มหัศจรรย์ของการเปลี่ยนแปลงความคิด / ครูฮ้วง

มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนอื่นเปลี่ยนแปลง
และเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราเอง

แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงก็ยังเป็นเรื่องที่ยาก สำหรับคนประมาณ 90% ทั่วโลก

นักประสาทวิทยาได้ทำการตรวจสมองพบว่า คนส่วนใหญ่ดำเนินชีวิตด้วยความคิดเดิม ประสบการณ์ฝังใจเดิมๆ สุดท้าย พวกเราเกือบทุกคน ตายจากโลกนี้ไป ด้วยภาพ ความรู้สึก และปมในใจที่เราไม่ยอมเปลี่ยน

หากเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ เราจะเจอประสบการณ์ใหม่ และทำให้เกิดความคิดใหม่ๆ ความรู้สึกสุขเราจะมีมากขึ้น ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ และโอกาสใหม่ๆจะมาถึง

แต่น่าเสียดายที่สมองของคนเราคือนวัตกรรมที่มีความยอดเยี่ยมในการเก็บข้อมูล ความรู้สึก ประสบการณ์ในอดีต จนฝังแน่นเข้าไปใน neuron จึงส่งผลให้ร่างกายผลิตสารเคมีเดิม จนเกิดเป็นทางเลือกที่จะคิดเดิมๆโดยไม่รู้ตัว เช่น "คิดถึงคนนี้ทีไร เกลียดทุกที หรือ โอ้ย...คนแบบนี้เคยเจอมาแล้ว...."

หลายครั้งที่เราก็รู้ว่าถ้าเราเปลี่ยนชีวิตเราจะดีขึ้น เราจะเก่งขึ้น และทุกข์จะจางหาย แต่หากการเปลี่ยนแปลงนั้นกระจายวงกว้าง มันจะสร้างคุณค่าอันใหญ่หลวงให้มวลมนุษย์
Alex Stephany ผู้ประกอบการเพื่อสังคม (Social Enterprise) และผู้ก่อตั้ง เวบไซด์ Beam เมื่อปี 2017 จากการที่เขาได้รับประสบการณ์ตรงของการเปลี่ยนความคิด จากการได้ พูดคุยระหว่างทางกลับบ้านกับ ชายไร้บ้านผู้หนึ่ง ทำให้เขาเห็นถึงความลำบากของคนไร้บ้าน และในครั้งนั้น Stephany เลือกที่จะช่วยเหลือโดยซื้อกาแฟและถุงเท้าให้ชายผู้น่าสงสารอยู่บ่อยครั้ง

แต่การบริจาคสิ่งของนั้น ไม่ได้ทำให้ชีวิตของผู้ยากไร้เปลี่ยนแปลง จนวันที่ชายน่าสงสารนี้จากโลกนี้ไปพร้อมโรคหัวใจวายในสภาพที่ยากไร้ ในวันนั้นเขาได้เปลี่ยนมุมมองการเปลี่ยนชีวิตคน

โดยเขาได้พบว่า หากต้องการช่วยคนจน ต้องช่วยให้คนด้อยโอกาสแข็งแรงทางความคิดและจิตใจ และตามมาด้วยการให้ความรู้ ให้งาน นั่นคือการเปลี่ยนแปลงอันอันหลวงนัก

เขาจึงได้เปิดบริษัทที่ทำหน้าที่ประสานงานความช่วยเหลือในอังกฤษ และต่อมาขยายไปทั่วโลก ที่สุดบริษัทเขาสามารถช่วยเหลือคนยากไร้ 622 ล้านคน ใน 190 ประเทศ ให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้

พวกเรามักได้ยินได้ฟังเรื่องราวลักษณะนี้ เรารับรู้ถึงคนที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในโลกมามากมาย
และเราก็รู้ว่า ถ้าเราเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างในชีวิต เราจะได้รับโอกาสที่ดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น เก่งขึ้น

แต่ก็น่าเสียดายที่หลายๆครั้ง หลายๆคนเลิกล้มที่จะเปลี่ยน

เพราะการเปลี่ยนแปลงไม่ได้สะดวกสบาย การเปลี่ยนแปลงต้องใช้พลังใหม่ เพื่อสร้างความคิดใหม่อย่างต่อเนื่อง และมีผลต่อความรู้สึกใหม่ การเปลี่ยนแปลงต้องทำอย่างต่อเนื่องจึงเกิดพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะดึงดูดสิ่งที่เราอยากได้มาหาตัวเรา
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยาก แต่ใช่ว่าเราจะทำไม่ได้

