ยนตรกิจ กรุ๊ปบี โดดจับกระแสประหยัดน้ำมัน สนองนโยบายรัฐบาลนำ "ซีตรอง ปิกัสโซ่" รถยนต์ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่มีส่วนผสมเอทานอลได้ถึง 20% คันแรกในไทย มาเผยโฉมเช็คความต้องการลูกค้า ก่อนขายจริงธันวาคมปีนี้ ในงาน "ไพรเวท ออฟเฟอร์" ที่นำรถยนต์ 4 ยี่ห้อในเครือ ซีตรอง เปอโยต์ สโกด้า และเกีย มาเสนอทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า พร้อมแคมเปญถอยรถง่ายๆ เพียบ ระหว่าง 15-17 ต.ค.ศกนี้
นายวิเชียร ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหาร ยนตรกิจกรุ๊ป บี ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 4 แบรนด์ คือ ซีตรอง เปอร์โยต์ สโกด้า และเกีย เปิดแผยว่า ยนตรกิจได้เตรียมการจัดงาน "ยนตรกิจ ไพรเวทค ออฟเฟอร์" ประจำปี 2547 ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคมนี้ ที่เซ็นทรัล ชิดลม ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมประจำปีของยนตรกิจ โดยนำรถยนต์ที่เครือกลุ่มยนตรกิจเป็นผู้แทนจำหน่ายทั้ง 4 แบรนด์ มาร่วมแสดงในงาน ภายใต้คอนเซปต์งาน " Your Choice of Energy" เพื่อเป็นการตอบรับกระแสความต้องการในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง

"งานครั้งนี้มีคอนเซ็ปต์ตามนโยบายรัฐบาล ในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และยังเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้า เพราะรถที่นำมาแสดงล้วนตอบโจทย์เหล่านี้ได้ โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ ซีตรอง ปิกัสโซ่ ที่นำแสดงสามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ ที่มีสูตรผสมของเอทานอลได้ถึง 20% จากปัจจุบันน้ำมันแก๊สโซฮอล์ใช้ส่วนผสมเพียง 10%"
ทั้งนี้ซีตรอง ปิกัสโซ่ ที่นำมาแสดงในงาน "ยนตรกิจ ไพรเวทค ออฟเฟอร์" เป็นเพียงการนำรถมาโชว์เพื่อดูผลตอบรับจากลูกค้าก่อน โดยคาดว่าจะขายจริงประมาณเดือนธันวาคม 2547 นี้ ซึ่งช่วงนี้กำลังทำการทดสอบประสิทธิภาพ และผลกระทบต่างๆ เมื่อนำมาทดลองใช้งานและเติมเชื้อเพลิงในเมืองไทย แต่คาดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในไทย มีส่วนผสมของเอทานอลเพียง 10% เท่านั้น และหากในอนาคตรัฐบาลเพิ่มส่วนผสมเอทานอลสูงขึ้นเป็น 20% ก็ยังสามารถใช้ได้เช่นเดิม
นายวิเชียรกล่าวว่า ซีตรอง ปิกัสโซ่ ที่สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ที่มีส่วนผสมของเอทานอลได้สูงถึง 20% ได้มีการผลิตเพื่อทำตลาดแล้วที่ยุโรป โดยเฉพาะประเทศบราซิลซึ่งตลาดมีความต้องการมาก ดังนั้นจึงมั่นใจในเรื่องของคุณภาพได้ โดยรถยนต์ที่จะนำเข้ามาทำตลาดในไทย ได้ผลิตและนำเข้าจากบริษัทแม่ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้ผลิตชิ้นส่วนส่งให้กับทางบราซิลอยู่แล้ว รถยนต์ที่นำขายในไทยจึงไม่น่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นเช่นกัน
"ผลดีของซีตรอง ปิกัสโซ่ ที่สามารถรองรับน้ำมันสูตรพิเศษผสมเอทานอลได้ถึง 20% อันดับแรกลูกค้าจะมีภาระค่าใช้จ่ายที่ถูกลง จากอัตราน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ต่ำกว่าน้ำมันเบนซินทั่วไป หรือหากไม่มีจุดเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ลูกค้าสามารถเติมน้ำมันเบนซิน 95 สลับได้ และข้อดีประการต่อมาราคารถยนต์ที่ลดลง จากการได้รับสนับสนุนรถประหยัดพลังงานของรัฐบาล ทำให้เสียภาษีสรรพสามิตตามโครงสร้างใหม่เพียงแค่ 20% จากอัตราปกติรถรุ่นนี้ต้องเสียภาษีไม่ต่ำกว่า 30% ส่งผลให้ราคาขายซีตรอง ปิกัสโซ่ อยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาท จากเดิมที่ไม่ได้รับการสนับสนุนรถรุ่นนี้จะต้องมีราคาสูงถึง 1.7-1.8 ล้านบาท"

