xs
xsm
sm
md
lg

PMAT โชว์วิสัยทัศน์ เดินหน้า 3 P ฉลองครบ 60 ปี ผนึก 3 บิ๊กเนม เพิ่มศักยภาพ-สุขภาวะคนทำงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



PMAT ประกาศวิสัยทัศน์ในวาระครบรอบ 60 ปี ภายใต้แนวคิด “People Leadership and Legacy for Sustainable Future” เดินหน้าส่งต่อคุณค่าสู่สังคมไทย เสริมสร้างพลังกายพลังใจคนรุ่นใหม่ ยกระดับองค์ความรู้ ขยายศักยภาพกาย สุขภาวะใจ สร้างสรรค์พลังงานเชิงบวก ด้วยกิจกรรม 3 P - People Management Award - People Run - Powering People, Fueling Futures
 

“ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา PMAT มี legacy ที่ภาคภูมิใจ แต่ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง เราอยากส่งต่อทุกคุณค่าที่มี ช่วยกันขับเคลื่อนสังคมไทยไปด้วยกัน ภายใต้ธีม The People & HR Legacy ถ่ายทอดองค์ความรู้ ยกระดับความสามารถ อัพเลเวลประเทศไทย” สุดคนึง ขัมภรัตน์ นายกสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย หรือ PMAT กล่าว 

PMAT ไม่ได้จัดวางตัวเอง เป็นเพียงสมาคมวิชาชีพ แต่ปักธงเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ใน 3 เสาหลักคือ

1. Perspective มุ่งเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้คนทุกระดับ ที่อยากพัฒนาตัวเอง มีมุมมองก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

2. People
ภารกิจการสร้างภูมิคุ้มกัน HR ให้แข็งแรง สอดประสานการทำงานร่วมกับผู้นำ สร้างสังคมแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่องค์กรและประเทศ

3. Power เชื่อมั่นในพลังของคน ขยายศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของคนทำงาน ทั้งในระดับองค์กร และระดับประเทศ

สุดคนึง ขัมภรัตน์ นายกสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย หรือ PMAT
ขณะที่ แนวคิดหลักของ “The People & HR Legacy” เป็นมุมมอง 3 ขาที่เสริมฐานรากการสร้างคนให้มีภูมิต้านทาน และเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ได้แก่

1. Lead ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ผู้นำที่ดีไม่ใช่แค่เก่งงาน แต่ต้องทำให้คนรู้สึกดี มีองค์รวมในชีวิตที่ดี เป็นผู้นำที่เข้าใจมนุษย์

2. Balance เชื่อว่าการมีสมดุลเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้ได้ทั้งผลประกอบการ และทำให้คนมีสุขภาวะที่ดีแบบองค์รวม

3. Sustain ถ้า HR สามารถสร้างระบบ HR ที่ดี เป็นชุมชนที่เปิดโอกาสให้คนมารวมตัวกัน จะทำให้ HR และคนในองค์กร เติบโตไปด้วยกัน

“คนทำให้ปัจจัยหรือสิ่งต่างๆ ในโลกเจริญเติบโตก้าวหน้า เราเชื่อว่าคนมีศักยภาพจริงๆ ท่ามกลางโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีพลวัตร ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี ที่กำลังเข้ามาสร้างความปั่นป่วนทุกวันนี้ ทำอย่างไรให้คนมีกายใจ ที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง” นายกสมาคม PMAT มองโอกาสท่ามกลางวิกฤติ

ตลอด 60 ปีของ PMAT จุดยืนที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย คือการลงทุนในคน มุ่งยกระดับวิชาชีพ HR นำพาประเทศไปสู่ความยั่งยืน โดยในงานฉลองครบรอบ 60 ปี ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 12-13 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะจัดในรูปแบบ International Conference โดยได้รับเกียรติจาก โปรเฟสเซอร์ อีริน เมเยอร์ (Erin Meyer) วิทยากรระดับโลก จากมหาวิทยาลัยอินเสียด (INSEAD) มาบรรยาย เธอเป็นกูรูที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กร และเชื่อว่า culture เป็นคีย์หลักที่นำพาผู้คน ไปสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง

 “ดร.หลุยส์ คริสธานินทร์” กรรมการบริหารสมาคม PMAT
๐ People Management Award
องค์กรดีเด่นแห่งปี


รางวัล 2025 People Management Award of Thailand เป็นหนึ่งในสองโครงการเฉลิมฉลอง 60 ปี PMAT ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 “ดร.หลุยส์ คริสธานินทร์” กรรมการบริหารสมาคม PMAT กล่าวว่า การที่องค์กรจะดูแลคน และสร้าง productivity ได้ องค์กรต้องมีระบบการจัดการที่ดี ตั้งแต่คนเดินเข้ามา และเดินออกไป

People Management Award แบ่งเป็น 3 รางวัลย่อย ได้แก่

1. People Management Award เป็นรางวัลสำหรับองค์กรที่ดูแลคนได้ดี แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ Gold, Platinum และ Diamond โดยสนใจประเด็นการมี productivity ในองค์รวม หลังจากที่องค์กรเน้นดูแลคน จะส่งผลดีต่อองค์กร สังคม ชุมชน และต่อโลกอย่างไร?

2. Well-being Organization Award
โดยได้แรงบันดาลใจจาก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ทำวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพไว้หลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือเรื่องขององค์กรสุขภาวะ และจากการศึกษามิติต่างๆ ขององค์กรสุขภาวะทั่วโลก แล้วเอามาคัดกรองว่า สุดท้ายแล้วอะไรเหมาะกับประเทศไทย โดยดูว่า องค์กรทำอะไร? ทำอย่างไร? และได้ผลกระทบอะไรบ้าง? ที่ทำให้เกิดความต่อเนื่อง เติบโต และยั่งยืน ในการดูแลคน ให้มีสุขภาวะอยู่ดีมีสุขได้อย่างไร?

3. Special Recognition Award รางวัลสำหรับองค์กรที่มีความโดดเด่นเฉพาะทาง มากกว่าองค์กรอื่นๆ

รศ.ดร.นพ.จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ รองคณบดี ฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รศ.ดร.นพ.จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ รองคณบดี ฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดมุมมองงานวิจัย กว่าจะมาเป็นเกณฑ์รางวัล Well-being Organization Award โดยระบุว่า ความสำคัญขององค์กรสุขภาวะ ไม่ใช่แค่สวัสดิการ หรือการดูแลผู้คน แต่เป็นยุทธศาสตร์หลัก เป็นหนทางสู่ความสำเร็จ ในการดูแลคนอย่างยั่งยืน

“มีหลักฐานเชิงวิจัยหลายแห่งระบุตรงกันว่า การเป็นองค์กรสุขภาวะ ช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จและยั่งยืนได้จริง ช่วยเพิ่มผลิตภาพของบุคลากร และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ช่วยลดความเครียด ช่วยลดภาวะหมดไฟ ช่วยสร้างความผูกพัน workforce engagement ให้กับองค์กร”

มีงานวิจัยหลายชิ้นตลอดระยะ 20 ปีที่ผ่านมา ที่ยังคงสะท้อนความจริงจนถึงปัจจุบันคือ องค์กรที่มีความเสี่ยงเรื่องสุขภาพสูง เช่น คนขาดงาน คนมาทำงานโดยขาดความพร้อม หมดเรี่ยวหมดแรง ไม่มีกระจิตกระใจทำงาน ตลอดจนปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพ เช่น อาหารไม่ดี ไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักเกิน และเป็นโรคเรื้อรัง มีข้อพิสูจน์ชัดเจนว่า ถ้าองค์กรใดใส่ใจเรื่องสุขภาพ จะส่งผลทำให้ผลิตภาพของบุคลากรดีขึ้น