ในขณะที่ในช่วงรุ่งเช้าเป็นช่วงเวลาที่จิตสำนึกและจิตใต้สำนึกเปิดรับสิ่งใหม่ได้ง่ายมาก เพราะสมองอยู่ในช่วงคลื่น Alpha Wave ที่ผ่อนคลาย (8-12 HZ) และยังไม่กระปรี้กระเปร่าเต็มที่ หากเราใส่ข้อมูลใหม่ๆ ที่เป็นจิตสำนึกที่ดี ความคิดนั้นจะสร้างมโนสำนึกความรู้สึกที่ดีตามมาและบันทึกใหม่ลงไปในสมอง สุดท้ายจะมีผลในการใช้ชีวิตของเรา เราจะเลือกคิด ทำ ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิต

ถ้าเราอยากเปลี่ยนวิธีการคิด ความรู้สึก เพียงแค่เวลาที่เรากำลังทำอะไรอยู่นั้น ลองถามตัวเองว่า
"เราทำอะไรอยู่ และทำทำไม"
คำถามนี้จะช่วยทำให้เรานึกภาพและความรู้สึกอนาคตขึ้นมาทันที มันคือการเชื่อมต่อเหตุการณ์ปัจจุบันกับอนาคตที่จะเป็น

วันนี้คุณทำอะไรอยู่คะ... แล้วทำไปทำไม....

เราทำงานหนัก ไม่เลือกการไปเที่ยว เพราะเราต้องการความสำเร็จจากความนึกคิดใหม่ระหว่างที่จดจ่อกับงาน เราอยากได้รับความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับ

แต่หากปัจจุบันเราพบว่า เรากำลังนั่งไถ feed มือถือ ติดตามแฟชันอย่างรุนแรง หรือดูชีวิตคนอื่น

แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับเป้าหมาย ความฝันของเรามั้ย

การคิดถึงสิ่งที่ทำอยู่ และเหตุผล อย่างน้อยทำให้เราฉุกคิดถึงการเสียเวลาทำสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับความฝันของเรา
หลายๆครั้งการตามข่าวบางเรื่องอาจไม่เกี่ยวกับความฝันของเรา

เมื่อไรที่เราตระหนักได้ ตัวเราเอง คือ Creator of our life ของจริง

จริงอยุ่สมองของเราบรรจุเรื่องราว ความรู้สึกเรื่องราวในอดีตไว้อย่างแม่นยำ บางอย่างมันสะเทือนใจ เป็นปม ทำให้เรากลัวที่จะเกิดแบบนั้นอีก แต่เราจะปล่อยไว้แบบนั้นเป็นปีๆ โดยไม่ upgrade ความคิด

มันมีผลต่อความเป็นตัวตน และชีวิตของเรา มันปิดกั้นทำให้เราไม่สามารถเปิดประตูรับประสบการณ์ใหม่ที่น่ารื่นรมย์ ได้เลย หากเราไม่คิดจะเปลี่ยนความคิดเดิม

เมื่อไรที่เราโกรธ เกลียด ท้อ สมองสั่งการให้ร่างกายหลั่งสาร neuropeptide จากนั้นสมองจะบันทึกการปรากฎการณ์ทั้งหมด และทำงานได้เร็วและคล่องขึ้น จนเราเป็นคนท้อง่าย เครียดไว โกรธ ฉุนเฉียวโดยไม่รู้ตัว

แต่เพียงแค่เรารู้ตัว ว่านี่กำลังคิดแบบเดิม สมองจะเริ่มเปลี่ยนทิศทาง เริ่มเข้าใจ เรียนรู้ บันทึกประสบการณ์ใหม่ และเราก็จะได้พบเจอสิ่งอัศจรรย์ที่ดี ที่เราไม่คาดคิดมาก่อน

เราไม่จำเป็นต้องรู้ว่าสิ่งอัศจรรย์นั้นคืออะไร เพราะเรื่องราวดีๆย่อมเกิดจากความคิดที่ดี และการกระทำที่ดีอยู่แล้ว เป็นธรรมชาติ

ปล่อยให้ความคิดงดงาม สร้างความรู้สึกแห่งความสุข สงบ มีสติ และสิ่งที่ดีนั้น จัดการตามวัฎจักรที่ดีของมันเอง ไม่นานเราเองก็จะได้เห็นความอัศจรรย์แห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นพร้อมสิ่งที่ดีในชีวิตเรา

ครูฮ้วง


--------------------------


ครูฮ้วง-เสาวลักษณ์ ลี้รุ่งเรืองพร เจ้าของสถาบัน Campus Genius Center ผู้สอนหลักสูตรติวเข้มเพื่อการสอบ SAT ด้วยแนวคิดแบบ Critical Thinking ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถยื่นคะแนนเข้าเรียน และประสบความสำเร็จในการเรียนคณะอินเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