อย่างไรก็ตาม หากจะให้ราคาลดลงมากกว่านี้ จะต้องมีการประกอบในประเทศ หรือทำซีเคดีในไทย แต่ปริมาณยอดขายเฉพาะไทยประเทศเดียวคงจะไม่เพียงพอต่อจุดคุ้มทุน จำเป็นต้องมีการส่งออกในภูมิภาคนี้ โดยซีตรอง ปิกัสโซ่ ได้เปิดตัวไปที่ประเทศมาเลเซียแล้ว และได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ซึ่งทางซีตรองมาเลเซียก็ได้มีการพูดกับกลุ่มยนตรกิจในเรื่องนี้ เพราะหากรวมปริมาณยอดขายของทั้งสองประเทศ น่าจะมีปริมาณเพียงพอต่อการประกอบปิกัสโซ่ในภูมิภาคนี้ได้ แต่ติดปัญหาเรื่องเขตการค้าเสรีอาฟต้า ที่มาเลเซียยังไม่ยอมเปิดเสรี ทำให้ไม่สามารถส่งออกจากไทย หรือนำเข้าจากมาเลเซีย ภายใต้โครงการอาฟต้าได้
สำหรับซีตรอง ปิกัสโซ่ ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 137 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ซีเควนเชียล ออโต แอคทีฟ คอนโทรล แรงบิดสูงสุดที่ 190 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบต่อนาที จาก 2,500 รอบต่อนาที พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ
ส่วนรถยนต์ซีตรองอื่นๆ ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้ 20% และทางกลุ่มยนตรกิจสนใจจะนำเข้ามาทำตลาด หากซีตรอง ปิกัสโซ่ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า โดยทางยนตรกิจมองไว้สองรุ่น คือ ซีตรอง ซี3 และซี5 แต่ขณะนี้ต้องทำรุ่นปิกัสโซ่ให้ดีเสียก่อน ซึ่งสัปดาห์นี้จะเดินทางไปเจรจากับบริษัทแม่ เพื่อให้ได้รถนำเข้ามาทดสอบในไทยให้เร็วที่สุด เพื่อขายให้ทันในเดือนธันวาคม หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปีหน้า

นายวิเชียรกล่าวต่อว่า ไม่เพียงซีตรอง ปิกัสโซ่ เท่านั้นที่สนองนโยบายรัฐในเรื่องพลังงาน และคอนเซ็ปต์ของการจัดงานครั้งนี้ รถยนต์ที่มาร่วมแสดงในงานกว่า 20 คัน ล้วนประหยัดน้ำมันและการบำรุงรักษา ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และเบนซิน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์เกีย K2700 ปิกอัพจัมโบ้ครั้งแรกในไทย , เปอโยต์ 406 แอล 5 ซีดานเครื่องยนต์เบนซินที่ประหยัดน้ำมันและบำรุงรักษาต่ำ และสโกด้า ออกตาเวีย ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลสมัยใหม่ และเป็นทางเลือกในสภาวะที่ต้องการความประหยัดในปัจจุบัน
นอกจากลูกค้าจะได้รถที่ให้ความประหยัดแล้ว ลูกค้าที่ซื้อรถยังจะได้รับเงื่อนไขพิเศษ อาทิ รถยนต์เกีย รุ่นK2700 ราคาพิเศษเพียง 5.69 แสนบาท และรุ่นเพรจิโอ รถตู้อเนกประสงค์ 12 ที่นั่ง จองรับทันทีฟรีทอง 2 บาท และรุ่นคานิวัล รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ดาวน์เพียง 99,000 บาท พร้อมด้วยเงื่อนไขพิเศษรถยนต์เกียทุกรุ่น รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กม. เฉพาะในงานเท่านั้น
ส่วนซีตรอง C5 HDI เงื่อนไขพิเศษ ดาวน์เริ่มต้นที่ 10% หรือผ่อนฟรีดอกเบี้ยนาน 48 เดือน พร้อมบำรุงรักษาฟรี 3 ปี หรือ 100,000 กม. รถยนต์เปอโยต์ 406 L5 ไม่มีเงินดาวน์ออกรถได้เลย และเริ่มผ่อนปีหน้า สำหรับรถยนต์สโกด้า ออกตาเวีย 1.9 TDI ดาวน์ต่ำ ดอกเบี้ย 1.9% พร้อมฟรีบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม.
