ท่ามกลางความท้าทายใหม่ที่สถานศึกษารวมทั้งโรงเรียนต้องเผชิญ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงให้เท่าทัน “แพคริม” แนะต้องมุ่งเป็น “School of Choice” ด้วย 5 องค์ประกอบสำคัญ เปลี่ยนจาก “Mindset” สู่ “ผลลัพธ์” ผ่านเครื่องมือระดับโลก พร้อม 4 บทบาทผู้นำ กุญแจสำคัญขับเคลื่อนโรงเรียนสู่ความสำเร็จ
พรทิพย์ อัยยิมาพันธ์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอกลุ่ม “แพคริม” ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผู้นำและองค์กร รวมถึงสถาบันการศึกษาและผู้เรียนทุกระดับ กล่าวว่า ในยุคที่ระบบการเรียนรู้กำลังถูกดิสรัปต์อย่างรุนแรง โรงเรียนไทยจำเป็นต้องเร่งปรับตัวสู่ “School of Choice” หรือโรงเรียนที่เป็นทางเลือกคุณภาพของผู้ปกครองและนักเรียน หากต้องการยืนหยัดในอนาคตภายใต้ความท้าทายใหม่ของสังคมไทย ทั้งจำนวนเด็กเกิดใหม่ที่ลดลง ความคาดหวังของผู้ปกครองที่สูงขึ้น การแข่งขันของโรงเรียนเอกชนและนานาชาติที่เพิ่มขึ้น รวมถึงข้อจำกัดด้านทรัพยากรและงบประมาณสำหรับการพัฒนาครู
สถานการณ์ปัจจุบันสะท้อนให้เห็นว่า โลกภายนอกเปลี่ยนที่ระดับ 10 แต่โรงเรียนไทยกำลังเปลี่ยนเพียงระดับ 6 ซึ่งอาจส่งผลต่อจำนวนผู้เรียนและความอยู่รอดของสถานศึกษาในอีก 5 ปีข้างหน้า หากไม่เร่งปรับตัวให้ทันกับทิศทางของอนาคตการศึกษาและตลาดแรงงาน
“เราต้องยอมรับปัญหาและเริ่มต้นจากการเข้าใจว่าใครคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อโรงเรียน ผู้ปกครองคือตัวตัดสินใจหลัก นักเรียนคือลูกค้าโดยตรง และนายจ้างคือผู้กำหนดความต้องการทักษะในอนาคต โรงเรียนต้องออกไปฟังเสียงเหล่านี้ให้มากขึ้น” พรทิพย์กล่าวและย้ำว่า โรงเรียนไม่ใช่เพียงสถาบันการเรียนรู้ แต่เป็น “องค์กรที่เชื่อมปัจจุบันสู่อนาคต” และมีบทบาทสำคัญต่อศักยภาพการแข่งขันของประเทศ เพราะโรงเรียนกำลังสร้าง “พลเมืองโลกแห่งอนาคต” (Future Global Citizen)
๐ 5 องค์ประกอบสู่ School of Choice
ผู้เชี่ยวชาญจากแพคริมเสนอกรอบพัฒนาโรงเรียนไทยสู่ School of Choice โดยประกอบด้วย 5 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่
1.วิสัยทัศน์ก้าวไกล – เตรียมคนทำงานในอีก 20–30 ปีข้างหน้า พัฒนารากฐานมนุษย์ทั้งทักษะ ความคิด คุณธรรม และค่านิยม
2. หลักสูตรพร้อมอนาคต (Future Ready Curriculum) – เน้นทักษะใหม่ที่จำเป็น ทั้งด้านเทคโนโลยีและ Soft Skills เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการเข้าใจความเป็นมนุษย์
3. การเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง – เชื่อในศักยภาพของเด็กทุกคน พัฒนาตามความถนัดและความแตกต่างรายบุคคล
4. ใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการสอน – ไม่ใช่แค่สอนผ่านออนไลน์ แต่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเพิ่มคุณภาพการเรียนรู้
5. วัฒนธรรมองค์กรที่ปลอดภัยและเปิดกว้าง (Inclusive Environment) – ครู นักเรียน และบุคลากรต้องกล้าคิด กล้าแสดงออก อยู่ร่วมกันบนความเคารพและคุณค่าความเป็นมนุษย์
พรทิพย์เน้นว่า การศึกษาไม่ใช่สิ่งที่หยุดนิ่ง และการเรียนรู้ไม่สิ้นสุดเมื่อจบการศึกษา แต่ต้องสร้าง “มนุษย์ผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต” (Lifelong Learner) เพื่อรับมือโลกอนาคตที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ทั้งนี้ แพคริมฯ ทำงานร่วมกับองค์กรกว่า 100 แห่ง เปิดมุมมองสำคัญว่า การเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างยั่งยืนจะไม่เกิดขึ้น หากไม่เริ่มจากการเปลี่ยนแปลง “ภายในตัวคน” ก่อน หรือที่เรียกว่า Inside-Out Process ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการขับเคลื่อนโรงเรียนสู่การเป็น “School of Choice” หรือโรงเรียนทางเลือกอันดับแรกในใจผู้ปกครองและชุมชน
