xs
xsm
sm
md
lg

แกรนด์ วัลเล่ย์ พัทยา รับอานิสง EEC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พงษ์พิทยา พร็อพเพอร์ตี้” ขยายฐานลูกค้า บุกเมืองพัทยา ซุ่มจองทำเลทองเปิดโครงการ GRAND VALLEY PATTAYA บ้านพักตากอากาศบนพื้นที่ส่วนตัว รับ EEC

นางปารดา พิทยาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พงษ์พิทยา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงแผนพัฒนาโครงการ GRAND VALLEY PATTAYA บ้านพักตากอากาศ บนทำเลแห่งอนาคต ใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า บริษัทได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวตั้งแต่ปี 2556 เพื่อจัดทำโครงการ GRAND VALLEY PATTAYA ด้วยมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของพื้นที่ของเมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองแห่งการพักผ่อนและท่องเที่ยวอันดับต้นๆของประเทศ โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวปีละกว่า 9 ล้านคน และด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งโครงการที่อยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆของเมืองพัทยา แต่เป็นโซนที่มีความเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อน และที่สำคัญอยู่ห่างจากสนามบินอู่ตะเภาเพียง 20 นาที ที่สำคัญจะรองรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจ (EEC) ตามนโยบายของรัฐบ่าลได้ด้วย
จากความสำเร็จดังกล่าว ล่าสุด GRAND VALLEY PATTAYA ได้เปิดบ้านเฟส 2 เพื่อนำเสนอแบบบ้านใหม่ 2 แบบ ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นภายในบ้าน เพิ่มเติมพื้นที่แห่งการพักผ่อน และเติมเต็มความเป็นส่วนตัวให้ก้บสมาชิกในครอบครัว โดยแบบบ้านใหม่แบบแรก คือ แบบ Lake View A Plus บ้านเดี่ยว 2 ชั้น วิวทะเลสาบส่วนตัว และ แบบ Grand Hill A Plus บ้านเดี่ยว 2 ชั้น วิวเขาชีจรรย์บน พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 343 ตารางเมตร โดยฟังก์ชั่นการใช้งาน ได้มีการขยายและปรับส่วนพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสม ด้วยการเพิ่มโถงให้ดูโปร่งโอ่โถงขึ้น และขยายพื้นที่ส่วนห้องรับแขกให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ในฟังก์ชั่น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน 1 ห้องครัว สระว่ายน้ำส่วนตัวขนาด 40 ตรม.พื้นที่ Party รอบสระว่ายน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมที่จอดรถ 2 คัน
แบบบ้านที่ 2 คือ แบบ Grand Hill C Plus บ้านเดี่ยว 1 ชั้น วิวเขาชีจรรย์ บนพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 314 ตารางเมตร ปรับให้สไตล์บ้านดูกว้างขวางและทันสมัยมากขึ้น พื้นที่ใช้สอยสะดวกเชื่อมหากันอย่างลงตัว เสริมด้วยพื้นที่ปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำ ด้วยฟังก์ชั่น 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน 1 ห้องครัว สระว่ายน้ำส่วนตัวขนาด 40 ตรม.พร้อมที่จอดรถ 2 คัน ซึ่งจากแบบบ้านที่ตอบโจทย์การพักผ่อนรวมถึงทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพและเป็นทำเลแห่งอนาคต ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถปิดโครงการได้ภายในปี 2563
“ ทำเลที่ตั้งของโครงการถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพมาก เพราะนอกจากจะใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆของเมืองพัทยา อาทิ เขาชีจรรย์ ไร่องุ่นซิลเวอร์แลค สวนน้ำรามายาณะ สวนน้ำการ์ตูนเน็ตเวิร์ค และสวนนงนุช แล้ว ยังสามารถเดินทางเข้าออกได้หลายทางทั้งถนนสุขุมวิท และทางหลวงหมายเลข 331 เลี่ยงเมืองพัทยาเชื่อมต่อถนนมอเตอร์เวย์ได้อย่างสะดวกสบาย ประกอบกับล่าสุดรัฐบาลมีแผนที่จะดำเนินการพัฒนาโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเบื้องต้นประกาศให้พื้นที่ของสนามบินอู่ตะเภาเป็นเขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ เมืองการบินภาคตะวันออก รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ยิ่งทำให้ที่ตั้งของโครงการมีศักยภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น” นางปารดา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น