โดยประเด็นเรื่องเหล้า บุหรี่ และอารมณ์ มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการขาดงาน การไม่พร้อมมาทำงาน กระทบกับค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล ทำให้เรื่องสุขภาวะเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงกับต้นทุนที่เป็นค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล ตลอดจนต้นทุนแฝง จากการที่ผลิตภาพของบุคลากรลดลง ดังนั้น ถ้าองค์กรมองไม่เห็น หรือไม่ใส่ใจ จะกลายเป็นต้นทุนสะสมที่ซ่อนอยู่
นอกจากนี้ ปัจจัยความเครียดที่สะสมในตัวคน เช่น ชั่วโมงทำงานที่มากเกินไปจนอ่อนล้า หรือประเด็น work family conflict ชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัวชนกัน จนเกิดความขัดแย้ง ทำให้ชีวิตวุ่นวายสับสนไม่ลงตัว มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงทำให้เสียชีวิต

มีงานวิจัยในอเมริการะบุว่า การเสียชีวิตของคนอเมริกัน ประมาณ 1.2 แสนคน สามารถหาเหตุเชื่อมโยงกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแรงกดดันในที่ทำงาน ผ่านการเจ็บป่วย และมีผลคุกคามต่อสุขภาพ โดยภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเหล่านี้ คิดเป็น 5-8% ของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

ดังนั้น การเสริมสร้างองค์กรสุขภาวะที่ดี การมีสติในองค์กร หรือการตระหนักรู้ในงานที่ทำ เป็นสุขภาวะทางใจ จึงมีความสัมพันธ์กับสุขภาพ การตื่นรู้ร่วมมีความสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของบุคลากร ต่องาน ตั้งมั่นในสิ่งที่ทำ ทำให้ผลงานในทีมดีขึ้น และทำให้ความสามารถองค์กรเพิ่มขึ้น

“ภาพรวมการศึกษาในไทย working life มีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจในงาน และความไว้วางใจในองค์กร และความผูกพันกับบุคลากร ยุคนี้พนักงานต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ถ้าพนักงานไว้วางใจองค์กร มองว่าองค์กรเชื่อถือได้ ไม่หักหลังพนักงาน ดูแลพนักงานดีแค่ไหน เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง จะทำให้ทั้งคนและองค์กร อยู่รอดไปด้วยกัน”
นอกจากนี้ งานวิจัยตีพิมพ์ล่าสุดในปี 2025 ชี้ว่า ผลจากการสำรวจแพทย์ที่ลาออกสูงในช่วงปี 2022 พบว่า ปัจจัยสำคัญคือ ภาวะหมดไฟ (burn out) โดยเฉพาะแพทย์ภาครัฐ สาเหตุเพราะทำงานมากเกินไป แพทย์บางคนทำงาน 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งสูงมาก โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากทีมงาน เวลาทำงานต้องรับแรงกดดัน ส่งผลต่อความไม่พึงพอใจในการทำงาน สุดท้ายลาออก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงพยายามหาทางออก ไม่มองแค่ผลประกอบการองค์กร แต่พยายามรักษาบุคลากรที่มีคุณค่า

รศ.ดร.นพ.จิรุตม์มองว่า ประเทศไทยอยู่บนเส้นทางการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนผ่าน หนึ่งในปัจจัยหลักคือ สังคมผู้สูงอายุ กับ Gen Z ที่มีวัฒนธรรมติดตัวกันมาคนละแบบ เรากำลังเผชิญกับการแข่งขันทางเศรษฐกิจ คูณด้วย ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) เป็นการเปลี่ยนแปลงสุดขั้ว ที่ยากคาดการณ์ในหลายๆ เรื่อง ผนวกกับการถาโถมของเทคโนโลยีดิจิทัล 5.0 ดังนั้นแนวคิดของ well-being จึงเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลัก ที่ช่วยสร้างความยั่งยืนให้องค์กร


