“สิงห์ เอสเตท” เปิดตัว ดิ เอส สุขุมวิท 36 ภายใต้แนวคิด “สมดุลแห่งความต่าง” จากต้นแบบของงานสถาปัตยกรรมแบบบ้านเรือนไทย ประยุกต์เข้ากับการอยู่อาศัยในยุคใหม่ ภายใต้ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในระดับลักชัวรีมาแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ ดิ เอส อโศก และ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี มียอดขายรวมกว่า 85% และล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการที่ 3 คือ ดิ เอส สุขุมวิท 36 เป็นคอนโดมิเนียม สูง 43 ชั้น จำนวน 338 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 38.50-43.25 ตารางเมตร แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 73.50-77.00 ตารางเมตร แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 116.75-124.25 ตารางเมตร และเพนท์เฮ้าส์ ขนาด 252 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท มูลค่า 6,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท คือ ติดกับรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ แหล่งรวมไลฟ์สไตล์และที่พักอาศัยในระดับบนของกรุงเทพฯ
โครงการนี้ สิงห์ เอสเตท ร่วมทุนกับ ฮ่องกง แลนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากมายในเอเชีย รวมถึงได้ว่าจ้างที่ปรึกษาระดับโลก อย่าง SOM มาช่วยดูแลด้านการออกแบบร่วมกับบริษัทออกแบบชั้นนำของไทย เพื่อให้โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 มีความโดดเด่นในระดับลักชัวรี โดยตั้งเป้าปิดการขายได้ 50% ในปีนี้ คิดเป็นยอดขายกว่า 3,000 ล้านบาท
โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด “A Harmony of Contrast” หรือ สมดุลแห่งความต่าง โดยการหลอมรวมอัตลักษณ์ของความเป็นไทยกับเทรนด์การอยู่อาศัยในยุคปัจจุบันเข้าด้วยกัน สถาปัตยกรรมที่สร้างในเขตร้อนหรือ ทรอปิคัล เฮ้าส์ เช่น บ้านเรือนไทย ถูกนำมาใช้เป็นโจทย์หลักในการออกแบบตัวอาคาร อาทิ การเปิดช่องให้ลมผ่านหรือการยกพื้นใต้อาคารเพื่อให้มีการไหลเวียนของอากาศภายใน แนวคิดดังกล่าวถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับการออกแบบสมัยใหม่ ซึ่งนอกจากจะสวยงามแล้วยังเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงความยั่งยืน (Sustainability Design) อีกด้วย
ในส่วนของงานภูมิทัศน์ได้แรงบันดาลใจจากภูมิประเทศแถบชนบทของไทย เช่น ทุ่งข้าว และเนินเขา มาเป็นต้นแบบ ขณะที่งานตกแต่งภายในเองก็ได้นำเอารูปแบบงานฝีมือของไทยเข้าไปใส่ในรายละเอียดต่างๆ โดยปรับแต่งให้มีความทันสมัย ทั้งนี้อัตลักษณ์ของความเป็นไทยทั้งหมดได้ถูกผสานกับการออกแบบสมัยใหม่ได้อย่างสมดุลและลงตัว โดยมั่นใจว่าการออกแบบดังกล่าวจะสามารถเข้าถึงทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงทำให้โครงการมีความแตกต่างจากโครงการลักชัวรีอื่นในตลาด
ด้านนายเทอเรนซ์ ลี ผู้จัดการทรัพย์สินอาวุโสของฮ่องกง แลนด์ กล่าวว่า โครงการนี้ได้ที่ปรึกษาด้านการออกแบบซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำอันดับต้น ๆ ของโลก มาร่วมออกแบบและวางแผนก่อสร้างด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมถึงการคัดเลือกวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งที่มีคุณภาพดี พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานอาคารที่พักลักชัวรีระดับโลก
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันทองหล่อเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวญี่ปุ่น เพราะเป็นแหล่งที่รวมไลฟ์สไตล์ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชาวต่างชาติมากกว่าทำเลอื่นในกรุงเทพฯ ทั้งยังเป็นย่านที่มีตลาดเช่าที่พักอาศัยเพื่อการลงทุนที่โดดเด่นมาก มีตลาดชัดเจน คอนโดระดับราคา 250,000-350,000 บาทต่อตารางเมตร แม้จะดูราคาสูง แต่เป็นระดับราคาที่ลูกค้ายอมรับได้ เมื่อเทียบกับทำเล แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพคเกจราคารวมต่อยูนิตด้วย