xs
xsm
sm
md
lg

ธพว.เฮ! คว้า 89.54 คะแนน ด้านการประเมินคุณธรรม-ความโปร่งใสจากป.ป.ช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมชาย หาญหิรัญ ประธานกรรมการ (ซ้าย) และนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ (ขวา) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)
ธพว.ปลื้มได้คะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐจากป.ป.ช.สูงถึง 89.54% พร้อมประกาศเจตจำนงสุจริต ให้สัตย์ปฏิญาณถวายเป็นพระราชกุศลสตมวาร เป็นเวลา 100 วัน น้อมนำพระราชดำรัสยึดหลักธรรมาภิบาลเป็นแนวทางการปฏิบัติงานของธนาคาร รุกเดินหน้ากองทุนพัฒนา SMEs ตามแนวทางประชารัฐ

นายสมชาย หาญหิรัญ ประธานกรรมการ และนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Development Bank ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินงานของ ธพว. ด้านการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยปี 2559 จัดอยู่ในระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานสูงมาก คือคะแนนร้อยละ 89.55 อยู่ลำดับที่ 13 ซึ่งถือเป็นลำดับสูงสุดของเกณฑ์การให้คะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐของป.ป.ช. โดยมีค่าคะแนนที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา คือปี 2558 ซึ่งเป็นปีแรกที่ธนาคารเข้าร่วมในการประเมินกับสำนักงาน ป.ป.ช. คะแนนอยู่ในระดับร้อยละ 79.44 หรือลำดับที่ 73 โดยเลื่อนขึ้นมา 60 ลำดับ มีระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานสูง

ธนาคารตระหนักถึงความสำคัญของระบบธรรมาภิบาล (Corporate Governance หรือ CG) ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการส่งเสริมให้ธนาคารเป็นสถาบันการเงินชั้นนำทางด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีการบริหารจัดการองค์กรอย่างเป็นเลิศ มีคุณธรรมในการดำเนินงาน มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจการในระยะยาว คุ้มครองผลประโยชน์ของผู้เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อีกทั้ง ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจให้บรรลุวิสัยทัศน์ขององค์กร ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่ธนาคารจะนำไปใช้และถือปฏิบัติอย่างจริงจังเพื่อให้เกิดกลไกและระบบการบริหารจัดการที่ดีในธนาคาร อันจะนำไปสู่การเป็นสถาบันการเงินของรัฐที่มีความโปร่งใส มีความน่าเชื่อถือ สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อการนำไปสู่การพัฒนา SMEs อย่างยั่งยืนต่อไป

ทั้งนี้ ในปี 2557 ธนาคารได้ลงนามความร่วมมือเรื่องการขับเคลื่อนและป้องกันปราบปรามการทุจริตระหว่าง ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อเข้าร่วมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส โดยลักษณะการประเมินแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.แบบสำรวจการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Integrity and Transparency Assessment: EBIT) 2.ข้อมูลบุคลากรภายในหน่วยงาน ตามแบบสำรวจความคิดเห็นภายใน (Internal Integrity and Transparency Assessment: IIT) และ3.ข้อมูลผู้รับบริการหรือผู้มีส่วนได้เสียของหน่วยงานตามแบบสำรวจความคิดเห็น (External Integrity and Transparency Assessment : EIT) ซึ่งผลการประเมินสูงมากดังกล่าวสะท้อนให้เห็นลักษณะทางบวกของธนาคารว่ามีการดำเนินงานที่มีคุณธรรมและความโปร่งใส โดยในปี 2560 ธนาคารจะดำเนินการยึดมั่นในหลักคุณธรรมและความโปร่งใสอย่างต่อเนื่อง และนำข้อเสนอแนะจากสำนักงาน ป.ป.ช. มาเป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้มีระดับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ดีมาก

สำหรับผู้บริหารและพนักงานของธนาคารได้ประกาศเจตจำนงสุจริตโดยให้สัตย์ปฏิญาณถวายเป็นพระราชกุศลสตมวาร เป็นเวลา 100 วัน น้อมนำพระราชดำรัสยึดหลักธรรมาภิบาลเป็นแนวทางการปฏิบัติงานของธนาคาร พร้อมแจ้งเรื่องการยึดหลักธรรมาภิบาลให้กับหน่วยงานที่ทำธุรกรรมกับธนาคารได้ทราบและยึดถือปฏิบัติโดยทั่วกัน นอกจากนี้ ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับได้ร่วมใจกันตอบแบบรายงานความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เพื่อเน้นย้ำบทบาทการเป็นธนาคารที่ดำเนินงานอย่างโปร่งใส และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมหรือการกระทำที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์

ส่วนความคืบหน้าการดำเนินโครงการ “กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐ” ตามยุทธศาสตร์รัฐบาลที่ได้รับอนุมัติจากงบประมาณกลางปี 2560 ตามมติครม.เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2560 อยู่ในระหว่างการออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อให้มีอำนาจตามกฎหมาย ซึ่งระหว่างนี้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับธนาคารในฐานะหน่วยงานร่วมได้จัดเตรียมข้อมูลเพื่อกำหนดแนวทางการคัดเลือกประเภทธุรกิจเป้าหมายในการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy) ของแต่ละจังหวัด คุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมายที่จะมาเข้าร่วมกองทุน และแนวทางหลักเกณฑ์การพิจารณาของคณะอนุกรรมการในระดับต่างๆ โดยหลักเกณฑ์และแนวทางข้างต้นจะต้องผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐก่อน จึงจะสามารถนำไปปฏิบัติจริงได้ ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ พร้อมจะเปิดตัวโครงการ “กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐ” ในวันที่ 10 มีนาคม 2560 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจะเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศและตัวแทนหน่วยงานร่วมเข้าร่วมงาน กองทุนนี้เป็นสินเชื่อที่กระตุ้นให้ผู้ประกอบการ SMEs ลงทุนเพื่อส่งเสริมศักยภาพเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy) ตามยุทธศาสตร์ SMEs 4.0 และS-Curve ประจำจังหวัดต่างๆ

ทั้งนี้ ธนาคารกำลังเร่งดำเนินงานตามนโยบายของคณะกรรมการธนาคารให้เป็นไปตามภารกิจการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนา หรือ Development Bank อย่างเต็มตัว เพื่อเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศ และเป็น SMEs Solution คอยช่วยเหลือ SMEs โดยธนาคารจะร่วมทำงานกับหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรพันธมิตรในภาพรวม เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้อยู่รอด สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น