๐ People Run
วิ่งเพื่อสุขภาพ ส่งต่อพลังใจให้ครูตชด.


กิจกรรม “PMAT 60 ปี Anniversary People Run : 384,000 กม.” วิ่งเพื่อสุขภาพ ส่งต่อพลังใจให้ครู ตชด. 220 โรงเรียน เป็นแนวคิดเชิงสัญลักษณ์ ที่ PMAT หยิบยกขึ้นมาเปิดตัวในงานฉลองครบรอบ 60 ปี โดยตัวเลข 384,000 กม. เป็นระยะทางจากโลกถึงดวงจันทร์ ดังนั้นการวิ่งเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายการมีสุขภาวะที่ดี จึงอยู่ในวิสัยทัศน์ที่เป็นไปได้

รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณะบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมองถึง 5 ปัจจัยสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีของคนในองค์กร ได้แก่

1. Emotion สุขภาวะทางอารมณ์
2. Environment สิ่งแวดล้อม
3. Exercise ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ทำให้สุขภาพดีขึ้น
4. Sleep นอนหลับพักผ่อนเต็มที่ มีแต้มเป็น double E

“การออกกำลังกายเป็นส่วนสำคัญของเวชศาสตร์สุขภาวะ ทำให้เรามีสุขภาวะที่ดี การออกกำลังกายร่วมกัน ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมสร้างสรรค์ความสุขในองค์กร มากกว่าแค่ออกกำลังกาย การวิ่งเป็นกีฬาที่สนุกได้ทุกระยะ เราไม่ได้วิ่งเพื่อแข่งขัน แต่เราเอาระยะที่เหมาะสมมากองรวมกัน คีย์สำคัญคือ ให้ทุกคนมีส่วนร่วมใน well-being ไม่ใช่เรื่องของ HR โดยตรง แต่ HR มีหน้าที่ระดมคนมารวมตัวกันวิ่ง” เขาอธิบายแนวคิดยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว

คนส่วนใหญ่มักมีข้ออ้างมากมาย กว่าจะแซะตัวเองขึ้นมาออกกำลังกาย ทั้งๆ ที่การออกกำลังกายเป็น priority ของชีวิต เราจึงต้องเซ็ตให้เป็น priority เพราะการออกกำลังกาย ทำให้สุขภาพกายและใจดีขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรง อึด ถึก ทน เป็นกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมาก แค่ซื้อรองเท้าวิ่ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่รู้จบ

เขาย้ำว่า การวิ่งไม่ใช่อีเวนต์ที่สิ้นสุดแค่วันที่เราไปร่วมวิ่ง แต่เป็นกิจกรรมตื่นรู้ตลอดเวลา เป็นเรื่องระยะยาว ที่ให้คุณค่ามากกว่าที่คิด “ก้าวแรกคิดหนักเสมอ แต่เป็นก้าวที่มีความสำคัญ สามารถเปลี่ยนชีวิตเรา เราทำร่วมกันทั้งองค์กร ช่วยกันทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล”

วรวัจน์ สุวคนธ์ กรรมการบริหารสมาคม PMAT และ ประธานโครงการ People Run ต่อยอดแนวคิดสุขภาวะจากกิจกรรมง่ายๆ จากการมองว่า สามารถนำไปใช้ได้จริง โดยเอาไปผูกกับเรื่อง engagement

“การวิ่งต่อยอดการสร้างคนได้จริงๆ เพราะเป็นกีฬาลงทุนน้อย มีความยืดหยุ่นสูง องค์กรคาดหวังให้พนักงานมีความสามารถ อึดทนสู้กับภาวะต่างๆ ได้ เจออุปสรรค เจอความล้มเหลว กลับมาสู้ได้ เป็นนักวิ่งด้วยตัวเอง การวิ่งเป็นกีฬาเสริมสร้างวินัย ต้องฝึกซ้อมตลอดเวลา เจออุปสรรคตลอดเวลา เป็นกีฬาที่ช่วยสร้างความสามารถ และสร้าง mindset ของคนในองค์กร เป็นพลังที่ทุกคนลุกขึ้นมา ทำอะไรสักอย่าง เราจะสามารถทำอะไรที่ท้าทาย และสำเร็จได้”

