xs
xsm
sm
md
lg

ประกาสิทธิ์ พรประภา : คลื่นลูกใหม่ของ “สยามกลการ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชื่อของ "สยามกลการ" ณ เวลานี้อาจจะไม่มีแบรนด์ "นิสสัน" อยู่ด้วย แต่ตระกูล “พรประภา” ก็เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจของเมืองไทยที่ก่อตั้งมากว่าครึ่งศตวรรษ มีธุรกิจในเครือกว่า 50 บริษัท แต่ละบริษัทอยู่ในระดับผู้นำของแต่ละแขนงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ นิสสัน, ยีเอส แบทเตอรี่ , เครื่องปรับอากาศ ไดกิ้น , เครื่องดนตรี ยามาฮา รวมถึงธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หลายบริษัท เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้ล้วนมาจากนักธุรกิจมืออาชีพอย่าง ดร. พรเทพ พรประภา เป็นผู้กุมบังเหียน

นอกจากนี้ก็ยังมีคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามาเสริมรากฐานอีกคนนั่นก็คือลูกชายคนสุดท้องที่เพิ่งเรียนจบกลับมาจากอเมริกา อย่าง “แพท” ประกาสิทธิ์ พรประภา มาช่วยดูแลในด้านของอะไหล่และแบตเตอรี่ “ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง” จึงไปทำความรู้จักหนุ่มไฟแรงอีกคนของตระกูลพรประภากัน

**เริ่มทำงานมานานหรือยัง?**

ผมเพิ่งเข้ามาทำงานไม่นานเท่าไหร่ ส่วนมากเลยยังต้องอาศัยปรึกษาคุณพ่ออยู่มากครับ แพทเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีสาขาวิชา International Studies ซึ่งเป็นสาขาใหม่ การที่มาเรียนสาขานี้เพราะว่าชอบและเป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้แต่ไม่เกี่ยวกับการบริหารที่นี่มากนัก พอเริ่มทำงานจริงจังก็เลยได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆในบริษัทฯ ของคุณพ่อแล้วก็ศึกษาศึกษาไปในตัวด้วยครับ กับเรื่องการเรียนทางบ้านไม่ได้บังคับคุณพ่อคุณแม่จะปล่อยให้เรียนตามที่ตัวแพทเองชอบ และอีกอย่างเรียนสาขาวิชานี้จบเร็วขึ้นด้วยเพราะจะได้มาช่วยคุณพ่อทำงาน และ ได้เรียนรู้งานทำที่หลากหลายด้วย และอีกอย่างการที่มาช่วยทำธุรกิจกับคุณพ่อเพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ว
**งานที่ดูแลอยู่ตอนนี้มีอะไรบ้าง?**

ตอนนี้แพทดูแลอยู่ 3 บริษัท คือ บริษัทสยามกลการอะไหล่ จำกัด (ผู้แทนจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์) ในตำแหน่ง กรรมการและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและประสานงาน , บริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด (ผู้แทนจำหน่ายแบตเตอรี่ ยีเอส) ในตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายประสานงาน และสุดท้าย บริษัท เอ็น เค เอส แบริ่งส์ (ประเทศไทย) (จำหน่ายตลับลูกปืน NSK) ตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายประสานงาน

นอกจากนี้ก็จะมีงานที่มาช่วยคุณพ่อดูแลอีกอย่างคือโช้กอัพคายาบา การทำงานก็จะช่วยในการวางแผนต่างๆ แต่ถ้าถามถึงงานที่ทำแล้วสนุกก็น่าจะเป็น ยีเอส แบตเตอรี่ เพราะเป็นงานใหม่

**คิดว่า “สยามกลการ” ในสายตาแพทเป็นอย่างไร?**

เป็นบริษัทที่มั่นคงมีชื่อเสียงมานานน่าเชื่อถือ พร้อมทั้งตอนนี้คุณพ่อได้ออกนโยบายใหม่ๆ รับพนักงานเข้ามาเพิ่ม เน้นว่าจะต้องพูดภาษาอังกฤษและเป็นเรื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อปรับปรุงความสามารถของพนักงานในกลุ่ม เพื่อที่เราจะได้เข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าที่เป็นอยู่

**เริ่มขับรถมานานหรือยัง?**

ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นแต่รถนิสสัน แพทจึงหัดขับรถมาตั้งแต่อายุ 14 – 15 ปีแต่ตอนหัดขับต้องมีคนนั่งไปด้วยเพราะกลัวตำรวจจับ ส่วนรถที่หัดขับคันแรกเป็นรถนิสสันรุ่น เซฟิโร สีเทา ที่หัดขับเซอฟิโรเพราะว่า เป็นรถของพี่สาวเอง ต่อจากรถนิสสันก็จะเป็นรถจิ๊ป

