xs
xsm
sm
md
lg

เรียนรู้ SOAR Analysis จากหนังดัง "LA LA Land"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย - ดร. ภิญโญ รัตนาพันธุ์

LA LA Land หนังที่ได้รางวัล Global Globe Award ถึง 7 รางวัล หนังที่ผมคิดว่าอย่างผมคงไม่มีวันไปดู แต่พอดูลูกกับภรรยาไปดู เลยต้องพาไป ...แต่เมื่อดูก็ตื่นเต้นครับ หนังน่ารักมากๆ เนื้อหาพื้นๆ แต่ เพลงเพราะมากๆ ....หนังเป็นเรื่องคนมีความฝันสองคนที่เข้ามาหาแสวงโชคใน Hollywood ทั้งสองต้องต่อสู้ ดิ้นรน เอาชีวิตรอดไปวันๆ ลำบากมากๆ หนังพูดถึงพระเอกที่เล่นเปียโนเก่งมากๆ แต่ก็หางานไม่ค่อยได้ เพราะศิลปินเกินไป ส่วนนางเอกแววยังไม่ออกมากนัก แต่ชอบงานแสดง ทั้งสองต่อสู้ฝ่าฟันจนในที่สุดก็มีชีวิตตามฝัน แม้ว่าทั้งสองที่เคยรักกันจะมีชะตากรรมความรักที่ไม่สวยนัก

เรื่องนี้นอกจากเพลงเพราะ เต้นเก่งมากๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เมื่อดูดีๆ . ผมตื่นเต้นมาก ...เรื่องนี้สอนอะไรหลายเรื่อง .. เรื่องสำคัญมากๆ คือเรื่อง SOAR Analysis ศาสต์การพัฒนาองค์กร ที่เน้นจากจุดแข็ง ... ศาตร์นี้เอามาแทน SWOT .... SOAR เป็นอะไรที่ดึงพลังคนในองค์กรมากกว่า เพราะเน้นจุดแข็ง แล้วเอาจุดแข็งไปขยายผล แก้จุดอ่อน หรือก้าวข้ามภัยคุกคามไปเลย ...

SOAR Analysis มาจากคำว่า
Strengths = จุดแข็ง จุดแข็งแบบ SOAR นี่เป็นความภูมิใจ ความสามารถอะไรก็ได้ ...ที่อาจยังไม่ได้รับการยอมรับ
Opportunities = โอกาสอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์กับองค์กร ตัวนี้ เราเอาจุดแข็งเรามามองหาโอกาส หรือหาโอกาสอะไรก็ได้ ที่จะทำให้เราใช้จุดแข็งได้อย่างเต็มที่ ...หรืออาจมีเรื่องดีๆ อะไรที่อยู่นอกองค์กรที่เราอยากดึงเข้ามาเป็นโอกาสของเรา
Aspiration = จากจุดแข็ง โอกาสที่มีอยู่เราจะสร้างความฝันเราอย่างไร ... ตัวนี้ให้มองไปไกลอีกขั้น ว่าโลกต้องการอะไรจากจุดแข็งของเรา
Aspiration ยังครอบคลุมถึง Action คือการพยายามอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อทำตามความฝันเราให้เป็นจริง
Results = ผลดีที่เกิดขึ้น ที่วัดได้ และที่วัดไม่ได้ รูปธรรม ไม่เป็นรูปธรรม

ผมบอกเลยว่าพระเอกนางเอกมีรูปแบบการสร้างทำความฝันให้เป็นจริงแบบ SOAR Analysis ตามมาดูกัน
S= ทั้งสองคนมีจุดแข็ง นางเอกไม่ชัดมาก เพียงแต่ว่าแต่เดิมเรียนกฏหมายอยู่ แต่ก็จำได้ว่าตั้งแต่เด็ก ชอบแสดงละคร ส่วนพระเอกชอบเล่นเปียโนแจ๊สมาก ชอบดัดแปลงเพลง (Improvised) ขอให้ตั้งข้อสังเกตนิดครับ
O= ทั้งสองหาโอกาสก็คือการเข้าไปอยู่ใน Hollywood นางเอกเพื่อ Casting ให้ได้มากที่สุด ส่วนพระเอกก็ยังอยู่ใน Hollywood เพราะเป็นแหล่งงาน
A= ความฝันชัดมากๆ นางเอกที่ดาราชื่อดังเป็นต้นแบบ คือประมาณฝันเป็นดารา พระเอกฝันจะเปิดผับ Jass ที่มีความเป็น Jass ที่แท้จริง
Action ทั้งสองพยายามอย่างไม่ลดละ นางเอกก็ทำงานเลี้ยงตัวเป็นพนักงานขายกาแฟไป ...ทำงานไป Casting ไป ล้มเหลวก็ทำไปเรื่อยๆ พระเอกก็ทำงานไป ถูกไล่ออกไป ...
ทั้งสองถอดใจ แต่ก็พยายามเชียร์กัน ดึงกัน
มาถึงจุดเปลี่ยนที่นางเอกเขียนบทและเปิดการแสดงของตัวเอง แต่ล้มเหลว แต่ในหมู่คนดูไท่กี่คนกลับเห็นศักยภาพนางเอก เลยดึงนางเอกมาแสดงหนังเรื่องแรก
พระเอกไปร่วมวงกับวงดนตรีที่ต่อมาดัง ..ทำให้ได้เงินมากๆ
ถ้าคุณดูตรงนี้จะเห็นว่าจะมีจุดอ่อนอะไร ภัยคุกคามอะไร อาจทำให้เขาทั้งสองหวั่นไหว แต่จะเห็นความทั้งสองใช้ความฝันเป็นเหมือนเข็มทิศ ส่วนจุดแข็งเป็นสมองนำทาง สู้ไม่ได้ถอย ไปหาจุดใหม่ จากนั้นสู้ต่อ รุกรับถอยจากจุดแข็ง ...
R = ผลที่เกิดคือนางเอกกลายเป็นดาราดัง ..พระเอกเมื่อได้เงินมาก็เอาเงินจากทัวร์ Concert (ไม่ชอบแต่ทำไปก่อน) เอามาลงทุนจนได้ Pub เพลงแจ๊สที่ประสบความสำเร็จ แต่ผลที่ตามมาอย่างหนึ่งคือทั้งสองไม่ได้แต่งงานกัน ... ไปแต่งกันคนอื่น

เรื่องนี้ทำให้ผมเห็นกลไกของ SOAR Analysis ได้ชัดเจนมากขึ้นคือ
1.จุดแข็ง มาจากความสามารถการทำอะไรได้อย่างเป็นธรรมชาติไม่ฝืน อยากลงลึกขึ้นเรื่อยๆ มาจากเรื่องดีๆ ที่เรามองเห็นตัวเรา แม้คนอื่นจะมองไม่เห็นก็ตาม
2.โอกาส คุณต้องพาตัวเองไปอยู่ไกล้โอกาสให้มากที่สุด
3.ความฝัน ต้องมีภาพฝันที่ชัด ...นางเอกมองนางเอกรุ่นพี่เธอรู้ว่าคนดังกินกาแฟอย่างไร เดินไปไหน พระเอกก็มีความฝันอยากเปิด Pub... Pub ที่ว่ามีที่ตั้งอยู่ พระเอกก็แวะไปดูบ่อยๆ นั่นหมายถึงภาพฝันต้องชัด ทั้งสองไม่ได้ฝันว่าจะเป็นที่หนึ่ง...เพียงแต่มีภาพฝันที่ไกลตัว เกินตัวแต่ชัดเจนมากๆ เท่านั้น
4.ส่วนการทำตามความฝันให้เป็นจริง ก็คือการเอาตัวเขาไปอยู่ไกล้โอกาส ...พยายามเอาจุดแข็งไปใช้ พยายามขยายโอกาส ถึงขั้นทำละครเอง แสดงเอง..จริงจังมากๆ .. ต้อมเชื่อมโยงจุดแข็งกับโอกาสเท่าที่จะจินตนาการได้
5.การมีกัลยาณมิตร ทั้งสองเป็นเพื่อนที่คอยประคับประคองกัน ให้กำลังใจกัน
6.แต่ละคนมีวิธีการไม่เหมือนกันในการสร้างความสำเร็จ คนหนึ่งลุยไปทำสิ่งไม่ชอบ เพื่อหาเงินทุนก่อน แล้วค่อยเอามาสร้างร้านในฝัน ...อีกคนลุย Casting ไป สร้างละครไป.. นางเอกนี่ลุยตรงๆ
7.Result ผลที่ดีจะตามมาเอง เพราะเมื่อเหตุชัด ผลย่อมชัด แต่แน่นอนเรื่องการไม่ได้แต่งงานกัน ถ้าดูให้ดีก็น่าสงสาร ด้วยว่าทั้งสองไม่ได้สร้างสมดุลชีวิต Worklife Balance ...ทั้งสองไม่ได้วาดภาพชีวิตคู่ตัวเองให้อยู่คู่ความฝัน ไม่พยายามมากพอ .. นี่เองที่ Result เลยออกมาดีในเรื่องงานอย่างเดียว