โครงการ People Run แบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ 1. Physical Run จัดแบบอีเวนต์ วันเดียวจบ และ 2. Virtual Run สะสมระยะทาง ในระยะเวลา 2.5 เดือน เริ่มตั้งแต่ 16 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2568 โดยแต่ละคนต้องวิ่งสะสมให้ได้อย่างน้อย 60 กม. โดยสิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ระยะทาง แต่เป็นความสม่ำเสมอ

“ถ้าเราสำเร็จกับการวิ่ง เราสามารถทำเรื่องยากๆ อื่นๆ ให้สำเร็จได้ เหมือนกับการวิ่ง ช่วยสร้างนิสัยใหม่ และสร้างบรรยากาศใหม่ๆ ให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต ถ้าทุกคนทำสำเร็จ องค์กรก็สำเร็จไปด้วย กลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ร่วมกัน” ประธานโครงการ กล่าว

    รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณะบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๐ Powering People, Fueling Futures
เสริมพลังคน สร้างอนาคตที่ยั่งยืน


เสวนาพิเศษ หัวข้อเรื่อง “Powering People, Fueling Futures” เสริมพลังคน สร้างอนาคตที่ยั่งยืน ด้วยศักยภาพและสุขภาวะ จากมุมมอง 3 บิ๊กต่างอุตสาหกรรม ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ สร้างเสริมองค์กรสุขภาพดี ด้วยสุขภาวะคนทำงาน
กรณีศึกษา “โรงพยาบาลจุฬาฯ” วางจุดยืนเป็นองค์กรคุณธรรม เพื่อตอบโจทย์พนักงาน ให้มีความสุขทางใจ ภายใต้ค่านิยม ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ และเอื้ออาทร ซึ่งเป็นตัวผลักดันโดยตรง ให้เกิดสุขภาวะในองค์กร ทำให้คนทำงานอย่างมีความสุข ยอมรับซึ่งกันและกัน เป็นการตีโจทย์ลงลึกไปกว่าสุขภาวะทางกาย

“เราทำเรื่องคุณธรรม จนเกิดเห็นผลกลายเป็น well-being ในองค์กร สร้างบรรยากาศโรงพยาบาลจุฬาฯ ให้เป็นสถานที่รมณียสถาน ทำให้ well-being ไปทั้งใจและสิ่งแวดล้อม” รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองเมล็ดพันธุ์ความสำเร็จ

โรงพยาบาลจุฬาฯ ได้เปรียบทำเลที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสวนลุมพินี เป็นความโชคดีของโรงพยาบาลไม่ถึงหยิบนิ้วมือ ที่มีสวนสาธารณะเป็นของตัวเอง จึงเป็นข้อได้เปรียบในการที่ผู้บริหารจะให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย คู่ขนานไปกับการสร้างองค์กรให้มีคุณธรรมเต็มแก้ว โดยมองว่า การมีสุขภาพดีเป็นต้นทุน ที่ทำให้คนไข้มีความสุข ช่วยเติมเต็มพลังกายพลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ ต่อให้บุคลากรทำงานแล้วเครียด แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาดี คนทำงานก็ทำงานได้อย่างมีความสุข

“ถ้าผู้นำไม่ดูแลคนรุ่นใหม่ ที่สนใจเรื่องสุขภาพกายใจ องค์กรจะไม่ยั่งยืน ต้องดึงประเด็นพวกนี้ออกมา เพราะสุขภาวะเป็นกลยุทธ์ ไม่ใช่ภาระงาน HR แต่อยู่ในยุทธศาสตร์หลักองค์กร เป็นมากกว่าการลงทุน เพราะการลงทุนคือการได้ผลประโยชน์ตอบแทน แต่สุขภาวะเป็นตัวประกันสุขภาพขององค์กร เราชอบพูดกันว่า คนสำคัญที่สุดในองค์กร แต่ถ้าคนมันหมดไฟทำงาน สุดท้ายก็ไปต่อไม่ได้ ก็ต้องสะท้อนกลับว่า สิ่งที่ทำให้พนักงานอยู่ต่อได้ ไปต่อได้ และยั่งยืนก็คือสุขภาวะ” รศ.นพ.ฉันชาย ย้ำ

