พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือ ระหว่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงานกับบริษัท สามมิตร พีทีจี โปรทรัค โซลูชัน เซ็นเตอร์ จำกัด เพื่อพัฒนาฝีมือให้แก่พนักงานศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถบรรทุก พร้อมเปิดศูนย์บริการโปรทรัค สาขาหนองแค จังหวัดสระบุรี อย่างเป็นทางการ โดยมีนายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายตฤณ ศิริจารุวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามมิตร พีทีจี โปรทรัค โซลูชัน เซ็นเตอร์ จำกัด ร่วมในพิธี
กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน จับมือ บริษัท สามมิตร พีทีจี โปรทรัค โซลูชัน เซ็นเตอร์ จำกัด ลงนามความร่วมมือ ในการพัฒนาฝีมือให้แก่พนักงานศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถบรรทุก “โปรทรัค” ในปี 2561 จำนวน 22 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 18 จังหวัดทั่วประเทศ
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันรถบรรทุกได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในอุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้าทั้งในและต่างประเทศ การค้าตามแนวชายแดน และมีความต้องการใช้มากขึ้นเมื่อรัฐบาลมีโครงการเมกะโปรเจ็กมากมายในการพัฒนาประเทศสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 อาทิ การพัฒนา 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภคในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จากปัจจัยเหล่านี้ ประกอบกับรถบรรทุกมีขนาดใหญ่ มีกลไกซับซ้อนกว่ารถทั่วไป ทำให้เกิดความต้องการช่างฝีมือในการซ่อมบำรุงรักษาเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กระทรวงแรงงานจึงมอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดฝึกอบรมในหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง ยึดหลักตามนโยบายเร่งด่วน (Agenda Based) ของกระทรวงแรงงาน ด้านการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีงานทำของกลุ่มคนในทุกเพศ ทุกวัย
นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กรมฯ ใช้แนวทางประชารัฐร่วมมือกับบริษัท สามมิตร พีทีจี โปรทรัค โซลูชัน เซ็นเตอร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจเปิดศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถบรรทุกแบบครบวงจร ภายใต้ชื่อ Protruck ในการพัฒนาช่างในศูนย์บริการและคนทำงานให้มีทักษะสูงได้มาตรฐานฝีมือแรงงาน และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
แนวทางความร่วมมือจะเริ่มตั้งแต่การกำหนดหลักสูตฝึกอบรมรมการบำรุงรักษารถบรรทุกประจำศูนย์บริการ 4 หลักสูตร ได้แก่ งานซ่อมบำรุงระบบส่วนหัวของรถบรรทุก การบำรุงรักษาตัวถังชุดไฮดรอลิคชุดช่วงล่างรถบรรทุก การบำรุงรักษายางและช่วงล่างส่วนหัวรถบรรทุก และการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าและระบบปรับอากาศรถบรรทุกมีแผนการฝึกอบรมใน 18 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี นครสวรรค์ สมุทรปราการ สุราษฎร์ธานี สมุทรสงคราม นครปฐม ลำปาง ขอนแก่น เชียงใหม่ สงขลา เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี เชียงราย มุกดาหาร สุรินทร์ และเพชรบูรณ์
สำหรับกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ช่างของศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถบรรทุก Protruck ผู้จบการศึกษาระดับปวช.สาขาช่างยนต์ และผู้ผ่านการฝึกอบรมกับกพร. ในหลักสูตรเตรียมเข้าทำงานสาขาช่างยนต์ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีความต้องการพนักงานในตำแหน่งต่างๆ อาทิ ผู้จัดการศูนย์บริการ หัวหน้าช่างยนต์ ช่างยนต์ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ รวมจำนวน 290 อัตรา ผู้ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรสาขาช่างยนต์หรือผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานสาขาการบำรุงรักษารถยนต์ ระดับ 1 จากกรมฯ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษเช่นกัน นอกจากนี้ ยังร่วมกันพัฒนาครูฝึกของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในการเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ให้แก่กำลังแรงงาน จัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานสาขาการบำรุงรักษารถบรรทุก โดยสามารถนำมาตรฐานไปใช้ในการทดสอบช่างและพนักงาน ในการกำหนดอัตราค่าจ้าง ค่าตอบแทน หรือใช้ประกอบพิจารณาเลื่อนระดับตำแหน่งด้วย
นายตฤณ ศิริจารุวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามมิตร พีทีจี โปรทรัค โซลูชัน เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถบรรทุกโปรทรัค เกิดจากความร่วมมือกันของสามมิตรที่เชี่ยวชาญในการต่อตัวถังรถบรรทุก รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง ที่มีประสบการณ์ด้านยานยนต์กว่า 60 ปี และพีทีจี เอ็นเนอยี ผู้ให้บริการปั๊มน้ำมัน “พีที” ที่มีความพร้อมด้านสถานที่ จึงเกิดเป็น “โปรทรัค” ศูนย์บริการรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ที่ควบคุมการทำงานโดยใช้ระบบฐานข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้ทุกจุดของศูนย์บริการ โดยมีศูนย์บริการที่เปิดดำเนินการแล้ว 3 แห่งได้แก่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ และล่าสุดที่เปิดให้บริการคือ ที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี
ที่ผ่านมา “โปรทรัค” ได้การตอบรับอย่างดีจากผู้ประกอบกิจการขนส่งสินค้า รวมถึงลูกค้าในพื้นที่และลูกค้าทั่วไป ที่เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ศูนย์บริการโปรทรัค ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 4 แห่ง คือ จังหวัดสมุทรสงคราม นครปฐม เชียงใหม่ และที่อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา โดยมีแผนการขยายศูนย์บริการโปรทรัค ปีนี้ให้ครบ 22 แห่ง พร้อมตั้งเป้าเปิดให้บริการให้ครบ 100 แห่ง ภายใน 5 ปี และในระยะยาวจะมีการพิจารณาขยายการบริการไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา ฯลฯ เพื่อเป็นการเชื่อมโยงระบบการขนส่งให้สอดคล้องกับการพัฒนาเส้นทางการคมนาคมของภูมิภาคต่อไป
“บริษัทฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงานในกลุ่มช่างซ่อมบำรุงรักษารถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ เพื่อเสริมสร้างทักษะฝีมือ ให้สามารถนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมโดยวิทยากรที่มีความชำนาญรวมถึงการได้เรียนรู้ในการปฏิบัติงานจริงไปต่อยอดการทำงาน เพื่อให้บริการที่ดีมีคุณภาพแก่ผู้มาใช้บริการ บริษัทฯ หวังว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะสามารถเพิ่มปริมาณแรงงานที่มีความรู้ความสามารถและมีทักษะทางด้านยานยนต์เข้าสู่ตลาด เพื่อรองรับการค้าการลงทุนและระบบคมนาคมขนส่งของประเทศที่กำลังขยายตัวเพิ่มมากขึ้นได้อย่างแน่นอน”นายตฤณ กล่าว