เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ได้ส่งจดหมายชี้แจงไปยังสื่อมวลชนต่างๆ เรื่อง“สถานการณ์ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าของโตชิบาในประเทศไทย” ลงชื่อโดยนางกนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกรรมการบริหาร และมร.มาซาอากิ คิมูระ ประธาน บริษัทฯ มีเนื้อหาว่า จากที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการขาดทุนของโตชิบา คอร์ปอเรชั่น อันเนื่องมาจากธุรกิจนิวเคลียร์ หลายๆ ท่านอาจมี่คำถามว่า “ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าโตชิบา จะถูกกระทบมากน้อยแค่ไหน และจะยังคงอยู่ในประเทศไทยหรือไม่?”
บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ขอชี้แจงว่า “นับตั้งแต่ 30 มิถุนายน 2559 เป็นต้นมา กลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าโตชิบาได้ควบรวมกับ Midea Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าวนครัวเรือนขนาดใหญ่ของโลก และติดอันดับ Fortune Global 500 ดังนั้น โตชิบาจะขยายธุรกิจโดยใช้จุดแข็งในด้านคุณภาพและเทคโนโลยีของ Toshiba รวมกับทรัพยากรที่แข็งแกร่งของ Midea โดยพาะต้นทุนของวัตถุดิบในการผลิตมาเสริม และยังคงรักษาฐานการผลิตในประเทศไทยเป็นหลัก เพื่อที่จะเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ในการขยายตลาดทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคนี้ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าของโตชิบาไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของโตชิบา คอร์ปอเรชั่น แต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น โตชิบาในประเทศไทยจะมีความมั่นคง แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น จากการที่จะมีสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการได้มากขึ้น อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจให้ดูแลตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนในประเทศลาว พม่า และกัมพูชาอีกด้วย
บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ขอชี้แจงว่า “นับตั้งแต่ 30 มิถุนายน 2559 เป็นต้นมา กลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าโตชิบาได้ควบรวมกับ Midea Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าวนครัวเรือนขนาดใหญ่ของโลก และติดอันดับ Fortune Global 500 ดังนั้น โตชิบาจะขยายธุรกิจโดยใช้จุดแข็งในด้านคุณภาพและเทคโนโลยีของ Toshiba รวมกับทรัพยากรที่แข็งแกร่งของ Midea โดยพาะต้นทุนของวัตถุดิบในการผลิตมาเสริม และยังคงรักษาฐานการผลิตในประเทศไทยเป็นหลัก เพื่อที่จะเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ในการขยายตลาดทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคนี้ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าของโตชิบาไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของโตชิบา คอร์ปอเรชั่น แต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น โตชิบาในประเทศไทยจะมีความมั่นคง แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น จากการที่จะมีสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการได้มากขึ้น อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจให้ดูแลตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนในประเทศลาว พม่า และกัมพูชาอีกด้วย