อัฐ ทองแตง ประธานคณะผู้บริหาร เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล
อัฐ ทองแตง ประธานคณะผู้บริหาร เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล มองว่า โรงพยาบาลไม่ใช่สถานที่ที่ใครอยากมาเที่ยวเล่น แต่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์แล้ว ใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง และใช้ชั่วโมงยาวนานมากกว่าบ้านที่อยู่อาศัยจริงๆ

ดังนั้น เบื้องหลังแนวคิด work hard, play hard คือ การสร้างสภาพแวดล้อมให้พนักงานมาทำงานแล้วมีความสุข โดยกลยุทธ์ที่สำคัญกับสุขภาพจิตที่ดีของพนักงานคือ สร้างองค์กรให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพนักงาน เพราะทำงานโรงพยาบาลมีความเครียดสูง การสร้างวัฒนธรรมให้พนักงานดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข มีเครื่องมือใส่ใจสุขภาพพนักงาน จะเกิดพลังองค์กรภายใต้ฐานรากสุขภาวะอันแข็งแกร่ง

“มีหลายคุณสมบัติของการลุกขึ้นมาเป็นคนสุขภาพดี องค์กรสุขภาพดี ล้วนแล้วแต่เป็นคุณสมบัติเดียวกัน ที่จะทำให้องค์กรฝ่าฟันวิกฤติไปได้ ถ้าองค์กรผ่านการเดินทางร่วมแรงร่วมใจกับพนักงาน ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ชัยชนะในหลายด้านก็ไม่ไกลเกินเอื้อม เราสามารถออกแบบเส้นทางของสุขภาวะได้หลายเรื่อง นอกจากเรื่องออกกำลังกายแล้ว คือเรื่องอาหารการกิน เพราะองค์กรเท่านั้นที่จะมีพลังสร้างวัฒนธรรมย่อย (sub culture) ให้คนทำงานได้ตระหนักถึงการมีสุขภาพดี เวลาองค์กรเลือกที่จะเดินสายสุขภาพ เราจึงต้องมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า เราเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง” CEO ที่ชื่นชอบกีฬาวิ่งเป็นทุน กล่าว
เพราะป้องกันดีกว่ารักษา ในฐานะเครือโรงพยาบาลแถวหน้าของประเทศ จึงมองว่า สุขภาวะที่ดีมีผลต่อ future trend ความสำเร็จในอนาคตอันใกล้ขององค์กร จะมาจากการยึดโยงเข้ากับสุขภาวะของคนรุ่นใหม่ หน้าที่หลักขององค์กรจึงต้องลดทอนความเครียด ทำงานหนักไม่เป็นไร แต่คนทำงานต้องไม่เครียดจนหมดไฟ

สองปัจจัยที่จะช่วยผลักดันความเครียดให้ลดน้อยลงคือ
1. การสร้างวัฒนธรรมสุขภาวะของการทำงาน เน้นการทำงานร่วมกันอย่างสันติ ไม่ toxic
2. การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้พนักงานได้ตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง และเข้าใจความคาดหวังขององค์กร

“ความเข้าใจมี 2 แบบคือ พนักงานรู้สึก และมีส่วนร่วมกับองค์กรมากๆ เช่น ถ้าพรุ่งนี้ไม่มาทำงาน จะมีเพื่อนอีกคนหนึ่งเดือดร้อนแน่ๆ กับอีกแบบหนึ่ง พนักงานยังขาดความเข้าใจ ขาดความสามารถที่จะไปให้ถึงความเข้าใจในภาพรวม เป็นหน้าที่ขององค์กร ต้องกลับมาทำเรื่องของ knowledge empowerment คือการให้ความรู้รอบด้าน ทั้งด้านสุขภาพ และการเปลี่ยนแปลงของโลก เพราะสิ่งเหล่านี้คือต้นเหตุทำให้เกิดความเครียด ถ้าเราให้ข้อมูลเขาเพิ่มไปอีกขั้น คนในองค์กรจะเป็น one step head เสมอ มีทักษะการมองไปข้างหน้า เป็นกลุ่มคนที่สามารถทำงานได้อย่างมี passion และตอบโจทย์โลกยุคใหม่”

