ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัย QS University Rankings: Asia 2016 เมื่อ 14 มิถุนายน 2559 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของไทย และอันดับที่ 45 ของเอเชีย
ศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาฯ เปิดเผยถึงผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัย QS University Ranking Asia ประจำปี 2016 ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 45 ของเอเชีย โดยอันดับในปีนี้ขยับขึ้นจากปีที่แล้วถึง 8 อันดับ
ศ.ดร.บัณฑิต กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีที่จุฬาฯ ได้รับการจัดอันดับดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 8 อันดับ และได้ครองอันดับ 1 ของประเทศไทยในปีนี้ โดยในปีนี้จุฬาฯ ได้คะแนนรวมทั้งสิ้น 69.80 คะแนน (จาก 100 คะแนน) เป็นผลมาจากการที่จุฬาฯ มีคะแนนสูงขึ้นหลายๆ ด้าน ได้แก่ 1.การยอมรับในระดับสากลด้านความเข้มแข็งทางวิชาการของมหาวิทยาลัย (Academic Reputation) ที่ได้คะแนนมากถึง 95.3 คะแนน สูงเป็นอันดับที่ 22 ของเอเชีย และ 2.การยอมรับในระดับสากลด้านทัศนคติของผู้จ้างงานบัณฑิต (Employer Reputation) ที่ได้คะแนน 85.4 คะแนน สูงเป็นอันดับที่ 41 ของเอเชีย ซึ่งคะแนนทั้งสองด้านนี้ของจุฬาฯ สูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทยเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยที่ได้รับการอันดับให้อยู่ใน 5 อันดับแรกของเอเชีย ได้แก่ อันดับที่ 1 National University of Singapore (สิงคโปร์) อันดับที่ 2 The University of Hong Kong (ฮ่องกง) อันดับที่ 3 Nanyang Technological University (สิงคโปร์) อันดับที่ 4 The Hong Kong University of Science and Technology (ฮ่องกง) และอันดับที่ 5 Tsinghua University (จีน)
นอกจากนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยไทยอีก 7 แห่งที่ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน 200 อันดับแรกของเอเชีย ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล (อันดับที่ 61) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อันดับที่ 101) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (อันดับที่ 104) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (อันดับที่ 129) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (อันดับที่ 161) มหาวิทยาลัยขอนแก่น (อันดับที่ 165) และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (อันดับที่ 185)
สำหรับการจัดอันดับ QS University Rankings: Asia จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยสถาบัน Quacquarelli Symonds (QS) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยมีการประมวลผลข้อมูลจากทั้งผลสำรวจความเห็นจากทั่วโลก ฐานข้อมูลงานวิจัย ตลอดจนข้อมูลสถิติในด้านต่างๆ ของแต่ละมหาวิทยาลัย รวบรวมเป็นผลการจัดอันดับในแต่ละปี และผลดังกล่าวมักจะถูกใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงประกอบการตัดสินใจของนักศึกษาในการเลือกศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในประเทศต่างๆ ซึ่งการจัดอันดับในครั้งนี้มีการพิจารณาสถาบันอุดมศึกษาทั่วเอเชีย แต่นำเสนอผลการจัดอันดับเพียง 350 สถาบัน จากเกณฑ์การพิจารณา ได้แก่ ความมีชื่อเสียงทางวิชาการ (Academic Reputation) ทัศนคติของผู้จ้างงานบัณฑิต (Employer Reputation) สัดส่วนจำนวนอาจารย์ต่อนักศึกษา (Faculty/student ratio) คุณวุฒิคณาจารย์ระดับปริญญาเอก (Faculty Staff with PhD) สัดส่วนการอ้างอิงต่อผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ (Citations) สัดส่วนนักศึกษาและอาจารย์ชาวต่างชาติ (Proportion of International Faculty and Students) และสัดส่วนนักศึกษาแลกเปลี่ยน (Proportion of Exchange Students)
