหนต้องดูแลมากน้อยแค่ไหน อีกอย่างผมเองก็ไม่ค่อยไว้ใจพวกคาร์แคร์เท่าไหร่พื่อความสบายใจดูแลเองดีกว่าครับ"
มาถึงเรื่อง “รถในฝัน”?
“ผมเลิกฝันไปนานแล้วครับ” เก่งบอกกับเราเช่นนี้เพราะเขาบอกว่าการที่เก็บเงินแล้วเปลี่ยนรถใหม่ซื้อคันใหม่ไปเรื่อยๆ ขับนานๆเบื่อแล้วก็เปลี่ยนคันใหม่มีความสุขกว่าเก็บเงินไปซื้อรถในฝันที่ราคาแพงเป็นล้านๆ
การขับรถของตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง?
“ผมชอบขับรถของผมเองครับ ไม่ชอบขับรถของคนอื่น เราจะคุ้นกับรถของเราเอง แล้วจะควบคุมตัวเองได้ว่าจะขับเร็วแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง แต่ที่สำคัญคือเราต้องมีสติอยู่เสมอ”
อยากลองแข่งรถดูบ้างไหม?
“จริงๆแล้วผมไม่ค่อยได้ขับไปลุยที่ไหน เพราะว่าช่วงนี้ละครเยอะ แล้วยังไม่เคยขับลุยๆแบบที่ในสนามแข่งหรอกครับ แล้วอีกอย่างผมยังไม่พร้อมทั้งเรื่องของเวลาและร่างกาย ทั้งยังไม่ได้เข้าคอร์สเรียนขับรถแข่งด้วย และยังอยากทำงานการแสดงให้ดีที่สุด แต่ถ้ามีโอกาสอาจจะลองดูครับ"
เอาล่ะ อีกหน่อยวงการแข่งรถอาจจะมีโอกาสได้ต้อนรับนักแข่งหน้าใหม่เพิ่มอีกคนก็เป็นได้
เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของมิตซุบิชิได้อย่างไร?
"ตรงนี้น่าจะเป็นความโชคดีของผมด้วยที่ทางผู้ใหญ่ของมิตซูบิชิให้โอกาส ที่สำคัญผมดีใจมากที่ได้ประกบกับคุณพรสวรรค์ ศิริวัฒนกุล นักแข่งรถระดับโลกของไทย ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้มีโอกาสแบบนี้ครับ นอกจากนี้ก่อนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทางมิตซูฯ ผมเองก็ใช้สตราดาอยู่แล้วครับแต่ไม่มีใครรู้ ซึ่งการมาทำงานครั้งนี้ก็ถือว่าใช้เวลาเตรียมตัวไม่นานมากแต่งานก็ออกมาดีถูกใจครับ"
คุยเรื่องรถของเก่งบ้าง?
เก่งบอกว่าเริ่มหัดขับรถมาตั้งแต่อยู่มัธยมต้นแล้ว โดยให้พี่ข้างบ้านช่วยสอน ส่วนรถที่เอามาลองขับก็เป็นรถของพ่อนั่นเอง พอเริ่มมีเงินก็ซื้อรถคันแรกเป็น ฮอนด้า แอคคอร์ด คันต่อมาก็เป็น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 , มิตซุบิชิ สตราดา และเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี 220 แต่ตอนนี้เหลือแค่ 2 คันก็คือ เก๋ง 1 คัน และ โฟววีล์อีก 1 คัน เก๋งนั้นเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี 220 ใช้มาประมาณ 2 ปี อีกคันก็เป็นมิตซูบิชิ สตราดานี่
"สำหรับมิตซูจะใช้บ่อยกว่าเบนซ์ครับ เพราะว่าพักหลังๆผมออกไปถ่ายละครต่างจังหวัดบ่อยๆ ชอบคันนี้เพราะสมบุกสมบัน ลุยในป่าได้ ที่สำคัญผมคิดว่ามันประหยัดน้ำมัน สาเหตุที่เลือกใช้คันนี้เพราะว่ารูปทรงสวย แล้วมีเพื่อนหลายๆคนใช้อยู่ ราคาก็สมเหตุสมผลไม่แพงมากไปครับ"
"ส่วนเรื่องการดูแลรถนั้นผมดูแลเอง ไม่ว่าจะเป็นการล้างรถ เช็ดรถ เพราะผมรู้สึกว่าเราใช้เองก็น่าจะดูแลเองจะได้รู้ว่าตรงไหนต้องดูแลมากน้อยแค่ไหน อีกอย่างผมเองก็ไม่ค่อยไว้ใจพวกคาร์แคร์เท่าไหร่พื่อความสบายใจดูแลเองดีกว่าครับ"
มาถึงเรื่อง “รถในฝัน”?
“ผมเลิกฝันไปนานแล้วครับ” เก่งบอกกับเราเช่นนี้เพราะเขาบอกว่าการที่เก็บเงินแล้วเปลี่ยนรถใหม่ซื้อคันใหม่ไปเรื่อยๆ ขับนานๆเบื่อแล้วก็เปลี่ยนคันใหม่มีความสุขกว่าเก็บเงินไปซื้อรถในฝันที่ราคาแพงเป็นล้านๆ
การขับรถของตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง?
“ผมชอบขับรถของผมเองครับ ไม่ชอบขับรถของคนอื่น เราจะคุ้นกับรถของเราเอง แล้วจะควบคุมตัวเองได้ว่าจะขับเร็วแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง แต่ที่สำคัญคือเราต้องมีสติอยู่เสมอ”
อยากลองแข่งรถดูบ้างไหม?
“จริงๆแล้วผมไม่ค่อยได้ขับไปลุยที่ไหน เพราะว่าช่วงนี้ละครเยอะ แล้วยังไม่เคยขับลุยๆแบบที่ในสนามแข่งหรอกครับ แล้วอีกอย่างผมยังไม่พร้อมทั้งเรื่องของเวลาและร่างกาย ทั้งยังไม่ได้เข้าคอร์สเรียนขับรถแข่งด้วย และยังอยากทำงานการแสดงให้ดีที่สุด แต่ถ้ามีโอกาสอาจจะลองดูครับ"
เอาล่ะ อีกหน่อยวงการแข่งรถอาจจะมีโอกาสได้ต้อนรับนักแข่งหน้าใหม่เพิ่มอีกคนก็เป็นได้