นายวิเชียร ลีนุตพงษ์ กรรมการบริหาร ยนตรกิจกรุ๊ป บี ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 4 แบรนด์ คือ ซีตรอง เปอร์โยต์ สโกด้า และเกีย เปิดแผยว่า ยนตรกิจได้เตรียมการจัดงาน "ยนตรกิจ ไพรเวทค ออฟเฟอร์" ประจำปี 2547 ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคมนี้ ที่เซ็นทรัล ชิดลม ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมประจำปีของยนตรกิจ โดยนำรถยนต์ที่เครือกลุ่มยนตรกิจเป็นผู้แทนจำหน่ายทั้ง 4 แบรนด์ มาร่วมแสดงในงาน ภายใต้คอนเซปต์งาน " Your Choice of Energy" เพื่อเป็นการตอบรับกระแสความต้องการในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
"งานครั้งนี้มีคอนเซ็ปต์ตามนโยบายรัฐบาล ในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และยังเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้า เพราะรถที่นำมาแสดงล้วนตอบโจทย์เหล่านี้ได้ โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ ซีตรอง ปิกัสโซ่ ที่นำแสดงสามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ ที่มีสูตรผสมของเอทานอลได้ถึง 20% จากปัจจุบันน้ำมันแก๊สโซฮอล์ใช้ส่วนผสมเพียง 10%"
ทั้งนี้ซีตรอง ปิกัสโซ่ ที่นำมาแสดงในงาน "ยนตรกิจ ไพรเวทค ออฟเฟอร์" เป็นเพียงการนำรถมาโชว์เพื่อดูผลตอบรับจากลูกค้าก่อน โดยคาดว่าจะขายจริงประมาณเดือนธันวาคม 2547 นี้ ซึ่งช่วงนี้กำลังทำการทดสอบประสิทธิภาพ และผลกระทบต่างๆ เมื่อนำมาทดลองใช้งานและเติมเชื้อเพลิงในเมืองไทย แต่คาดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในไทย มีส่วนผสมของเอทานอลเพียง 10% เท่านั้น และหากในอนาคตรัฐบาลเพิ่มส่วนผสมเอทานอลสูงขึ้นเป็น 20% ก็ยังสามารถใช้ได้เช่นเดิม
นายวิเชียรกล่าวว่า ซีตรอง ปิกัสโซ่ ที่สามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ที่มีส่วนผสมของเอทานอลได้สูงถึง 20% ได้มีการผลิตเพื่อทำตลาดแล้วที่ยุโรป โดยเฉพาะประเทศบราซิลซึ่งตลาดมีความต้องการมาก ดังนั้นจึงมั่นใจในเรื่องของคุณภาพได้ โดยรถยนต์ที่จะนำเข้ามาทำตลาดในไทย ได้ผลิตและนำเข้าจากบริษัทแม่ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้ผลิตชิ้นส่วนส่งให้กับทางบราซิลอยู่แล้ว รถยนต์ที่นำขายในไทยจึงไม่น่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นเช่นกัน
"ผลดีของซีตรอง ปิกัสโซ่ ที่สามารถรองรับน้ำมันสูตรพิเศษผสมเอทานอลได้ถึง 20% อันดับแรกลูกค้าจะมีภาระค่าใช้จ่ายที่ถูกลง จากอัตราน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ต่ำกว่าน้ำมันเบนซินทั่วไป หรือหากไม่มีจุดเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ลูกค้าสามารถเติมน้ำมันเบนซิน 95 สลับได้ และข้อดีประการต่อมาราคารถยนต์ที่ลดลง จากการได้รับสนับสนุนรถประหยัดพลังงานของรัฐบาล ทำให้เสียภาษีสรรพสามิตตามโครงสร้างใหม่เพียงแค่ 20% จากอัตราปกติรถรุ่นนี้ต้องเสียภาษีไม่ต่ำกว่า 30% ส่งผลให้ราคาขายซีตรอง ปิกัสโซ่ อยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาท จากเดิมที่ไม่ได้รับการสนับสนุนรถรุ่นนี้จะต้องมีราคาสูงถึง 1.7-1.8 ล้านบาท"