ตอนเรียนอยู่ที่อเมริกา จะขับรถอยู่คันหนึ่งซึ่งจะขับไปเรียนตลอดในระหว่างที่เรียนอยู่อเมริกา ซึ่งเป็นรถมินิรุ่นคูเปอร์ เอส เพราะคิดว่าราคาไม่แพงมากนักและสมรรถนะก็ดีด้วย ส่วนเรื่องการดูแลรถยนต์ อยู่ที่อเมริกาจะทำเองทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นล้างรถ , ดูแลเครื่องยนต์ ,และเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรถยนต์ แต่พอกลับมาในประเทศไทยมีคนคอยดูแลให้ เพราะเวลาไม่ค่อยมีมากนัก แต่จะดูแลบ้างเป็นบางครั้ง

**พูดถึงความแตกต่างระหว่างรถญี่ปุ่นและรถยุโรป?**

การที่มาแพทมาทำงานตรงนี้ก็ไม่จำเป็นต้องขับรถนิสสันเพียงอย่างเดียว รุ่นอื่น ๆ แบรนด์อื่น ๆ ก็มีอยู่เยอะที่สมรรถนะดี ในความคิดระหว่างรถในยุโรปกับรถญี่ปุ่น คิดว่ารถยุโรปจะแข็งแรงกว่า เครื่องยนต์ดีกว่า เกาะถนนกว่า แต่ถ้าพูดถึงรถญี่ปุ่นก็มีข้อดีไม่แพ้กันสักเท่าไหร่อย่างเรื่องของดีไซน์และยังมีความโดดเด่นในเรื่องของการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย ยิ่งเดี๋ยวนี้รถญี่ปุ่นก็ไปบุกตลาดยุโรปมากมายและยอดจำหน่ายก็ดีด้วย

**รถคันที่ใช้อยู่ตอนนี้?**

ตอนนี้อายุ 24 ปี มาทำงานก็ต้องเปลี่ยนรถที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเพื่อเพิ่มบุคลิกให้ตัวเอง ซึ่งก็คือ นิสสัน เทียน่า และเป็นรุ่นที่ออกแบบมาดีไซน์สวยมากรุ่นหนึ่งของนิสสัน รถที่ใช้อยู่จะเป็นรถยนต์ของคุณพ่อทั้งหมด ส่วนการเลือกขับก็แล้วแต่อารมณ์แล้วแต่สถานที่ที่จะไป

**ถามถึงเรื่องรถคันโปรด?**

อย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่าแพทเห็นนิสสันมาตั้งแต่เด็ก  ความชอบนิสสันก็มีมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว  อย่างเทียน่าที่ออกมาล่าสุดก็ถือว่าเป็นรุ่นที่สวย  ถือว่าผมโชคดีที่ได้ทดลองขับรถของนิสสันทุกรุ่นที่ออกมา  ถ้านอกจากนิสสันแล้วรถที่ชอบเป็นพวกรถสปอร์ตอย่าง ปอร์เช่ และที่บ้านก็จะมี คาร์เรร่า สีน้ำเงินใช้มา 2 ปีแล้วกับรุ่นคาเยนต์ สีน้ำเงิน ตอนมาทำงานปกติจะมีคนขับรถไปให้ที่ไม่ขับเองเพราะต้องตื่นเช้าขับเองไม่ไหว ส่วนรถที่อยากได้ก็ต้องรอสักพักหนึ่ง เผื่อว่าจะมีอะไรใหม่ๆ ส่วนรถในฝันจะต้องเป็นรถยนต์ที่เราหาด้วยเงินของเราเอง และที่มองไว้น่าจะเป็น รถปอร์เช่นี่ล่ะครับ สาเหตุที่ชอบรถสปอร์ตก็เพราะว่าเป็นคนขับรถค่อนข้างเร็วพอประมาณ แต่ไม่มีโอกาสขับแบบนี้ในกรุงเทพแน่นอน อย่างรถที่มีอยู่ตอนนี้ก็จะขับแต่วันเสาร์-อาทิตย์

**อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองบ้างไหม?**

ณ วันนี้คิดว่าจะต้องทำงานของตัวเองที่พ่อยกให้ดูแลให้ดีที่สุดก่อน เหมือนเป็นการสั่งสมประสบการณ์ไว้ก่อน แต่วันหนึ่งอยากจะสร้างธุรกิจของตัวเองบ้าง ไม่ใช่มารับมรดกของพ่อเพียงอย่างเดียว ส่วนจะเป็นธุรกิจประเภทไหนนั้นก็ยังคิดอยู่

กำลังโหลดความคิดเห็น