“การเปลี่ยนแปลงองค์กร ไม่ใช่การชี้นิ้วว่าใครต้องเปลี่ยน แต่ต้องเริ่มจากคำว่า ‘ฉันต้องเปลี่ยน’ ทุกคนในโรงเรียนต้องเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่รอคำสั่งจากเบื้องบนเพียงอย่างเดียว”
๐ เปลี่ยนจาก “Mindset” สู่ “ผลลัพธ์” ผ่านเครื่องมือระดับโลก
แพคริมชูกรอบการทำงาน Inside Out + Proactive Mindset โดยใช้เครื่องมือพัฒนาตนเองระดับสากลอย่าง The 7 Habits of Highly Effective People ควบคู่กับ FranklinCovey Leadership Model เพื่อสร้าง “การเปลี่ยนแปลงจากภายใน” ของบุคลากร ครู และผู้บริหาร ให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนาด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่ถูกบังคับ
๐ 4 บทบาทผู้นำ: กุญแจสำคัญขับเคลื่อนโรงเรียนสู่ความสำเร็จ
แพคริมยังเสนอ “4 Essential Roles of Leadership” สำหรับทีมผู้บริหารโรงเรียน เพื่อใช้เป็นกรอบนำการเปลี่ยนแปลง ได้แก่
1. เป็นแบบอย่างของการเปลี่ยนแปลง (Model the Way) ผู้นำต้องพัฒนาตนเองก่อน เพื่อสร้างความศรัทธาและพลังการเปลี่ยนแปลง
2. กำหนดวิสัยทัศน์ร่วม (Create Shared Vision) ร่วมสร้างภาพอนาคตของโรงเรียนที่ทุกคนอยากมีส่วนร่วม เช่น เป้าหมาย School of Choice
3. พัฒนาระบบและกระบวนการทำงาน (Build System & Structure) ปรับกระบวนการเรียน สอน ประเมินผล นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาสนับสนุนให้เกิดผลสัมฤทธิ์
4. พัฒนาศักยภาพคนในองค์กร (Develop People) ยกระดับครูและบุคลากรให้เป็นผู้นำการเรียนรู้ พัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะแห่งอนาคต
๐ เฟรมเวิร์กทรานส์ฟอร์มโรงเรียน 3 มิติ
การเปลี่ยนแปลงจะเกิดผลจริงต้องครอบคลุม 3 ด้านสำคัญ
1.ภาวะผู้นำ (Leadership) ทุกคนในโรงเรียนสามารถเป็นผู้นำได้
2.วิชาการ (Academic Excellence) หลักสูตรต้องทันโลก ทักษะเด็กรองรับอนาคต
3.วัฒนธรรมองค์กร (School Culture) สร้างค่านิยมร่วมและบรรยากาศการเรียนรู้ที่เข้มแข็ง
สำหรับผลลัพธ์จากโรงเรียนต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการ แพคริมเผยว่า โรงเรียนที่เข้าร่วมปรับระบบภายในตามกรอบนี้สามารถพัฒนาได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น วินัยนักเรียนดีขึ้น คุณภาพการเรียนรู้เพิ่มสูงขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนเข้มแข็งขึ้น รวมทั้ง ครูมีความเป็นผู้นำ และนักเรียนกล้าแสดงศักยภาพมากขึ้น
พรทิพย์ ทิ้งท้ายว่า การทรานส์ฟอร์มโรงเรียนไม่ใช่แค่เรื่องกระบวนการหรือวิธีสอนใหม่ แต่คือ “การสร้างคน” และ “สร้างระบบที่ยั่งยืน” โดยทุกคนในโรงเรียนต้องร่วมเป็นเจ้าของการเปลี่ยนแปลง “แค่คนในโรงเรียนทุกคนดีขึ้นทีละ 1 ระดับ โรงเรียนก็เปลี่ยนได้แล้ว”
ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ "แพคริม เอ็ดดูเคชั่น" ในฐานะตัวแทนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยของ "แฟรงคลิน โควีย์
เอ็ดดูเคชั่น" สถาบันพัฒนาภาวะผู้นาและกระบวนการทรานส์ฟอร์มซึ่งได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษากว่า
8,000 แห่ง ในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ได้จัดงานสัมมนา "Education Leadership Forum 2025 –
Transform to Perform: Be the School of Choice" ณ ห้องAuditorium ชั้น6 อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค อีสต์ กรุงเทพฯ โดยมีผู้บริหารสถาบันการศึกษาและโรงเรียนต่างๆ จำนวนมากเข้าร่วม


