xs
xsm
sm
md
lg

FERRARI F430 : เปลี่ยนชื่อรุ่นเพิ่มความจุเครื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในช่วง 1-2 ปี ดูเหมือนว่าตลาดซูเปอร์คาร์ไซส์เล็ก (แต่สมรรถนะไม่เล็กตามตัว) ถือว่ามีการแข่งขันที่ดุเดือดพอสมควร เพราะมีผู้เล่นช่วงชิงความได้เปรียบในตลาดอยู่เยอะพอสมควร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการชิงชัยระหว่างค่ายดังจากฝั่งเยอรมันและอิตาลี โดยมีเฟอร์รารี่ และพอร์ชเป็นคู่กัดที่สำคัญ
ในปีนี้ ทั้ง 2 ค่ายเปิดตัวซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ๆ ออกมากระตุ้นตลาดในช่วงที่ใกล้เคียงกันมาก โดยพอร์ชชิงความได้เปรียบก่อน กับรุ่นใหม่ของสายพันธุ์ 911 ที่มากับรหัสตัวถัง 997 ก่อนที่เฟอร์รารี่จะสวนกลับเกือบทันทีกับรุ่นใหม่ เอฟ430 ซึ่งถ้าดูดีๆ แล้วน่าจะเรียกได้ว่าเป็นไมเนอร์เชนจ์จากรุ่น 360 โมเดนามากกว่า

แต่นอกจาก 2 ค่ายนี้แล้ว ยังมีแบรนด์ดังอื่นๆ ที่ถือว่าจะมองข้ามไม่ได้อย่างลัมบอร์กินี, มาเซราติ และแอสตัน มาร์ตินเป็นทางเลือกอื่นๆ สำหรับลูกค้าที่อาจจะเบื่อแบรนด์ที่ใช้ม้าเป็นโลโก้ของบริษัท

แน่นอนว่าทุกครั้งที่เฟอร์รารี่มีการพลิกตัวหรือเปิดตัวรถสปอร์ตรุ่นใหม่มักจะเรียกเสียงฮือฮาได้เป็นอย่างดี แม้ว่า "ความใหม่" ที่ว่าจะเป็นแค่การปรับโฉม หรือ ไมเนอร์เชนจ์ก็ตาม

สำหรับเอฟ430 ที่จะเปิดตัวในปารีส มอเตอร์โชว์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 25 กันยายนนี้ ที่ประเทศฝรั่งเศสนั้น ถ้าดูให้ดีๆ แล้วจะเป็นแค่การไมเนอร์เชนจ์ หรือปรับโฉมที่มีแนวคิดไม่ต่างจากตอนที่รุ่น 550 มาราเนลโลเปลี่ยนมาเป็น 575เอ็ม เมื่อปีที่แล้ว เพียงแต่ว่าการปรับโฉมของเอฟ430 อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงเยอะพอสมควร เรียกว่าเปลือกนอกของตัวถัง และชุดมาตรวัดภายในห้องโดยสารเปลี่ยนใหม่เกือบทั้งหมด แต่โครงสร้างตัวถังหลักยังเหมือนเดิม

ในช่วงนี้ถือว่าเฟอร์รารี่รุกตลาดอย่างต่อเนื่องและมีซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ๆ ออกมาหมุนเวียนอยู่ในตลาด ต่างจากในอดีตที่กว่าจะเปลี่ยนโฉมทีลูกค้าต้องรอกันนานเป็น 10 ปี โดยความเปลี่ยนแปลงเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2003 กับรุ่น 575เอ็ม ตามด้วยเอ็นโซ่ เฟอร์รารี่ ซึ่งถือเป็นสุดยอดซูเปอร์คาร์เท่าที่เฟอร์รารี่เคยผลิตออกมาเลยทีเดียวในช่วงปลายปีเดียวกัน และเมื่อถึงต้นปีก็ถึงเวลาของรุ่น 612 สการ์เกลียตตี้ ซึ่งเป็นรถสปอร์ตแนวจีที ซึ่งเข้ามาทำตลาดแทนรุ่น 456 และก็มาถึงคิวของเอฟ430