ต้องขอบคุณหนังเรื่องนี้ที่ทำให้ผมกลไกการทำ SOAR Analysis ที่ชัดเจนมากขึ้นไปอีกในหลายประเด็น
เพราะฉะนั้นเวลาทำ SOAR Analsysis จะเป็นในตัวเอง จนไปถึงองค์กรในภาพใหญ่ สิ่งที่ควรทำมากๆคือ
1.การทำ SOAR Analysis เน้นการหาจุดแข็งหรือ Good Story ของทุกคน ไม่ใช่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
2.ต้องเน้นว่าจุดแข็งของเรื่องราวดีๆ เรื่องที่เราทำได้ดีของคนทุกคน ..ไม่ต้องระดับที่เก่งจนคนยกย่องก็ได้ . จนเห็นชัดก่อนก็ได้ เอาเป็นว่ามึเรื่องดีๆ นิดเดียวก็เป็นเรื่องดีๆทั้งนั้น เพราะเรื่องดีๆ ที่ดัง มาจากเรื่องดีๆ ที่ไม่ดังมาก่อนทั้งสิ้น
3.SOAR ไม่ควรจบในห้องประชุม ต้องหมั่นทบทวน เอามาใช้เป็นเลนส์มองหาโอกาส... เราจะเอาจุดแข็งไปสร้างโอกาสอะไรได้บ้าง หรือมีโอกาสอะไรบ้างที่เราจะเอาจุดแข็งไปใช้สร้างความฝันของเรา
4.Aspiration ไม่ต้องพยายามเป็นที่หนึ่งเหนือใคร ... เราควรมีต้นแบบ มีความฝันที่ชัดเจน ว่าเมื่อเราใช้จุดแข็งเรามากๆแล้วโอกาสเปิด ตอนนั้นเราจะเป็นใคร ไปดูสถานที่จริง คนจริงเอามาเป็นต้นแบบให้ชัดๆ
5.การทำตามความฝันต้องจริงจัง คิดเชื่อมโยงจุดแข็งกับโอกาสให้มากที่สุด ทำทุกลมหายใจ ไม่ใช่วางแผนเสร็จ ก็ทิ้งแผนไว้ที่ผนังห้อง
6.หาพันธมิตรเพื่อนการเติบโตทางธุรกิจ หากัลยาณมิตรเพื่อการเติบโตทางจิตวิญญาณ และพลังใจ
7.เท่าที่ดูในเรื่องทุกคนมีวิธีการต่างกันในการสร้างความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องเดินด้วยวิธีการเดียวกัน
8.อย่าลืมเรื่อง Worklife Balance สมดุลชีวิต ไม่งั๊นงานได้ผล ครอบครัวอาจแหลกราญได้
9.เจอปัญหาอะไรอย่าลืมกลับไปดูความฝัน และใช้จุดแข็ง รุกรับถอยตามสถานการณ์ รับรองไปรอด ไม่หมกมุ่น ไม่ตกหล่ม
10.ผลจะออกมาดีเอง ตรงนี้ก็อาจดูว่าชีวิตควรมีรายได้เท่าไหร่ ที่จะทำให้เรามีความสุข สามารถมีเงินมาพัฒนาตนเอง/องค์กรได้

เช่นตอนนี้ผมทำ SOAR ตนเอง
S = เขียนบทความเชิงวิเคราะห์โดยเฉพาะแนวพัฒนาตนเอง หรือองค์กรแบบไม่เหมือนใคร เพราะวิเคราะห์จากหนังด้วย ผสม Theory ไปด้วย case จริงไปด้วย (มีคนบอก แล้วผมก็ชอบเองด้วย)
O= ตอนนี้มีคนชวนเอาไปรวมเล่มเป็นหนังสือ เป็นโอกาสเลย
A = ฝันเห็นว่าคนไทยมีหนังสือดีๆ ด้านการพัฒนาองค์กร ที่อ่านสนุกน่าติดตาม แต่ให้ความรู้ไปใช้จริงได้ ในราคาไม่แพง
ส่วน Action ผมเริ่มรวบรวมแล้ว ให้เสร็จในเดือนมีนา ตอนนี้มีบรรณาธิกาiที่เป็นทั้งกัลยาณมิตรและพันธมิตอาสามาช่วยดูแลแล้ว
ต้อง Balance ตัวเอง อย่าทำงานกลางคืน กลางคืนเวลาครอบครัว ...
R= เดือนตุลา ผมจะไปเปิดตัวงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติให้ได้

SOAR ใช้ทำกับตนเองตนถึงองค์กรขนาดยักษ์
SOAR Analysis ที่ผมใช้ทำกับองค์กรก็แห่งหนึ่งที่ผมภาคภูมิใจมากๆก็คือ แผนกลยุทธ์ของสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ส่วนลูกศิษย์และอาจารย์ของผมทำที่ ABAC
ลองดูนะครับ SOAR Analysis ศาสตร์ที่สุดยอดมากๆ ค่อยๆ ศึกษา แต่แม้เป็นแล้ว ... Dynamic ของมันสำคัญกว่า มีจุดแข็งต้องเอาไปใช้สุดๆ สร้างโอกาส สร้างความฝัน ในขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงสมดุลชีวิตด้วย
ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น