ดร. ภิญโญ รัตนาพันธุ์
ผมดูสามก๊กมาเรื่อยๆ ก็เห็นประเด็นที่น่าขบคิดเรื่องหนึ่งคือราชวงค์ฮั่นวุ่นวาย เหี้ยนเต้พังเพราะสิบขันที เกิดความวุ่นวายในแผ่นดิน เมื่อรบกันไปมารัวๆ จนตั้งขึ้นเป็นสามก๊กแล้ว เล่าเสี้ยนก็ทำให้ราชวงค์ฮั่นที่ถูกต่ออายุออกไป ก็พังเพราะขันที จะว่าไปดูเหมือนว่าราชวงค์ฮั่นสูญสลายไปจากโลก สามเหตุมาจากคนรอบตัวผู้นำ หรือคน “วงใน”นั่นเอง ดูเหมือนประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอย่างน่ากลัว “คนวงใน” ของผู้นำไม่กี่คนนั่นเองที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อคนวงในมีปัญหา ก็มีการดึง “คนวงนอก” ที่มีอิทธิพล เข้ามา นั่นเป็นที่มาของทรราชย์ตั๋งโต๊ะ ที่เข้ามาสร้างความกดดันต่อสังคมจีนในยุคนั้นถึงขีดสุด กดดันจนเกิดขุนศึกขึ้นจำนวนมาก ก่อให้เกิดสามอาณาจักรในเวลาต่อมา
คนวงในที่มีปัญหา + คนวงนอกที่มีปัญหา = ความล้มเหลว
ในทางกลับกัน คนวงในดีๆ + คนวงนอกดีๆ = ความสำเร็จ
โจโฉมีคนในดีๆ หลายคน เช่นกุยแก ก็ทำให้เก่งไปอีกขั้น สามารถไปพิชติอ้วนเสี้ยวได้ ในขณะเดียวกันตอนเข้าตาจน แตกทัพจาผาแดง ไปเจอกวนอู ซึ่งเป็นคนนอกดีๆ ก็ทำให้โจโฉมีชีวิตรอด จะว่าไปให้ลึกอีกขึ้น ขงเบ้งดูเหมือนจะเป้นคนวางแผนให้โจโฉหนีไปเจอกวนอูเอง เพราะขงเบ้งเชื่อว่ากวนอูจะไว้ชีวิตเป็นการตอบแทนบุคุณความแค้น จะได้ก่อการใหญ่ได้ในอนาคตแบบไม่ต้องรู้สึกผิด ยังไม่พอ การฆ่าโจโฉจะทำให้ดุลอำนาจเสียไป ถ้าไม่มีวุนก๊ก จ๊กก๊กก็จะถูกถล่มจากง่ออก๊ก จะว่าไปโจโฉมีกุยแก และกุนซือคนอื่นที่สุดยอดมากๆ เป็นวงใน และมีคนสุดยอดอย่างขงเบ้ง และกวนอูเป็นวงนอก สุดยอดไหมครับ ไม่แปลกที่โจโฉจะก้าวเข้าสู่อำนาจ
เล่าปี่ก็มีคนเจ๋งเป็นคนวงในคือขงเบ้ง กวนอู เตียวหุย มีคนวงนอกที่สุดยอดอย่างสุมาเต๊กโช ที่ได้แนะนำชีซีให้ ต่อมาชีซีก็แนะนำขงเบ้งมาให้ ขงเบ้งเองก็มีคนวงนอกคือจูกัดกิ๋นที่เป็นพี่ชายแท้ๆทำงานให้ซุนกวน ที่คอยเป็นตัวเชื่อมให้เกิดพันธมิตร ที่วุยก๊กข่มยังไงก็ไม่ลงในระยะแรก
ในแวดวงธุรกิจ เราพูดถึงคำว่า “แวดวง (Circle)” ครับ Poerter Gale คนเขียนหนังสือเรื่อง Your Network is Your Networth แนะนำไว้ดีมากๆครับว่าคนเราต้องมีมีแวดวงทั้งวงใน (Core Circle) และเครือข่ายคนวงนอก (Secondary Circle)
คนวงใน (Core Circle) ของเราคือ คนที่เราจะมองหาเป็นคนแรกเวลาเราขับรถไปแล้วเกิดยางแตก คนกลุ่มที่เราจะขอคำปรึกษาในเรื่องความคิด ชีวิต จิตวิญญาณ แม้กระทั่งเรื่องการเงิน คนวงในมักจะมีไม่มากประมาณ 3-5 คน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนสนิท คนในครอบครัว ที่เราพูดได้ทุกอย่าง ซึ่งก็ต้องเป็นคนดีด้วย