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะสภาพตลาดซูเปอร์คาร์ที่เปลี่ยนไปอย่างมาก การมีรถสปอร์ตเพียงรุ่นเดียวจอดขายบนโชว์รูมเป็นเวลานานๆ ไม่ใช่เรื่องดีอีกต่อไปในเชิงการตลาดยุคใหม่ (การล้มละลายของลัมเบอร์กินีคือตัวอย่างที่ดี) ดังนั้น บรรดาบริษัทซูเปอร์คาร์จำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพของตลาดมากที่สุดเพื่อความอยู่รอด โดยไม่ทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว่าบริษัทเหล่านี้เสียความสำคัญในเชิงเอกลักษณ์ไป

พอร์ชคือตัวอย่างที่ดีของการดำเนินกลยุทธ์รูปแบบนี้ โดยเฉพาะการแตกสายพันธุ์ 911 ออกมาหลายเวอร์ชันหลายแบบให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ และถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญเหนือคู่แข่งอื่นๆ เพราะทำให้ประหยัดต้นทุนและระยะเวลาในการพัฒนารถ แต่กลับทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว่า พอร์ชมีรถสปอร์ตให้เลือกหลายแบบ ทั้งๆ ที่แต่ละรุ่นของสายพันธุ์ 911 เช่น คาร์เรรา, เปิดประทุน, เทอร์โบ, จีที2, จีที3 ฯลฯ ที่ขายอยู่ต่างก็ใช้พื้นฐานของรุ่น 911 ทั้งนั้น

ย้อนกลับมาที่สปอร์ตใหม่ของเฟอร์รารี่กันต่อ เอฟ430 ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของ 360 โมเดนา สปอร์ตรุ่นเล็กที่สุดของเฟอร์รารี่ที่มีขายอยู่ในตลาด และเปิดตัวในปี 1999 อีกทั้งยังถือเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกๆ ของเฟอร์รารี่ที่หันมาใช้โครงสร้างตัวถังที่ผลิตจากอะลูมิเนียม

แม้จะใช้โครงสร้างตัวถังหลักเดียวกัน แต่รูปลักษณ์โดยรวมก็มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร เช่น ไฟคู่หน้ามีขนาดเล็กลง และกันชนหน้า-หลังทรงใหม่ ขนาดตัวถังมีความยาว 4,512 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 37 มิลลิเมตร) ที่เหลือเท่าเดิมหมดทั้งความกว้าง 1,923 มิลลิเมตร สูง 1,214 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,600 มิลลิเมตร ขณะที่น้ำหนักเพิ่มจาก 1,390 กิโลกรัมในรุ่น 360 มาเป็น 1,450 กิโลกรัม

นอกจากนั้น เฟอร์รารี่ได้เปิดเผยว่าเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในสายการผลิต ที่มีการนำ เฟืองท้ายแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-DIFF และพวงมาลัยแบบใหม่ที่รวมปุ่มการทำงานต่างๆ ของระบบในตัวรถไว้ด้วยกัน คล้ายกับปุ่มต่างๆ บนรถแข่งฟอร์มูลา-วัน ซึ่งเฟอร์รารี่เรียกว่า MANETTINO

แน่นอนว่าเฟอร์รารี่เพิ่มความจุให้แก่เครื่องยนต์วี8 เพื่อสมรรถนะในการขับเคลื่อน โดยยกระดับจาก 3,600 ซีซี ขึ้นมาเป็น 4,300 ซีซี มีกำลังสูงสุด 490 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 47.4 กก.-ม. ที่ 5,250 รอบ/นาที และเมื่อคิดเป็นแรงม้าต่อลิตรแล้วอยู่ที่ 114 แรงม้า/ลิตร

สำหรับระบบเกียร์เป็นแบบธรรมดา 6 จังหวะใช้การเปลี่ยนเกียร์และการทำงานของคลัตช์ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นไม่ต้องมองหาแป้นคลัตช์ หรือคันเกียร์เมื่อเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร ส่วนสมรรถนะการขับเคลื่อน แรงสะใจ มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใช้เวลา 4 วินาที และความเร็วสูงสุด 315 กิโลเมตร/ชั่วโมง

หลังจากเปิดตัวในปารีส มอเตอร์โชว์แล้ว ลูกค้าที่สนใจซื้อเก็บเงินรอได้เลย เพราะเฟอร์รารี่จะเริ่มขายในยุโรปช่วงต้นปี 2005 ส่วนราคายังไม่เปิดเผยในตอนนี้

กำลังโหลดความคิดเห็น