xs
xsm
sm
md
lg

“อนันดา”สร้างแต้มต่อ จับมือ“ดิ แอสคอทท์”ขยายฐานธุรกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อนันดาเผยนโยบาย มุ่งพัฒนาธุรกิจใหม่ สร้างรายได้เติบโตอย่างมั่นคง ลดความเสี่ยง เชื่ออนาคตผู้ประกอบการต้องขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงนโยบายการลงทุนของบริษัทว่า จะหาธุรกิจใหม่ๆ หรือร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกพัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อสร้างฐานรายได้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสม่ำเสมอ จะไม่พึ่งพารายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเป็นหลัก เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มช่องทางสร้างรายได้

ล่าสุดได้เปิดตัวธุรกิจใหม่คือ “เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์” ซึ่งได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด (“The Ascott Limited” หรือ “Ascott”) ผู้ประกอบธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรี่ของโลกที่มีรางวัลจำนวนมากการันตี เพื่อสร้างจุดแข็งในด้านมาตรฐานที่พักอาศัยอันเหนือระดับ เพราะมองว่าเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาวให้แก่บริษัท นอกจากนี้ ยังมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจและการท่องเที่ยวของไทย จากการที่ไทยยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีทรัพยากรทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามเป็นที่ดึงดูดแก่นักท่องเที่ยวมากขึ้นในทุกปี ทำให้ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจะถึงจุดอิ่มตัวในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งผู้ประกอบการรายเล็กอาจจะมีโอกาสอยู่รอดมากกว่ารายใหญ่ เพราะมีการเข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่า และการที่ปริมาณของที่อยู่อาศัยในตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องไปหาฐานลูกค้าในต่างประเทศมากขึ้น""

ทั้งนี้ อัตราการเช่าเฉลี่ยของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในทุกทำเลของกรุงเทพฯที่มีมากกว่า 74% และสามารถขยับขึ้นไปถึงประมาณ 90% ในบางทำเล โดยพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจและพื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิท เป็นทำเลยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ทำให้อัตราการเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80% เพราะความสะดวกในการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายรวมไปถึงการเข้าถึงที่สะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า BTS

สำหรับอนันดาฯ จะเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท จำนวนรวมกว่า 1,400 ยูนิต โครงการแรก ได้แก่ โครงการ “ซัมเมอร์เซ็ท รามา 9 บางกอก” เป็นอาคาร High-Rise 1 อาคาร สูง 35 ชั้น จำนวน 445 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท และอีก 3 โครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งทั้ง 4 โครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสูงสุดของกรุงเทพฯ เช่น สาทร และสุขุมวิท เป็นต้น

นายเควิน โกห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิ แอสคอทท์ จำกัด กล่าวว่า ด้วยเครือข่ายทั่วโลกของดิ แอสคอทท์มีลูกค้าองค์กรต่างๆ เกือบ 100,000 ราย จะช่วยสร้างโอกาสทางการตลาดให้ขยายเพิ่มขึ้นไปทั่วโลก ทั้งอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย และเครือข่ายทางการตลาดระดับนานาชาติ พร้อมทั้งความสามารถในการบริการที่แข็งแกร่ง ผนวกกับความเชี่ยวชาญของอนันดาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล

“การร่วมมือของอนันดากับแอสคอทท์ ในครั้งนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดสำคัญสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก เรามีความมั่นใจว่าจะมียอดขายได้มากกว่า 80,000 ยูนิตในปีนี้ และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 160,000 ยูนิตภายในปี 2566 โดยแผนงานในประเทศไทยจะมีการดำเนินงานมากกว่า 1,600 หน่วย ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า หรือมากกว่า 4,300 ยูนิตภายในปี 2567”

นายเควิน กล่าวอีกว่า เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ใหม่ทั้ง 4 โครงการจะช่วยเพิ่มผลงานของแอสคอทท์ในประเทศไทยให้มีมากขึ้นรวมเป็น 21 แห่ง หรือกว่า 4,300 ยูนิตทั่วกรุงเทพฯ พัทยาและศรีราชา ขณะนี้ แอสคอทท์มีโครงการที่พักอาศัยให้บริการอยู่มากกว่า 43,000 แห่งในเมืองสำคัญต่างๆ ในอเมริกา เอเชียแปซิฟิก ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา และมีมากกว่า 29,000 ยูนิตซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา ทำให้มีจำนวนโครงการทั้งหมดรวมกว่า 74,000 ยูนิตในกว่า 500 แห่ง ซึ่งแบรนด์ของบริษัท ทั้ง 6 แบรนด์ ได้แก่ Ascott, Citadines, Somerset, Quest, The Crest Collection และ Lyth ในปัจจุบันผลงานของแอสคอทท์ครอบคลุมกว่า 130 เมือง ในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น