คนวงนอก (Secondary Circle) เป็นเครือข่ายของคนวงนอกที่มีอิทธิพลเชิงบวกกับเรา แต่เท่าที่รู้มาก็สัก 30-50 คน ไม่มากไปกว่านี้ คนพวกนี้อาจเป็นคนในวงการของคุณเอง หรือนอกวงการก็ได้ ที่คุณสามารถเอื้อมมือเข้าไปดึงเข้ามาช่วยมีส่วนในการสร้างความสำเร็จในชีวิตของคุณ
ในโลกยุคใหม่ศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากๆ ในขณะมีชีวิตคือปิกาสโซ่ ก็มีคนวงในวงนอกจำนวนมากคอยช่วยขยายความสำเร็จ จึงสามารถเปลี่ยนโลกได้ด้วย ในขณะเดียวกันก็มีฐานะดีด้วย ในขณะเดียวกันแวนโก๊ะ ผู้น่าสงสาร ท่านเป็นศิลปินที่เปลี่ยนโลกได้ แต่ภาพขายได้ตอนท่านตายไปแล้ว แต่ตอนมีชีวิตอยู่ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรู้ เขียนภาพมาสองพันภาพ แต่ขายได้ภาพสองภาพขณะมีชีวิต ท่านหลังนี้แยกตัวเองไปอยู่ในป่าไม่รู้ใจใคร มีคนวงในเพียงคนเดียวคือพี่ชาย ส่วนวงนอกไม่มีใครรู้จักและช่วยสนับสนุนได้เลย ที่สุดจบชีวิตอย่างน่าเศร้า
ดูเหมือนความจริงนี้น่าจะจริงนะ เพราะอธิบายความสำเร็จของคนยุคโบราณกับคนในยุคใหม่ได้อย่างสอดคล้องกันอย่างไม่น่าเชื่อ
คำถามสำคัญก็คือ ...แล้วเราจะหาคนวงในและคนวงนอกที่ดีๆ ได้อย่างไรครับ
จะเห็นว่าในยุคสามก๊ก เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นความพยายามของผู้นำ จะว่าไปในสมัยใหม่ๆ เราเรียกว่า Headhunter คือล่าหัวกันเลย เพราะได้มาคนเดียวก็คุ้มแล้วครับขงเบ้งได้เกียงอุยมาเป็น “คนวงใน” เท่านั้นเองก็สามารถยืดชีวิตจ๊กก๊กไปได้หลายปี
ต่อไปเป็นวิธีการครับเท่าที่ผมประมวลจากยุคสามก๊กและวิชาการยุคใหม่ๆ ซึ่งบางที่ผมไม่รู้จะหาแหล่งอ้างอิงที่ดีกว่าพระไตรปฏกได้ที่ไหน ผมขออ้างอิงหลักกัลยาณมิตร หรือการดูว่าใครเป็นมิตรแท้ไม่แท้ครับ ดังนี้ครับ
“กัลยาณมิตรธรรม 7 (องค์คุณของกัลยาณมิตร, คุณสมบัติของมิตรดีหรือมิตรแท้ คือท่านที่คบหรือเข้าหาแล้วจะเป็นเหตุให้เกิดความดีงามและความเจริญ ในที่นี้มุ่งเอามิตรประเภทครูหรือพี่เลี้ยงเป็นสำคัญ — qualities of a good friend)
1. ปิโย (น่ารัก ในฐานเป็นที่สบายใจและสนิทสนม ชวนให้อยากเข้าไปปรึกษา ไต่ถาม — lovable; endearing)
2. ครุ (น่าเคารพ ในฐานประพฤติสมควรแก่ฐานะ ให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ เป็นที่พึ่งใจ และปลอดภัย — estimable; respectable; venerable)
3. ภาวนีโย (น่าเจริญใจ หรือน่ายกย่อง ในฐานทรงคุณคือความรู้และภูมิปัญญาแท้จริง ทั้งเป็นผู้ฝึกอบรมและปรับปรุงตนอยู่เสมอ ควรเอาอย่าง ทำให้ระลึกและเอ่ยอ้างด้วยซาบซึ้งภูมิใจ — adorable; cultured; emulable)
4. วตฺตา จ (รู้จักพูดให้ได้ผล รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ รู้ว่าเมื่อไรควรพูดอะไรอย่างไร คอยให้คำแนะนำว่ากล่าวตักเตือน เป็นที่ปรึกษาที่ดี — being a counsellor)
