หลายคนมีความเชื่อว่า มนุษย์คือส่วนประกอบเล็ก ๆ ในจักรวาล ดังนั้นอย่าไปยึดติดอะไรกับตัวเองให้มากนัก
ถ้าเปรียบแล้ว เหมือนแล้วคือ หยดน้ำ หยดดียวในมหาสมุทร
แต่ในทางฟิสิกส์แล้ว มนุษย์ทุกคนมีพลังมหาศาล แม้จะเป็นเพียงอะตอมเล็กๆ แต่การขับเคลื่อนจะส่งผลต่อมวลจักรวาลทั้งหมด หรือตีความอีกอย่างหนึ่งก็คือ มนุษย์มีพลังที่สามารถปรับเปลี่ยนชีวิตตัวเองและคนรอบข้างได้ ซึ่งพลังอันยิ่งใหญ่นั่นมาจาก "The Power of Mind"
หากลองสังเกตให้ละเอียด จะเห็นได้ว่าบุคคลระดับแนวหน้า สิ่งหนึ่งที่มีคล้ายกัน คือ พลังความคิดที่กล้าคิดในสิ่งที่ต่างจากเดิม
Nicola Tesla ไม่ใช่เป็นเพียงนักประดิษฐ์ แต่เป็นนักคิดที่ใช้พลังความคิด สรรหาวิธีที่จะทำให้มนุษย์มีชีวิตที่ดีขึ้น นั่นคือการคิดค้นไฟฟ้ากระแสสลับ
Albert Einstein เชื่อเสมอว่า Visualization is more important than knowledge.
การจินตนาการมีความสำคัญมากกว่าความรู้
หากเปรียบแล้วตัวมนุษย์เองคือมหาสมุทร มีพลังขับเคลื่อนกระเพื่อมไปกระทบสิ่งรอบข้าง โดยที่พลังจากตัวเราที่ได้จากการคิด การกระทำ คำพูด ทุกอย่างล้วนแล้วเป็นตัวขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มาก
อ่านมาตรงนี้ บางคนอาจสงสัยว่าแล้วพลังไปเกี่ยวอะไรกับมนุษย์
มนุษย์ทุกคนมีอะตอมเป็นส่วนประกอบ และมีพลังจะสามารถผลักดันเปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตตัวเองและคนรอบข้าง หากเลือกใช้พลังนั้นได้ถูกจุด นั่นหมายความว่า หากเราเลือกคิด กระทำ หรือลงมือด้วยความถี่ ความเข้มข้น ความสม่ำเสมอที่อยู่ในระดับที่สร้าง high vibration หรือมีความชัดเจนออกมามาก
ที่สุด เป้าหมายที่เราต้องการจะค้นหาเราเจอ และความฝันใดๆจะมาสู่เราเอง โดยเราไม่ต้องตะเกียกตะกาย
ทำไมคนบางคนไม่ต้องเหนื่อยหนักหนาในการเข้าหาความสำเร็จ
แต่ทำไมบางคน ทั้งเหนื่อยแล้ว ตะเกียกตะกายแล้ว ก็ไม่ถึงสักที
เคยสงสัยไหมค่ะ
ในทางวิทยาศาสตร์ พลังบวก หรือสิ่งที่เหมาะสมจะวิ่งเข้าหาสิ่งที่คล้ายกัน แม้จะอยู่ห่างไกลกันสักแค่ไหนก็ตาม
หากจะอธิบายให้เข้าใจชัดขึ้นคือ สิ่งดีงามที่เราอยากได้สามารถเป็นจริงได้ หากใช้พลังขับเคลื่อนที่เป็นบวก เส้นทางการต่อสู้ของชีวิตเราจะโน้มนำให้ได้รับสิ่งนั้น
ไม่ว่าจะเป็น Mark Plank, Einstein, Nieh Bohr, หรือ Nicola Tesla และนักพิสิกส์ที่ได้รับรางวัลโนเบลหลายต่อหลายท่าน มีความเชื่อในเรื่อง Energy of Mind คือ พลังความคิด โดยที่พวกเขาเหล่านี้ได้ลงทุนกับความคิดอย่างเข้มข้นเพื่อไปถึงเป้าหมายที่หวังไว้
ความคิดที่จะทำให้สมหวัง ไม่ใช่เพียงแต่คิดอยากได้ อยากมี ไม่เหมือนกับการตะโกนไปในท้องฟ้าว่าอยากจะเอานั่นเอานี่
แต่เป็นความคิดที่เป็นการใช้ความรู้สึก (Visualization) ประกอบกับพลังที่เข้มข้น (High Vibration) และรวมกับการคิดบ่อยๆ (Frequency) ที่สุดหากคิดสม่ำเสมอ เราจะเริ่มมองเห็นหนทาง และเห็นขั้นตอนที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่หวังไว้
ยกตัวอย่าง
เด็กคนหนึ่งต้องการสอบติดในคณะที่หวังไว้ เขาจะต้องนึกภาพในใจให้ออกว่าได้เข้าไปเรียนแล้วบรรยากาศจะเป็นอย่างไร แต่ละวันจะได้เรียนอะไร อาจารย์ที่สอนประมาณไหน เพื่อนเป็นอย่างไร ขณะที่นั่งคิด จิตใจอิ่มเอม ตื่นเต้นลิงโลด นี่คือ พลังบวก ที่จะทำให้เด็กคนนี้คิดต่อถึงกระบวนการที่จะได้เข้าเรียน ความรู้สึกบวกจากการคิดจะเป็นตัวสร้างพลังให้เกิดการลงมือทำทีละขั้นตอนตามที่วาดฝันไว้
การคิดโดยใส่พลังเราไปให้เห็นภาพในเป้าหมายที่ชัดเจน และคิดบ่อยๆ สม่ำเสมอ คือแรงสั่นสะเทือนที่ดึงดูดความสำเร็จได้เร็ว
แต่การคิดบวก ต้องอาศัยการฝึกฝน อดทน และไม่ได้สร้างได้ชั่วข้ามคืน
แต่เมื่อทำสำเร็จจนชินกับการคิดบวก คุณจะได้ในสิ่งที่คุ้มกับการลงทุนลงแรงฝึกฝนการคิด
นั่นคือ คุณจะมีชีวิตใหม่ที่ดี สดใส และมีแต่ความหวัง ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ไม่ท้อง่าย
แต่การคิดบวกไม่ได้หมายถึงการบังคับให้ตัวเองยิ้มทั้งๆที่ใจมีความทุกข์ ไม่ได้บังคับให้ร่าเริงทั้งๆที่ปัญหาอยู่รอบตัว
แต่เป็นการเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง รู้เท่าทันว่า ตอนนี้เรากำลังโกรธ สับสน คับข้องใจ หรือท้อแท้
โดยขั้นตอนการคิดบวกมีดังนี้
1. หาเป้าหมายในชีวิตให้เจอ ตอบตัวเองให้ได้เราต้องการอะไรกันแน่
2. รู้สึกขอบคุณอิ่มเอมกับสิ่งที่มีอยู่ก่อน เป็นไปไม่ได้ที่เราจะฝึกเป็นคนเก่ง โดยที่ในใจลึกๆเรามองว่าตัวเองไร้ค่า ให้มองหาคุณค่าที่ตัวเองมี จะเล็กหรือใหญ่ก็ได้ก่อน
3. จินตนาการภาพแห่งความสำเร็จ และมองให้ทะลุถึงกระบวนการที่จะไปถึงเป้าหมาย
4. มีจิตใจที่หยั่งรู้ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทุกวัน หลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นพิษกับความคิด อยู่กับคนที่ให้กำลังใจเรา
เมื่อเราเข้าใจแก่นแท้ของตัวเอง เมื่อไรที่จิตใต้สำนึกคิดลบเล่นงาน เราจะมองเห็นมัน เราจะไม่ปล่อยให้พลังของความคิดลบมาครอบงำการใช้ชีวิตใหม่ของเราในแต่ละวัน
Nicola Tesla เคยกล่าวไว้ว่า "The present is theirs. The future for which I work is mine."
นั่นคือการจดจ่ออยู่กับการกระทำในปัจจุบันที่สร้างสรรค์เป้าหมายที่หวังในอนาคต
ไม่ใช่เพียงจมอยู่กับผลของการกระทำในอดีต และยึดติดกับมันไปเรื่อยๆ
วันนี้ขอให้ทุกคนใช้พลังบวกในการขับเคลื่อนชีวิต เมื่อทำทุกวัน ไม่นานคุณจะเห็นสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตเกิดขึ้นเองตามอัตโนมัติ
Your mind is everything. What you think, you become. --Buddha
ครูฮ้วง
--------------------------
ครูฮ้วง-เสาวลักษณ์ ลี้รุ่งเรืองพร เจ้าของสถาบัน Campus Genius Center ผู้สอนหลักสูตรติวเข้มเพื่อการสอบ SAT ด้วยแนวคิดแบบ Critical Thinking ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถยื่นคะแนนเข้าเรียน และประสบความสำเร็จในการเรียนคณะอินเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