อย่างไรก็ตาม หากจะให้ราคาลดลงมากกว่านี้ จะต้องมีการประกอบในประเทศ หรือทำซีเคดีในไทย แต่ปริมาณยอดขายเฉพาะไทยประเทศเดียวคงจะไม่เพียงพอต่อจุดคุ้มทุน จำเป็นต้องมีการส่งออกในภูมิภาคนี้ โดยซีตรอง ปิกัสโซ่ ได้เปิดตัวไปที่ประเทศมาเลเซียแล้ว และได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ซึ่งทางซีตรองมาเลเซียก็ได้มีการพูดกับกลุ่มยนตรกิจในเรื่องนี้ เพราะหากรวมปริมาณยอดขายของทั้งสองประเทศ น่าจะมีปริมาณเพียงพอต่อการประกอบปิกัสโซ่ในภูมิภาคนี้ได้ แต่ติดปัญหาเรื่องเขตการค้าเสรีอาฟต้า ที่มาเลเซียยังไม่ยอมเปิดเสรี ทำให้ไม่สามารถส่งออกจากไทย หรือนำเข้าจากมาเลเซีย ภายใต้โครงการอาฟต้าได้
สำหรับซีตรอง ปิกัสโซ่ ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 137 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ซีเควนเชียล ออโต แอคทีฟ คอนโทรล แรงบิดสูงสุดที่ 190 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบต่อนาที จาก 2,500 รอบต่อนาที พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ
ส่วนรถยนต์ซีตรองอื่นๆ ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้ 20% และทางกลุ่มยนตรกิจสนใจจะนำเข้ามาทำตลาด หากซีตรอง ปิกัสโซ่ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า โดยทางยนตรกิจมองไว้สองรุ่น คือ ซีตรอง ซี3 และซี5 แต่ขณะนี้ต้องทำรุ่นปิกัสโซ่ให้ดีเสียก่อน ซึ่งสัปดาห์นี้จะเดินทางไปเจรจากับบริษัทแม่ เพื่อให้ได้รถนำเข้ามาทดสอบในไทยให้เร็วที่สุด เพื่อขายให้ทันในเดือนธันวาคม หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปีหน้า
นายวิเชียรกล่าวต่อว่า ไม่เพียงซีตรอง ปิกัสโซ่ เท่านั้นที่สนองนโยบายรัฐในเรื่องพลังงาน และคอนเซ็ปต์ของการจัดงานครั้งนี้ รถยนต์ที่มาร่วมแสดงในงานกว่า 20 คัน ล้วนประหยัดน้ำมันและการบำรุงรักษา ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และเบนซิน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์เกีย K2700 ปิกอัพจัมโบ้ครั้งแรกในไทย , เปอโยต์ 406 แอล 5 ซีดานเครื่องยนต์เบนซินที่ประหยัดน้ำมันและบำรุงรักษาต่ำ และสโกด้า ออกตาเวีย ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลสมัยใหม่ และเป็นทางเลือกในสภาวะที่ต้องการความประหยัดในปัจจุบัน
นอกจากลูกค้าจะได้รถที่ให้ความประหยัดแล้ว ลูกค้าที่ซื้อรถยังจะได้รับเงื่อนไขพิเศษ อาทิ รถยนต์เกีย รุ่นK2700 ราคาพิเศษเพียง 5.69 แสนบาท และรุ่นเพรจิโอ รถตู้อเนกประสงค์ 12 ที่นั่ง จองรับทันทีฟรีทอง 2 บาท และรุ่นคานิวัล รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ดาวน์เพียง 99,000 บาท พร้อมด้วยเงื่อนไขพิเศษรถยนต์เกียทุกรุ่น รับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กม. เฉพาะในงานเท่านั้น
ส่วนซีตรอง C5 HDI เงื่อนไขพิเศษ ดาวน์เริ่มต้นที่ 10% หรือผ่อนฟรีดอกเบี้ยนาน 48 เดือน พร้อมบำรุงรักษาฟรี 3 ปี หรือ 100,000 กม. รถยนต์เปอโยต์ 406 L5 ไม่มีเงินดาวน์ออกรถได้เลย และเริ่มผ่อนปีหน้า สำหรับรถยนต์สโกด้า ออกตาเวีย 1.9 TDI ดาวน์ต่ำ ดอกเบี้ย 1.9% พร้อมฟรีบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กม.