xs
xsm
sm
md
lg

5 งานไอทีมาแรง!! เปิดรับสูงสุด ใครเก่งสมัครเลย “จ๊อบไทย”เผยตำแหน่งว่าง 4,000 อัตราต่อเดือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จ๊อบไทยดอทคอมเผยข้อมูลงานด้านสายไอทีที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานระหว่างเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2561 พบ มีจำนวนเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000-4,000 อัตราต่อเดือน โดยมี 5 ประเภทงานของสายไอทีที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด ได้แก่ 1) งานโปรแกรมเมอร์ (Programmer) จำนวน 1,238 อัตรา คิดเป็น 36.8 เปอร์เซ็นต์ 2) งานดูแลระบบเครือข่าย (IT Administrator) จำนวน 464 อัตรา คิดเป็น 13.8 เปอร์เซ็นต์ 3) งานดูแลด้านเทคนิคของผลิตภัณฑ์ (Technical Support) จำนวน 451 อัตรา คิดเป็น 13.4 เปอร์เซ็นต์ 4) งานพัฒนาเว็บไซต์ (Web Programmer) จำนวน 243 อัตรา คิดเป็น 7.2 เปอร์เซ็นต์ และ 5) งานการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) จำนวน 208 อัตรา คิดเป็น 6.2 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการ เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com) กล่าวว่า ภาพรวมโลกธุรกิจในปัจจุบันที่กำลังเปลี่ยนไป โดยมีเทคโนโลยีดิจิทัลที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด อาทิ เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT - Internet of Things) บิ๊กดาต้า (Big Data) หรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) จนปฎิเสธไม่ได้ว่าหลายองค์กรต่างนำระบบและเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการทำงานมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโต และการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัลที่มากขึ้น ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคที่องค์กรต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้ตลาดแรงงานด้านสายงานไอทีและเทคโนโลยีมีความโดดเด่นเป็นที่ต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้วยเหตุนี้ เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม ในฐานะผู้นำด้านเว็บไซต์หางาน-สมัครงาน ของประเทศไทย ที่มีผู้ลงทะเบียนฝากประวัติกว่า 1.4 ล้านคน และมีจำนวนงานจากบริษัทชั้นนำโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 90,000 อัตราต่อวัน ได้รวบรวมและวิเคราะห์ฐานข้อมูลงานสายไอทีที่อยู่ในเว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอมตั้งแต่เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2561 พบว่า มีองค์กรลงประกาศรับสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับสายไอทีทั่วประเทศทั้งหมดเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000-4,000 อัตราต่อเดือน โดยมี 5 ประเภทงานที่เปิดรับสมัครมากที่สุด ดังนี้

•งานโปรแกรมเมอร์ (Programmer) จำนวน 1,238 อัตรา คิดเป็น 36.8 เปอร์เซ็นต์ของงานสายไอทีทั้งหมด โดยรายละเอียดงานคือ การเขียนและพัฒนาโปรแกรมต่างๆ ตามความต้องการขององค์กร เช่น พัฒนาแอพพลิเคชัน รวมถึงการดูแลและตรวจสอบระบบฐานข้อมูล

•งานดูแลระบบเครือข่าย (IT Administrator) จำนวน 464 อัตรา คิดเป็น 13.8 เปอร์เซ็นต์ของงานสายไอทีทั้งหมด โดยรายละเอียดงานคือ การดูแลระบบเน็ทเวิร์กคอมพิวเตอร์ ประกอบ ติดตั้ง ลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ซ่อมแซม บำรุงรักษาอุปกรณ์ทั้ง ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์

•งานดูแลด้านเทคนิคของผลิตภัณฑ์ (Technical Support) จำนวน 451 อัตรา คิดเป็น 13.4 เปอร์เซ็นต์ของงานสายไอทีทั้งหมด โดยรายละเอียดงานคือ การให้บริการข้อมูล ให้คำปรึกษา และแก้ไขปัญหาการใช้งานต่าง ๆ ด้านสารสนเทศ

•งานพัฒนาเว็บไซต์ (Web Programmer) จำนวน 243 อัตรา คิดเป็น 7.2 เปอร์เซ็นต์ของงานสายไอทีทั้งหมด รายละเอียดงานคือ การ ออกแบบและพัฒนาระบบเว็บไซต์ รวมถึงการบริหารจัดการข้อมูลต่าง ๆ บนเว็บไซต์

•งานการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) จำนวน 208 อัตรา คิดเป็น 6.2 เปอร์เซ็นต์ของงานสายไอทีทั้งหมด รายละเอียดงานคือ การทำการตลาดทั้งด้านองค์กร ผลิตภัณฑ์ และบริการ ผ่านสื่อดิจิทัลต่างๆ อาทิ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตราแกรม ยูทูป เป็นต้น

นางสาวแสงเดือน กล่าวอีกว่า ปัจจุบันงานสายไอทีกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานมากขึ้น แต่ประเทศไทยกลับยังขาดแคลนบุคลากรในด้านนี้ จึงกลายเป็นปัญหาความไม่สอดคล้องด้านความต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะในโลกยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีภาคธุรกิจสำคัญเกิดขึ้นมากมาย อย่างที่เห็นได้ชัดคือ กลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup) และกลุ่มธุรกิจในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ล้วนสะท้อนว่าในอนาคตสายงานด้านกลุ่มสะเต็ม (STEM) ได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม คณิตศาสตร์ และสถิติ ทั้งหมดนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของแรงงานพื้นฐานสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโตสอดคล้องไปกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 (Thailand 4.0) และนโยบายเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Digital Economy) ของรัฐบาล

ดังนั้น ในฐานะคนทำงานในสายไอที จึงควรให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ ๆ มากขึ้น โดยต้องมีการเรียนรู้และปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นแรงผลักให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันแรงงานด้านอื่นๆ ก็ควรหันมาให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานเช่นเดียวกัน ด้วยการเตรียมความพร้อมให้กับตนเอง รู้จักเรียนรู้ พัฒนาทักษะ และประสบการณ์ รวมถึงศึกษาความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพิ่มเติม ตลอดจนมองการณ์ไกลถึงสิ่งที่ตลาดแรงงานต้องการอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยให้แรงงานไทยมีประสิทธิภาพทัดเทียมกับแรงงานนานาประเทศได้อย่างแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น