มิตซูบิชิ เป็นค่ายรถรายล่าสุดที่แนะนำแลนเซอร์ เครื่อง 2.0 ลิตร ลงลุยตลาดในเซกเมนท์รถครอบครัวขนาดเล็ก ซึ่งมีคู่แข่งอยู่แล้วถึง 3 ยี่ห้อคือ มาสด้า 323 โปรทีเจ,ฮอนด้า ซีวิค,ฟอร์ด เลเซอร์ บวกกับราคาที่ตั้งไว้ก็สูสีกันคือเฉียดหนึ่งล้านบาท ที่สำคัญแลนเซอร์ 2.0 ลิตรรุ่นนี้มีการไมเนอร์เชนจ์มากที่สุดเท่าที่มีการปรับปรุงโฉมกันมา เพราะไม่เหลือคราบเดิมไว้เลย ทั้งนี้เนื่องจากว่าได้มีการออกแบบด้านหน้าใหม่หมด และมีรูปลักษณ์คล้ายกับสปอร์ตซีดานรุ่น อีโวลูชั่น อันลือชื่อของมิตซูบิชิ แถมยังจะตัดคำว่าซีเดียร์ออกด้วย เท่านั้นไม่พอมิตซูบิชิยังเอาใจผู้ที่ชอบความแรง ด้วยการนำเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รหัส 4G63 ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปในตลาดยุโรปและออสเตรเลีย มาทำตลาดแทนเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรเดิม ซึ่งถูกยกเลิกการผลิตในไทยไป ขณะที่เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 108 แรงม้า รหัส 4G18 จะยังคงไว้เช่นเดิม
ก่อนที่จะขึ้นประจำที่ก็ขอสำรวจรูปโฉมภายนอกของแลนเซอร์ใหม่กันอย่างจะ ๆ ซะก่อน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร โดยเฉพาะกระจังหน้าได้นำสัญลักษณ์ทรี-ไดมอน มาเน้นให้ใหญ่ขึ้น ดูแล้วแปลกตาดี จากที่เมื่อก่อนค่อนข้างเล็กแถบจะมองไม่เห็น นอกจากนี้ยังออกแบบไฟหน้าให้ใหญ่ขึ้น รวมไปถึงไฟท้ายลายใหม่ แถมฝากระโปรงท้ายมีสปอยเลอร์ในตัว และกรอบใส่ป้ายทะเบียนทรงใหม่ ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว กระจังหน้าเน้นความเป็นสปอร์ต ตรงกลางด้านหน้ารถทำเป็นสันชัดเจนพร้อมด้วยสัญลักษ์ทรี-ไดมอนอยู่ตรงกลาง ทำให้รถโดดเด่นขึ้นทันที
ภายในห้องโดยสารก็หรูหราไม่แพ้คู่แข่งในระดับเดียวกัน ด้วยแผงคอนโซลแบบตัวที มีความลาดเอียงในแนวตั้งให้มุมมองที่ชัดเจน และเสริมแต่งเพิ่มด้วยลายไม้ตรงคอนโซลกลางและแป้นรอบคันเกียร์ เบาะนั่งหนังแท้พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายมีมาให้ครบครันและจัดวางแบบเรียบ ๆ ดูแล้วสบายตา
จุดเด่นที่ค่ายมิตซูบิชิเน้นคือเครื่องยนต์ เพราะเป็นเครื่องรุ่นเดียวกับมิตซูบิชิ อีโวลูชั่น 8 ซึ่งเป็นสปอร์ตซีดานที่คว้าชัยในการแข่งขันแรลลี่ระดับโลกและได้รับรางวัลมากมาย คือเครื่องยนต์รหัส 4G63 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้กำลัง 99 กิโลวัตต์ หรือ 135 แรงม้า ที่ 5,750 รอบ แรงบิดสูงสุด 176 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ ผนวกกับระบบเกียร์อัจฉริยะ INVECS-II SPORTRONIC 4 SPEED ที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบการขับได้ 2 อารมณ์ ทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ และแบบเกียร์ธรรมดา ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ขับขี่ให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนเกียร์ ทำให้การขับขี่ได้เร้าใจ
สำหรับเส้นทางการลองขับในครั้งนี้เริ่มจากโชว์รูมมิตซูบิชิ แถวรังสิต สู่จังหวัดกาญจนบุรี หลังเข้าประจำที่สิ่งแรกที่รู้สึกและสัมผัสได้คือพวงมาลัยของแลนเซอร์ 2.0 ลิตร เป็นแบบ 4 ก้าน สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ แต่มีน้ำหนักค่อนข้างเบามือ ไม่แม่น ขับแล้วไม่มั่นใจโดยเฉพาะในช่วงความเร็วสูง
อัตราเร่งในช่วงต้น ๆ มีมาค่อนข้างดี การออกตัวคล่องแคล่วพอสมควร แต่ในช่วงระหว่างกลางคือช่วง 2,500 รอบถึง 4,500 รอบ กำลังจะตกไปนิดหนึ่ง ก็ต้องมาลากรอบกันใหม่ไปถึง 5,000 รอบ ถึงจะมีแรงส่งกลับมาทำให้มั่นใจมากขึ้น แต่หากขับแบบสบาย เท้าไม่หนัก กำลังที่ได้ก็มากพอสมควรแล้ว
ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีค พร้อมระบบโหมดที่เพิ่มให้คนขับสามารถเลือกตำแหน่งเกียร์เองได้ ทำให้มีความสนุกสนานในการขับมากขึ้น การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารก็ทำได้ดีเงียบขึ้นกว่าเดิม ส่วนจุดเด่นของรุ่นนี้คือเครื่องเดินเรียบ เงียบ ไม่ดังเหมือนรุ่น 1600 ซีซี 1800ซีซี ตอนลากรอบสูง ระบบกันสะเทือนอีกจุดหนึ่งที่ถูกปรับปรุงไปจากเดิม โดยระบบกันสะเทือนแบบอิสระสี่ล้อถูกปรับเช็ตให้แข็งขึ้น ซึ่งก็รู้สึกว่าแข็งไปนิดหนึ่ง เมื่อเราขับผ่านหลุม ทางขรุขระ แต่ไม่ถึงกับกระด้าง แต่ถ้าเป็นทางถนนไฮเวย์ หรือทางเรียบ ช่วงล่างจะนุ่ม ขณะที่เนื้อที่ภายในห้องโดยสาร ไม่กว้างไม่แคบจนเกิน นั่งสบายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ยิ่งตัวเบาะเป็นหนังแท้นั่งแล้วนุ่มนิ่ม สบายจริง ๆ บวกกับการใช้สีอ่อนโทนเดียวกันล้วน ๆ ดูแล้วสะอาดสะอ้าน
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆเช่น กระจกไฟฟ้า,ที่วางแก้วน้ำ,ที่เก็บแว่นตา,เซ็นทรัลล็อค ,กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า,ระบบ ETAC ซึ่งจะควบคุมระบบไฟฟ้าต่าง ๆ กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน,เครื่องเสียงชั้นดี SINGLE CD สามารถเล่น MP 3 พร้อมกล่อง CD CHANGER 10 แผ่น เป็นต้น
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เคาะราคาจำหน่ายของแลนเซอร์ไว้ที่ 959,900 บาท ซึ่งราคาก็สูสีกับคู่แข่ง แต่มิตซูบิชิเด่นที่หน้าตา ถ้าคุณชอบหน้าตาที่แปลกแต่ดูสวยบวกกับการขับขี่แบบสบาย ๆ ไม่ต้องการความมัน แบบไม่แข่งกับใครถือว่าคันนี้ใช้ได้ดีทีเดียว