5. วจนกฺขโม (อดทนต่อถ้อยคำ คือ พร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษาซักถามคำเสนอแนะวิพากษ์วิจารณ์ อดทน ฟังได้ไม่เบื่อ ไม่ฉุนเฉียว — being a patient listener)
6. คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา (แถลงเรื่องล้ำลึกได้ สามารถอธิบายเรื่องยุ่งยากซับซ้อน ให้เข้าใจ และให้เรียนรู้เรื่องราวที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไป — able to deliver deep discourses or to treat profound subjects)
7. โน จฏฺฐาเน นิโยชเย (ไม่ชักนำในอฐาน คือ ไม่แนะนำในเรื่องเหลวไหล หรือชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย — never exhorting groundlessly; not leading or spurring on to a useless end)”
นอกจากนี้ยังมีคำสอนของขงจ๊อที่ดูแล้วผู้นำยุคโบราณนี่จะดูไว้ เช่น “บัณฑิตรู้เฉพาะเรื่อง ที่ชอบด้วยคุณธรรม คนพาลรู้เฉพาะเรื่องที่ได้ผลกำไร”
เนื่องจากในยุคสมัยของเหี้ยนเต้ จนถึงยุคสามก๊กพุทธศาสนาเข้ามาในประเทศจีนแล้ว ส่วนคำสอนของขงจอ๊อก็มีมาก่อนหน้านั้นนานมากๆ
จริงๆ เหี้ยนเต้ และเล่าเสี้ยน สามารถเลือกดูได้ครับ ขันทีอาจพูดเก่ง แต่ด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้ากับขงจื๊อ ก็น่าจะทำให้เล่าเสี้ยนประเมินมิตรได้ เอาง่ายๆครับขันทีอาจได้ปิโย และครุ แต่ว่าภาวนีโย ข้อ 3 และข้อ 6 7 นี่ก็น่าจะบอกได้เลยใครเป็นมิตรแท้หรือไม่ แล้วเอาคำสอนขงจื๊อไปกรองด้วยก็น่าจะรอด
แต่แปลกที่ดูเหมือนสองท่านนี้มองไม่ขาด ที่สุดทั้งเมื่อวงในเน่า ก็ไม่ต้องพูดถึงวงนอกครับ..ไม่มีวันเอื้อมถึง และทุกอย่างก็ล่มสลาย
ผมจำไม่ผิดครับสอดคล้องกับแนวคิดสมัยใหม่มากๆ คุณสมคิด ลวางกูล
"วิธีการดำเนินชีวิต...ในแต่ละวัน...คือเครื่องมือทำนายอนาคตของคุณ...คุณอ่านหนังสือแบบไหน...คุณคบเพื่อนแบบไหน...คุณอยู่ในสังคมแบบไหน... ชีวิตคุณ...ก็จะเป็นแบบนั้น..."
(ดูที่ https://www.facebook.com/SomkidFanPage/posts/97410...)
ผมเขียนถึงตรงนี้ ไม่ได้แล้วครับ ผมว่าถ้าไม่ทบทวนเรื่องวงในและวงนอก ผมจึงขอเชิญชวนท่านผู้อ่าน และตัวผมเองมาทบทวนตัวเองแล้วครับ
คนวงใน และคนวงนอกของท่านที่สร้างพลังใจ นำความรู้ ความสุข ความดีมาให้ท่านหรือไม่ ไม่มี แถมบั่นทอน ..ต้องคิดใหม่แล้วครับ
ลองดูหลักกัลยาณมิตรธรรม 7 ประการ และคำสอนของขงจื๊อมาช่วยมองคนด้วย
Purpose และ Vision ของท่านจะมีส่วนสำคัญในการสร้างแวดวงครับ ลองไปดูที่ผมเขียนมาเมื่อสองตอนก่อน มันอยู่ที่ท่านจะเกิดมาเพื่ออะไร และจะทำอะไรด้วย ตัวนี้ก็สำคัญครับ
ผมว่าก่อนท่านจะหาเพื่อนแท้ ท่านก็ต้องเป็นเพื่อนแท้ให้คนอื่นด้วย คือเป็นกัลยาณมิตรนั่นเอง ถ้าเราไม่แท้ ก็ไม่มีใครแท้กับเรา จริงไหมครับ
วันนี้พอเท่านี้ เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