“แม้จะไม่มีกระแสของการพัฒนาอย่างยั่งยืนดังเช่นในปัจจุบัน TTW ก็ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และแม้จะเป็นทิศทางที่ท้าทายว่าจะทำอย่างไร เราจะไม่เพียงแค่บอกว่าเราอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือทำ CSR แล้วจบไป”
ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจต้องก้าวไปพร้อมกับการคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมเสมอ และในวันนี้ประเทศไทยก็ก้าวมาไกลมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งแน่นอนว่า TTW ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เราเป็นผู้ผลิตน้ำประปาภาคเอกชนรายใหญ่ของประเทศ ขายส่งให้กับการประปาส่วนภูมิภาคในพื้นที่สมุทรสาคร-นครปฐม และปทุมธานีรังสิต โดยการนำน้ำดิบจากแหล่งน้ำผิวดินเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตน้ำประปา เพื่อช่วยแก้ปัญหาการใช้แหล่งน้ำใต้ดิน (น้ำบาดาล) ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาน้ำเค็มและน้ำทะเลรุกล้ำเข้ามาแทนที่น้ำจืด รวมถึงปัญหาการยุบตัวของผิวดินและแผ่นดินทรุดที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราตระหนักถึงความสำคัญในการช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชซึ่งพระองค์ทรงกล่าวไว้ว่า “น้ำคือชีวิต” ซึ่งคำสอนของพระองค์ท่าน ยังคงเป็นความจริงสำหรับทุกชีวิต และเป็นความจริงเสมอสำหรับ TTW และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “คุณภาพน้ำก็หมายถึงคุณภาพชีวิต ถ้าคุณภาพน้ำดี...เราก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามไปด้วย” เราจึงตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เสมอมา
และอีกหนึ่งกิจกรรมที่สะท้อนถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ได้ดำเนิน “โครงการ 1 ล้านกล้า สร้างป่าต้นน้ำ” ด้วยการปลูกป่าในพื้นที่เสื่อมโทรมในเขตหมู่บ้านอีต่อง ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ปีละ 1,000 ไร่ หรือคิดเป็น 200,000 ต้นกล้า ตั้งแต่ปี 2554 ถึง 2558 รวมพื้นที่ป่าทั้งสิ้น 5,000 ไร่ หรือคิดเป็น 1,000,000 ต้นกล้า พร้อมกับทำการบำรุงรักษาป่าที่ปลูกอีก 2 ปีต่อเนื่อง รวมระยะเวลาของโครงการทั้งสิ้น 7 ปี (พ.ศ. 2554 – 2560) โดยกล้าไม้ที่เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์จะถูกทยอยส่งมอบให้กับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดูแลรักษาเป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป
ในฐานะผู้ผลิตน้ำประปาภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ เราตระหนักดีว่าหากขาด “น้ำ” ไม่เพียงแต่ธุรกิจส่วนหนึ่งของบริษัทฯ ที่จะหยุดชะงักลง แต่หมายถึงหลายชีวิต และธุรกิจอีกมากมายที่จะได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล กิจกรรมดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงแค่การปลูกป่าตามสมัยนิยมแล้วปล่อยทิ้งไปโดยไม่ได้ดูแล แต่การปลูกป่าของ TTW ในครั้งนี้เป็นการปลูกป่าที่ต้องได้ป่าอย่างแท้จริง และยังเป็นต้นน้ำที่นำมาซึ่ง “น้ำ” เพื่อใช้ในการอุปโภคและบริโภค หล่อเลี้ยงสรรพสิ่งตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จรดปลายน้ำ
กิจกรรมดังกล่าวดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 7 ปี จนเราสามารถปลูกต้นกล้าได้ครบ 1,000,000 ต้น ทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นอีกกว่า 5,000 ไร่ ซึ่งภายในสิ้นปี 2560 เราจะทำการส่งมอบผืนป่าแปลงสุดท้ายให้เป็นสมบัติของชาติต่อไป ซึ่งจะเห็นได้ว่าบริษัทไม่ได้ทำ CSR ตามสมัยนิยม แต่เราทำแบบมีเป้าหมาย และเป้าหมายนั้นก็คือการก่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนนั่นเอง จะเห็นได้ว่าโครงการต่างๆ ของ TTW เราไม่ได้เริ่มที่ปลายทาง แต่เราเริ่มตั้งแต่ “ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง” เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของ TTW ในทุกๆ ครั้งจะเป็นไปอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง
TTW ไม่ได้เชี่ยวชาญแค่เฉพาะเรื่องการผลิตน้ำประปาเท่านั้น แต่ธุรกิจที่เราดำเนินการอยู่นั้นคือ“การบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร” เริ่มตั้งแต่การบริหารน้ำดิบ การผลิตน้ำประปา การบริหารและจัดการน้ำเสีย และในอนาคตทีมผู้บริหารของ TTW กำลังดำเนินโครงการที่ดีมากๆ ขึ้นมาอีกหนึ่งโครงการ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่สังคมไทยกำลังขาดอยู่นั่นก็คือ การให้องค์ความรู้แก่เยาวชน และประชาชนด้วยการสร้างศูนย์การเรียนรู้โดยใช้พื้นที่ของ 3 สำนักงานของบริษัทฯ เป็น 3 แหล่งการเรียนรู้ด้านน้ำอย่างครบวงจร
# นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จะเป็นศูนย์การเรียนรู้เรื่องน้ำแบบครบวงจร ตั้งแต่การบริหารจัดการน้ำดิบ ขั้นตอนการผลิตน้ำประปา และการบำบัดน้ำเสีย และวิธีการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด
# โรงผลิตน้ำประปากระทุ่มแบน ศูนย์การเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการผลิตน้ำประปา โดยการนำเสนอเทคโนโลยี การผลิตน้ำประปาอันทันสมัย ภายใต้อาคารสำนักงานที่ถูกออกแบบในคอนเซ็ปต์ Green Building จะทำให้ผู้มาเยี่ยมชมได้รับความรู้เรื่องเทคโนโลยีการผลิตน้ำประปา ควบคู่ไปกับการสะท้อนให้เห็นถึงการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพอย่างสูงสุดด้วย
# สำนักงานใหญ่ (พุทธมณฑลสาย 5) จะเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาวิชาชีพการบริหารจัดการน้ำ เพื่อสร้างการทำงานที่เป็นมาตรฐาน และมีความเป็นมืออาชีพรองรับการทำงานในระดับสากล
ศูนย์การเรียนรู้ที่เราตั้งใจสร้างขึ้นนั้น...จะเป็นเครื่องยืนยันและทำให้เห็นว่า ทำไมเราต้องไปช่วยบูรณาการสร้างป่าต้นน้ำ ทำไมเราต้องไปช่วยให้ความรู้คนในชุมชน ทำไมเราต้องอนุรักษ์ทรัพยากรกันตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ เพราะนั่นคือการบริหารการจัดการแบบยั่งยืนและครบวงจร ในการทำธุรกิจไม่มีใครเก่งในทุกๆ เรื่อง แต่ TTW มีความเชี่ยวชาญและไม่เป็นรองใครในการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร เราคิดอยู่เสมอว่าจะนำองค์ความรู้ที่เรามีไปต่อยอด และไปทำงานร่วมกับคนอื่นได้อย่างไร
ในอนาคตเราวางแผนว่าจะร่วมมือกับมูลนิธิการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน (3R) ในการศึกษาเรื่องดินตะกอนที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำประปาว่าจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเป็นการร่วมมือกันแบบบูรณาการโดยที่เราต้องการเป็นส่วนหนึ่งในกลไกที่จะช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไว้ รวมถึงช่วยกันผลักดันสังคมให้ดีขึ้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นทุกคนจะต้องเปิดใจ เข้าใจ เข้าถึง และร่วมมือกันทำด้วยหัวใจ
“สำหรับเป้าหมายในการจัดทำศูนย์การเรียนรู้ของ TTW นั้น เราไม่ต้องการจะบอกใครว่าเรามีศูนย์การเรียนรู้ที่ดีและใช้เงินลงทุนไปมากเพียงใด แต่เราต้องการให้มีศูนย์การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไปอย่างแท้จริง รวมไปถึงการที่เราต้องการปลูกฝังให้ทุกคนตระหนักและมีส่วนสำคัญในการช่วยกันดูแล และอนุรักษ์แหล่งน้ำและทรัพยากรธรรมชาติ เราต้องการให้คนที่มาที่นี่ได้รับองค์ความรู้ เพื่อที่จะสามารถนำไปขยายผลได้จริง โดยความรู้ที่ได้รับนั้นจะสามารถบอกต่อเพื่อน ครอบครัว คนรอบข้าง และนำความรู้เหล่านั้นไปพัฒนาชุมชนและองค์กรที่พวกเขาอยู่ได้ และนี่...คือเป้าหมายสูงสุดที่ TTW อยากจะมอบกลับคืนสู่สังคม”
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีทีดับบลิว