xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มซีคอน เปิดเกมรับสังคมดิจิตอล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์
ตลาดรับสร้างบ้านก้าวสู่การตลาดยุคดิจิตอล ‘กลุ่มซีคอน โฮม’ เปิดกลยุทธ์ใหม่ สะท้อนความแข็งแกร่งของจุดขายที่เหนือกว่าผ่านแนวคิด ‘Seacon Home First Class Experience’ พร้อมมอบประสบการณ์การสร้างบ้านระดับ ‘เฟิร์ส คลาส’ หวังให้สอดคล้องกับการปรับตัวของพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอนโฮม จำกัด เปิดเผยถึงการปรับกลยุทธ์การตลาดครั้งใหม่ในครั้งนี้ว่า จากผลสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยในปี 2559 พบว่า ปัจจุบันคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยคนละ 6.4 ชั่วโมงต่อวัน โดยกลุ่ม Gen B หรือ Baby Boomer Generation กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489 – 2507 อายุ 44 – 62 ปี คือ กลุ่มที่มีการใช้งาน Social Network สูงขึ้นมากกว่าในอดีต
ขณะที่กลุ่ม Gen X Gen Y และ Gen Z นิยมบริโภคคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้ และเพื่อเป็นการปรับตัวรับกับรูปแบบพฤติกรรมการสื่อสารที่เปลี่ยนไปในไทย กลุ่มซีคอน โฮม จึงได้สร้างแพลตฟอร์มการสื่อสารครั้งใหม่เพื่อตอบรับยุคออนไลน์ ด้วยการนำความแข็งแกร่งทางประสบการณ์มาถ่ายทอดให้เกิด brand loyalty และสร้าง brand awareness ผ่าน marketing campaign ใหม่ ‘Seacon Home First Class Experience’ ที่สะท้อนให้เห็น 3 มิติที่เหนือกว่า ประกอบด้วย First Class Consultant, First Class Construction และ First Class Management
“3 มิติด้านบริการที่สะท้อนถึงความเป็นเลิศของกลุ่มซีคอน โฮม จะถูกถ่ายทอดผ่านสื่อทั้ง traditional media และ online media เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในทุก generation” ซึ่งได้ปล่อย VDO clip เรื่องแรกออก ‘สุดจะทนกับคนหัวดื้อ’ ไปเมื่อกลางเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถสร้างให้เกิดการพูดถึงในแวดวงธุรกิจรับสร้างบ้านถึงการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ในขณะที่กระแสตอบรับจากกลุ่มลูกค้าก็สะท้อนกลับมาในเชิงบวก ปัจจุบัน VDO clip ชุดแรก หลังจากปล่อยไปได้ประมาณ 2 สัปดาห์สามารถสร้าง engagement เป็นที่น่าพอใจ”

กลยุทธ์ดังกล่าวจะใช้ตลอดปีเพื่อนำเสนอความเป็นตัวตนของ ซีคอน โฮม ทั้งด้านสินค้าและบริการ ที่อ้างอิงจากความรู้สึกของลูกค้าจริงของเรามาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวผ่านการพัฒนาคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 เราวางงบการโปรโมทแบรนด์และบริการ ผ่านแคมเปญ Seacon Home First Class Experience ไว้สูงถึง 60% ของงบโดยรวม ซึ่งเชื่อมั่นว่าการขยับตัวครั้งใหญ่ของเราในครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งที่ซีคอนโฮมสร้างมาตลอด 56 ปีให้แก่กลุ่มลูกค้าเดิม ในขณะที่สามารถสร้างความเข้าใจและการรับรู้ในแบรนด์สู่กลุ่ม generation ใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อสร้างกระแสการรับรู้เชิง mass กลุ่มซีคอน โฮม จึงได้สร้างสรรค์ภพยนตร์โฆษณา (TVC) ชุดใหม่ ภายใต้ concept เดียวกัน คือ Seacon Home First Class Experience ที่จะเริ่ม on air ในวันที่ 7 ม.ค. นี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในทุกๆด้าน ของประสบการณ์ด้าน งานก่อสร้าง การบริหารจัดการ และความสามารถในการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าให้เกิดความไว้วางใจให้เราเป็นผู้ให้บริการสร้างบ้าน
ด้านนโยบายการพัฒนาแบบบ้านใหม่ในปี 2560 นั้น นางสาวศุภิชชากล่าวถึงทิศทางดังกล่าวว่า “ในปี 2560 เราต้องการเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยทำงาน เริ่มมีเงินเก็บเพื่อสร้างบ้านเป็นของตนเอง ถ้าพิจารณาาตามฐานข้อมูลเก่าของลูกค้าที่มีอยู่พบว่า คนกลุ่มนี้จะต้องการบ้านขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ดังนั้น แนวทางการออกแบบบ้านของกลุ่มซีคอน โฮม จะเน้นพัฒนาแบบบ้านเพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 150 – 250 ตารางเมตร ควบคู่กับ Lifestyle ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสเลือกได้ตาม life style และตามงบประมาณที่ตั้งไว้”
“กลุ่มซีคอน โฮม คาดว่าภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านในไทยในปี 2560 น่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากการสร้างรถไฟฟ้าที่ทยอยแล้วเสร็จหลายเส้นทาง เพิ่มความสะดวกสบายของการเดินทาง ทำให้คนที่มีที่ดินอยู่ชานเมืองสนใจสร้างบ้านอยู่อาศัยหรือสร้างอาคารเพื่อการพาณิชย์มากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มผู้ที่ต้องการสร้างบ้านใหม่ทดแทนบ้านเดิมก็เริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน” นางสาวศุภิชชากล่าวสรุป
ทั้งนี้ ในปี 2559 กลุ่มซีคอน โฮม สามารถสร้างผลงานได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยมียอดขายรวมทั้งกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากซีคอน โฮม จำนวน 55 หลัง มูลค่า 500 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายรวมของคอมแพค โฮมและบัดเจท โฮม รวม 210 หลัง มูลค่า 700 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มซีคอน โฮมมีอัตราการเติบโตในปี 2559 ที่ 6% และคาดว่าจากการทุ่มงบปลุกกระแสการรับรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ในปี 2560 จะทำให้สามารถสร้างอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10% หรือที่ยอดขาย 1,300 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น