xs
xsm
sm
md
lg

5 นิสัยที่ฝึกแล้วคุณจะกลายเป็นคนเข้มแข็ง / ครูฮ้วง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจาก pixabay.com
เมื่อความฉลาด พรสวรรค์ และความสามารถที่มีไม่เพียงพอที่จะทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างปรกติสุขได้

แล้วต้องมีอะไรอีกเล่า ที่จะทำให้ชีวิตเราสมบูรณ์ขึ้น

ความรัก โอกาส เงินทอง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สำคัญรองลงมา ที่จะทำให้เรามนุษย์ใช้ชีวิตอย่างราบรื่น

สิ่งที่สำคัญที่สุด ของการใช้ชีวิตคือ "ความเข้มแข็ง"

ความเข้มแข็ง เป็นเรื่องที่พูดง่าย สอนง่าย และทำยาก แต่คุ้มค่านักหากได้ฝึก เพราะถ้าจะฝึกกันจริง ๆ เรื่องความเข้มแข็ง หลายคนฝึกทั้งชีวิต และหลายคนต้องจากโลกนี้ไป โดยไม่ได้สัมผัสกับการฝึกความแข็มแข็งอย่างจริงจังและเป็นเรื่องน่าเสียดาย หากวันนี้คนเก่ง ๆ หลาย ๆ คนในสังคม ไม่ได้ใช้ความสามารถของตัวเองในการพัฒนาสังคมอย่างเต็มที่ เพียงเพราะใจยังเข้มแข็งไม่พอ

ดังนั้นวันนี้เราลองมาดูกันว่าเมื่อรวมหลักคำสอนทั้งทางศาสนา และทางวิทยาศาสตร์แล้ว อะไรบ้างที่จะเพาะบ่มให้เราเป็นคนเข้มแข็ง

1. การมีจิตใจที่ดี เชื่อมั่นในศีลธรรม
ศาสนาแต่ละศาสนาล้วนมีหลักคำสอน แนวทางปฎิบัติที่แตกต่างกันไป แต่แก่นแท้ของแทบทุกศาสนาคือ สอนให้คนเราเข้าใจในสิ่งที่ถูกที่ควร และสร้างประโยชน์ต่อจิตใจตัวเองและผู้อื่น การฝึกใช้สติ อยู่กับปัจจุบัน ไม่หลงจมอยู่กับกับดักในอดีต มองสิ่งพลาดป็นครูสอนเราเพื่อเดินทางชีวิตต่อไปข้างหน้า

การที่มองโลกในแง่ร้าย เหมือนการใส่แว่นเลนส์มัวๆ แม้วันที่ท้องฟ้าสดใส เราก็ไม่สามารถเห็นความสว่างไสว หากใจเรายังผูกเจ็บอยู่กับเรื่องลบ

ขอให้เรารำลึกไว้เสมอว่า เรามีสิทธิที่จะประสบความสำเร็จและมีความสุขได้ หากฝึกนึกคิดให้เป็นบวก เราจะเห็นโอกาส เช่น หากฐานะเราไม่ดีเหมือนแต่ก่อน ก็ให้พลันคิดว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราได้มองถึงสัจธรรมบางอย่างของชีวิตที่มีขึ้นลง หากขึ้นมาอีกครั้งธุรกิจของเราจะเข้าใจโลกมากขึ้น

คนที่มีจิตใจเข้มแข็ง จะมองความคิดตัวเองอย่างเป็นกลาง รู้ว่าอะไรที่ดีกับตัวเอง และมองหนทางที่จะทำให้ดีขึ้น

2. ไม่บ่นพร่ำเพรื่อ
การบ่น คือการแสดงออกถึงความอ่อนแอทางใจ เหมือนกับการที่เราเอามือกำถ่านร้อนๆอยู่ในมือตลอดเวลาไม่ปล่อยวาง

แต่การมองแบบคนเข้มแข็ง คือการเข้าใจถึงความไม่แน่นอนของชีวิต ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้
หากบ่นไปเรื่อย ๆ เรื่องซ้ำ ๆ มันเหมือนการยืนบนทรายดูด ยิ่งบ่น ปัญหายิ่งหนัก ดูดให้จิตใจจมในปลักของเรื่องร้าย ๆ

ลองเปลี่ยนเป็นการมองปัญหาแบบยอมรับปัญหา และเราเองก็ควบคุมทุกอย่างไม่ได้ แต่เรานำสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มาพิจารณาว่ามีจุดไหนที่นำมาพัฒนาชีวิตที่จะเดินต่อไปได้

3. รับผิดชอบความผิดของตัวเอง
คนเข้มแข็งจะไม่ตำหนิคนอื่นในปัญหาของตัวเอง แต่เลือกที่จะรับผิดชอบความผิดพลาดที่เป็นเรื่องของเรา

การให้อภัยนั้นไม่เพียงแต่ช่วยในการปลดล็อคจากการผูกใจเจ็บกับคนอื่น แต่เป็นการปลดล็อคตัวเอง และทำให้เราหาทาง วางแผนพัฒนาตัวเองต่อไปได้

ชีวิตคนเราก็คล้าย ๆ เรือที่ล่องโต้คลื่นลม เราอาจจะไม่สามารถควบคุมท้องฟ้า อากาศ ไม่ให้มีพายุ คลื่นลม

แต่เราสามารถฝึกบังคับเรือ ให้สามารถเดินทางผ่านคลื่นลมได้

หากเราเลือกใช้วิธีตำหนิคนอื่น เราจะไม่ได้ฝึกการบังคับตัวเอง และรับผิดชอบด้วยการฝึกฝนตัวเองเลย

4. การมองโลกในแง่ดี ข้อนี้หลายคนไม่เชื่อ เพราะปัญหาในสังคมที่รุมเร้า จะมองโลกในแง่ดีได้อย่างไร

คนมองโลกในแง่ดี ถูกตัดสินว่าเป็นคนไม่เข้าใจชีวิต

แต่การมองโลกในแง่ดี คือการใช้สติขั้นสูงสุด แยกแยะให้ออก ว่าทุกอย่างไม่แน่นอน ยอมรับความผิดพลาด และมีความคิดที่ศรัทธาในความดีงาม โดยมองหาหนทางที่จะไปสู่สิ่งที่ดีนั้น

ถ้าเปรียบคนที่มองโลกในแง่ดี ก็เหมือนกับ นักสำรวจที่เชื่อว่าลายแทงสมบัติที่ตัวเองวางแผนมาจะสามารถทำให้ตัวเองไปสู่ขุมสมบัติได้

แต่การเขียนแผนที่เส้นทางนั้น ต้องใช้ประสบการณ์ ความคิด สติ หล่อเลี้ยง และลงมือ
ไม่ใช่การสร้างประสาททราย ที่ฝันถึงสิ่งสวยงาม โดยไม่มีการคิดแผนการ หรือมองข้ามปัจจุบัน

การฝันกลางวัน คือ การคิดลมๆแล้ง ไม่เอาจริงกับการคิด ไม่มองปัจจุบัน ถึงแม้ภาพในความคิดจะสวยงาม แต่มันมาจากพิ้นฐานที่ไม่แข็งแรง เฉกเช่น การสร้างประสาททราย

5. มีความฉลาดทางอารมณ์ (emotional intelligence)

มีการฝึกฝนไม่ให้อารมณ์มามีอำนาจเหนือชีวิต

หากใช้อารมณ์กับชีวิต วันที่อารมณ์เราเหมือนพายุ เรือชีวิตก็อาจล้มคว่ำได้ง่ายๆ

สติ คือสิ่งที่ทำให้ลดการใส่อารมณ์ และบังคับเรือชีวิตไปอย่างมีทิศทางที่ถูกต้อง

เมื่อใช้สติ เราจะมองเห็นอารมณ์ตัวเอง คล้ายกับการที่เราได้นั่งมองน้ำไหลเชี่ยวผ่านข้างหน้า แต่ไม่กระโดดลงไปปเสี่ยงกับแม่น้ำไหลแรงนั้น

ความเข้มแข็ง คือการเข้าใจชีวิต ซึ่งต้องผ่านการฝึกฝน ผ่านบทเรียน และไม่ใช่เรื่องจะมีกันมาแต่เกิด หลายคนใช้ประสบการณ์ ปัญหาชีวิตเป็นตัวหล่อหลอม

ขอให้เรามองปัญหาที่เคยเกิดขึ้น หรือที่กำลังเกิดขึ้น เป็นครูที่ฝึกชีวิตเรา

ไม่ใช่เป็นเครื่องจองจำ ให้เราติดกับดัก อยู่กับบ่วงความทุกข์ อย่างที่ไม่ยอมเดินออกมาจากบ่วงนั้น

แล้วเราจะเป็นคนที่เข็มแข็งขึ้น และความรู้ ความสามารถ พรสวรรค์ของเราที่ก็จะไม่หยุดชะงัก และพัฒนาไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา

If you have a strong mind, you live a strong life.

ครูฮ้วง


--------------------------


ครูฮ้วง-เสาวลักษณ์ ลี้รุ่งเรืองพร เจ้าของสถาบัน Campus Genius Center ผู้สอนหลักสูตรติวเข้มเพื่อการสอบ SAT ด้วยแนวคิดแบบ Critical Thinking ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถยื่นคะแนนเข้าเรียน และประสบความสำเร็จในการเรียนคณะอินเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น