วรวัจน์ สุวคนธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทรัพยากรบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์
วรวัจน์ สุวคนธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทรัพยากรบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ มองว่าเครื่องมือสุขภาวะจะทวีความสำคัญมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ จาก 3 ประเด็นหลักคือ

1. well-being ไม่ใช่เรื่องของสวัสดิการ อีเวนต์ หรือของมันต้องมีสำหรับองค์กร แต่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ HR และเป็นปัจจัยที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ

“เรากำลังเจอสถานการณ์ที่ทำให้ธุรกิจเองก็ยากลำบาก เทคโนโลยีและ AI กำลังเข้ามาแทนบุคลากร เราคาดหวังให้พนักงานมีความสามารถมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องปรับตัวเอง ให้เข้ากับสถานการณ์โลก ทำให้พนักงานอยู่ภายใต้สภาวะที่กดดัน พนักงานต้องอึดเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคไป นำองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้ จึงควรกำหนดเป็นกลยุทธ์หลักขององค์กร”

2. สุขภาวะเป็นองค์รวม ใน 7 ด้าน ที่ครอบคลุมมิติต่างๆ ของชีวิต ได้แก่ สุขภาพกาย สุขภาพจิต สิ่งแวดล้อม อาชีพ สังคม อารมณ์ และจิตวิญญาณ การดูแลและส่งเสริมสุขภาวะทั้ง 7 ด้าน จะนำไปสู่ชีวิตที่สมบูรณ์และมีความสุข ดังนั้นทุกองค์กรจึงต้องให้ความสำคัญทั้งหมด แต่จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับบริบทองค์กร

3. สุขภาวะสามารถผลักดันให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร ที่เกิดขึ้นทุกวัน ไม่ใช่อีเวนต์ ไม่ใช่โครงการ แต่เป็นจิตวิญญาณที่พนักงานสามารถรับรู้ได้ สัมผัสได้ หน้าที่ผู้นำต้องสร้างสภาพแวดล้อม เอื้อให้คนมีสุขภาวะที่ดี ภายใต้แรงกดดันสูง ถ้าผู้นำไม่ได้สร้างสุขภาวะที่ดี พนักงานก็จะไม่สามารถทำงานให้มีประสิทธิภาพได้

“สุขภาวะสามารถลงมือทำได้ วัดผลได้ จากข้อมูลทั้งหมด ที่องค์กรมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น การประกันสุขภาพ การเคลมสุขภาพ อัตราขาดลามาสาย สามารถเอามากำหนดแนวทางการสร้างสุขภาวะ สร้างเป้าหมายชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่ม ขณะเดียวกัน การลงทุนสร้างบรรยากาศสุขภาวะ ไม่ได้ใช้เงินลงทุนมากนัก HR สามารถไปอธิบายกับผู้นำได้ โดยใช้ข้อมูลว่าสุขภาวะเป็นเรื่องที่วัดผลได้ สามารถบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของ performance องค์กร ที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว และสร้างความสุขให้กับคนทำงาน ในทุกเช้าที่ตื่นมาทำงาน” วรวัจน์ มองสุขภาวะเป็นการลงทุนที่น้อยแต่มาก

60 ปีของ PMAT วาระแห่งการเฉลิมฉลองเรื่องราวดีๆ มาสร้างเสริมภูมิคุ้มกันองค์กรและประเทศ ท่ามกลางปัญหารุมเร้า ทั้งประเด็นทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และข้อพิพาทระหว่างประเทศ ผลึกความคิดของทั้ง 3 องค์กรแถวหน้า จะช่วยผลักดันมุมมองสุขภาวะที่ดีของคนทำงานให้ถ่างกว้างขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น